หลานชายอายุไม่ถึง 1 ขวบ ป่วยมีไข้สูง ไปตรวจที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ผลออกมาเป็น RSV หมออธิบายเกี่ยวกับโรคให้ฟัง เป็นไวรัสชนิดหนึ่ง ยังไม่มียารักษา ต้องรักษาตามอาการ และให้ admit ดูอาการ แต่หมอที่เราไปพบ เป็นหมอพิเศษ ไม่ใช่หมอประจำ วันรุ่งขึ้นมีหมอประจำมา รพ. หมอให้ตรวจค่าเม็ดเลือดขาว พยาบาลบอกว่าค่าปกติ แต่หมอจ่ายยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย zithromax ก็งงนะ ติดเชื้อไวรัส แต่จ่ายยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย หมออธิบายว่า ส่วนใหญ่เด็กที่ป่วยหนัก จะติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย ก็ควรกินกันไว้ก่อน!!!
นอน 3 คืน ออกจาก รพ. มาด้วย คชจ. 4x,xxx บาท แต่ที่ช็อคคือ ค่าไซริงค์สำหรับป้อนยา 2,xxx บาท พอสอบถามกับพยาบาลถึงรู้ว่า ทุกครั้งที่พยาบาลเข้ามาป้อนยาเด็ก พยาบาลจะดูดยาใส่ไซริงค์เข้ามาเลย สมมติกินยา 4 ตัว ก็ใช้ไซริงค์ 4 อัน กินยาเสร็จก็ทิ้งไปเลย เพราะหากนำมาล้าง อาจทำให้ไซริงค์ไปปะปนกับของห้องอื่น เมื่อนำมาใช้จะทำให้ติดเชื้อได้ และไซริงค์ที่โรงพยาบาลใช้ เป็นยี่ห้อของญี่ปุ่น ราคาแพงกว่าไซริงค์ทั่วไป
จบไป 1 เรื่อง เมื่อสัปดาห์ก่อน ลูกสาวเราโดนแมวข่วนที่ ตจว.ไปพบหมอที่ รพ.รัฐในจังหวัดนั้น หมอแนะนำให้ฉีดยาป้องกันพิษสุนัขบ้า เพราะแมวที่ข่วนเป็นแมวจรจัด หมอเลือกฉีดยาแบบฉีดเข้าทางผิวหนัง ซึ่งต้องฉีดบนต้นแขน 2 ข้าง แต่ฉีดแค่ 4 ครั้ง หากฉีดเข้าทางกล้ามเนื้อ จะต้องฉีด 5 ครั้ง พอเรากลับมา กทม. ก็มีกำหนดต้องไปฉีดซ้ำอีก เราเลือกไป รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งเช็คดูแล้วมียาแบบฉีดเข้าทางผิวหนังยี่ห้อเดียวกับที่ลูกเราฉีดมาจาก รพ.ใน ตจว. ก่อนไปเราโทรถามราคาวัคซีนประมาณ 800 กว่าบาท
ตอนไปติดต่อที่ รพ. เวชระเบียนรับเรื่องแล้วส่งลูกเราไปแผนกฉุกเฉิน เพราะการฉีดยาพิษสุนัขบ้าโดยทั่วไปจะฉีดที่ฉุกเฉิน เมื่อมาฉุกเฉินก็มีบุรุษพยาบาลทำหน้าที่ฉีดยาให้ แต่ตอนชำระเงิน คชจ เป็นเงิน 1,7xx บาท เมื่อสอบถามดู จึงทราบว่าเป็นค่าหมอ 600 บาท เราถามว่า ทำไมต้องจ่ายค่าหมอ ในเมื่อการฉีดวัคซีนของเรา ไม่ได้พบหมอ หมอไม่ได้ตรวจโรค ไม่ได้วินิจฉัยโรค ไม่ได้ทำการรักษาโรคให้ลูกเรา จนท.ตอบว่า เพราะหมอเป็นผู้เซ็นเบิกยาและเขียนใบเคลม หากหมอไม่เซ็นเบิกยา เราก็ฉีดยาไม่ได้!
มาถึงตัวเราเอง เราเป็นไข้หวัดใหญ่ ไป รพ.เอกชนแห่งหนึ่งได้ยาทามิฟลูกับพาราเซตามอลมา แต่กินไป 2 วันไม่หาย มีอาการปวดหัวปวดตัวร่วมด้วย เลยไปหาหมอที่ รพ.อีกแห่ง คุณหมอให้ยาตัวเดียวคือ arcoxia 90 mg มาทานแก้ปวดเมื่อยตามตัว 1 แผง ตอนชำระเงิน เจอค่ายาไป 9xx บาท ซึ่ง Arcoxia ขนาดเดียวกันนี้ เราเคยซื้อให้พ่อที่ร้านยาแถวบ้าน 10 เม็ด 360 บาท ช็อคมากกับราคายาใน รพ.
เจอติดๆกัน 3 เรื่อง ทำให้รู้สึกเหมือนโดนปล้นเลย แล้วเรื่องแบบนี้มีหน่วยงานไหนดูแลเรื่องคุ้มครองคนไข้บ้างมั๊ยคะ อย่าบอกนะคะว่า ถ้าไม่พอใจก็ไป รพ.รัฐซะ มันไม่ใช่ประเด็นที่เรามาพูดคุยในนี้
รพ เอกชนสมัยนี้เหมือนปล้นคนไข้เลยนะคะ
นอน 3 คืน ออกจาก รพ. มาด้วย คชจ. 4x,xxx บาท แต่ที่ช็อคคือ ค่าไซริงค์สำหรับป้อนยา 2,xxx บาท พอสอบถามกับพยาบาลถึงรู้ว่า ทุกครั้งที่พยาบาลเข้ามาป้อนยาเด็ก พยาบาลจะดูดยาใส่ไซริงค์เข้ามาเลย สมมติกินยา 4 ตัว ก็ใช้ไซริงค์ 4 อัน กินยาเสร็จก็ทิ้งไปเลย เพราะหากนำมาล้าง อาจทำให้ไซริงค์ไปปะปนกับของห้องอื่น เมื่อนำมาใช้จะทำให้ติดเชื้อได้ และไซริงค์ที่โรงพยาบาลใช้ เป็นยี่ห้อของญี่ปุ่น ราคาแพงกว่าไซริงค์ทั่วไป
จบไป 1 เรื่อง เมื่อสัปดาห์ก่อน ลูกสาวเราโดนแมวข่วนที่ ตจว.ไปพบหมอที่ รพ.รัฐในจังหวัดนั้น หมอแนะนำให้ฉีดยาป้องกันพิษสุนัขบ้า เพราะแมวที่ข่วนเป็นแมวจรจัด หมอเลือกฉีดยาแบบฉีดเข้าทางผิวหนัง ซึ่งต้องฉีดบนต้นแขน 2 ข้าง แต่ฉีดแค่ 4 ครั้ง หากฉีดเข้าทางกล้ามเนื้อ จะต้องฉีด 5 ครั้ง พอเรากลับมา กทม. ก็มีกำหนดต้องไปฉีดซ้ำอีก เราเลือกไป รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งเช็คดูแล้วมียาแบบฉีดเข้าทางผิวหนังยี่ห้อเดียวกับที่ลูกเราฉีดมาจาก รพ.ใน ตจว. ก่อนไปเราโทรถามราคาวัคซีนประมาณ 800 กว่าบาท
ตอนไปติดต่อที่ รพ. เวชระเบียนรับเรื่องแล้วส่งลูกเราไปแผนกฉุกเฉิน เพราะการฉีดยาพิษสุนัขบ้าโดยทั่วไปจะฉีดที่ฉุกเฉิน เมื่อมาฉุกเฉินก็มีบุรุษพยาบาลทำหน้าที่ฉีดยาให้ แต่ตอนชำระเงิน คชจ เป็นเงิน 1,7xx บาท เมื่อสอบถามดู จึงทราบว่าเป็นค่าหมอ 600 บาท เราถามว่า ทำไมต้องจ่ายค่าหมอ ในเมื่อการฉีดวัคซีนของเรา ไม่ได้พบหมอ หมอไม่ได้ตรวจโรค ไม่ได้วินิจฉัยโรค ไม่ได้ทำการรักษาโรคให้ลูกเรา จนท.ตอบว่า เพราะหมอเป็นผู้เซ็นเบิกยาและเขียนใบเคลม หากหมอไม่เซ็นเบิกยา เราก็ฉีดยาไม่ได้!
มาถึงตัวเราเอง เราเป็นไข้หวัดใหญ่ ไป รพ.เอกชนแห่งหนึ่งได้ยาทามิฟลูกับพาราเซตามอลมา แต่กินไป 2 วันไม่หาย มีอาการปวดหัวปวดตัวร่วมด้วย เลยไปหาหมอที่ รพ.อีกแห่ง คุณหมอให้ยาตัวเดียวคือ arcoxia 90 mg มาทานแก้ปวดเมื่อยตามตัว 1 แผง ตอนชำระเงิน เจอค่ายาไป 9xx บาท ซึ่ง Arcoxia ขนาดเดียวกันนี้ เราเคยซื้อให้พ่อที่ร้านยาแถวบ้าน 10 เม็ด 360 บาท ช็อคมากกับราคายาใน รพ.
เจอติดๆกัน 3 เรื่อง ทำให้รู้สึกเหมือนโดนปล้นเลย แล้วเรื่องแบบนี้มีหน่วยงานไหนดูแลเรื่องคุ้มครองคนไข้บ้างมั๊ยคะ อย่าบอกนะคะว่า ถ้าไม่พอใจก็ไป รพ.รัฐซะ มันไม่ใช่ประเด็นที่เรามาพูดคุยในนี้