The Equalizer 2 เป็นหนัง "ดราม่า แอ๊คชั่น ทริลเลอร์" ที่ออกมาสานต่อความสำเร็จจากภาคแรกที่ถือว่าสนุกและมีแอ๊คชั่นที่โคตรถึงใจ ซึ่งแดนเซล วอชิงตัน ก็รับบทนี้ได้อย่างชนะใจคนดู แต่ก็ต้องใช้เวลาถึง 4 ปี กว่าจะมีภาคต่อออกมาให้ได้ดูกัน
**ถ้าไม่เคยดูภาคแรกมาก่อนก็ดูภาคนี้รู้เรื่องได้อยู่ แต่ถ้าดูภาคแรกมาก่อนจะ อินและเข้าใจความรู้สึกตัวละครได้มากกว่าเยอะนะ**
เอาจริงๆแล้วที่ชอบภาคแรก และการที่ภาคสองก็ยังคงสนุกถึงใจอยุ่นี้ ส่วนนึงเพราะชอบ คาแรคเตอร์ของ แมคคอล (แดนเซล) แสดงในเรื่องนี้ด้วยแหละ ความสุขุมนุ่มลึก มีสติและคิดทุกอย่างแบบถี่ถ้วนในทุกๆเหตุการณ์ คำพูดที่ให้แง่คิด การปฎิบัติตัวที่มีคุณธรรม ความเก่ง ความมีทักษะและประสบการณ์เป็นนักฆ่าขั้นสุดและมาใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางคนทั่วไป คือมีความเก๋าแบบที่ดูจากภายนอกไม่ออกเลย เวลาดีก็ดี๊ดีย์ แต่เวลาจะต้องโหดก็แบบน่ากลัวโคตร ซึ่งอากัปกิริยาพวกนี้แหละที่รู้สึกว่า แดนเซล เล่นโคตรถึง
ด้วยลักษณะนิสัยของตัวละครเป็นเช่นนี้ ทำให้จากที่ภาคแรกช่วยแค่นางเอกคนเดียว ภาคสองนี้เลยค่อนข้างจัดเต็ม ช่วยเหลือหลายคนพอสมควรเลย ซึ่งก็รู้สึกสนุกที่จะตามดูตัวละครนี้ทั้งช่วย ทั้งแก้แค้น อยู่นะ เพียงแต่มันอาจจะทำให้รู้สึกว่า ดำเนินเรื่องอืดอาดเนิบนาบ ได้อยู่บ้าง เพราะมันไม่ได้มุ่งตรงไปที่เป้าหมายหลักเลย แต่เหมือนแวะข้างทางจิบกาแฟแป๊บนะพี่ ไรงี้
บทภาคนี้เขียนได้ดีกว่าภาคแรกอีก หลายๆฉากรู้สึกอินกว่ามาก บางฉากทำให้หวาดเสียวและลุ้นระทึกแทนตัวละครเลย การเชื่อมโยงปมต่างๆกับความรู้สึกของตัวละครก็ทำได้โคตรดี อาจมีอะไรขาดๆเกินๆบ้าง แต่ให้แง่คิดและมีบทพูดที่โดนใจหลายจุด คนเขียนบทน่าจะตกตะกอนกับชีวิตมาพอสมควรเลยทีเดียว
ในส่วนของแอ๊คชั่น แม้จะไม่มีฉากเท่ๆอย่างฉากสู้ในไนท์คลับของภาคแรก แต่ที่มีอยู่ในเรื่องนี้ ต้องร้องซี๊ดทุกฉากเลย สะใจและหวาดเสียวทุกฉาก ทักษะระดับนี้ เจอกับคนเลวทั่วไป ก็คิดดูละกัน ว่าจะเป็นไง ฮ่าๆ ดีไซน์ฉากต่อสู้ได้แบบกำลังพอเหมาะ ไม่เวอร์หรือเยอะจนเกินไป
สรุปโดยรวม ภาคนี้ยังคงเป็นแนว ดราม่า แอ๊คชั่น ทริลเลอร์ ชั้นเยี่ยมอยู่เช่นเคย แม้จะมีบางอย่างแผ่วลง แต่ก็ได้แอ๊คชั่นและคาแรคเตอร์พระเอกมาพยุงไว้ได้ตลอดทั้งเรื่อง อาจมีช่วงเนิบนาบบ้าง แต่ก็จะมีแทรกแอ๊คชั่นเล็กๆมากระตุ้นคนดูไว้อยู่ ความเก่งของพระเอก คือความบันเทิงของเรื่องนี้นี่แหละ ดูแล้วจะรู้สึกว่า อยากให้มีคนแบบนี้อยู่ในสังคมเราจัง 555+
ปล. ถ้าเป็นไปได้ สร้างภาค 3 ด้วยเถิดนะคร้าบ
[CR] The Equalizer 2 = ดูจบแล้วเข้าใจเลยว่าทำไม "แดนเซล วอชิงตัน" ถึงรับแสดงภาคต่อ
**ถ้าไม่เคยดูภาคแรกมาก่อนก็ดูภาคนี้รู้เรื่องได้อยู่ แต่ถ้าดูภาคแรกมาก่อนจะ อินและเข้าใจความรู้สึกตัวละครได้มากกว่าเยอะนะ**
เอาจริงๆแล้วที่ชอบภาคแรก และการที่ภาคสองก็ยังคงสนุกถึงใจอยุ่นี้ ส่วนนึงเพราะชอบ คาแรคเตอร์ของ แมคคอล (แดนเซล) แสดงในเรื่องนี้ด้วยแหละ ความสุขุมนุ่มลึก มีสติและคิดทุกอย่างแบบถี่ถ้วนในทุกๆเหตุการณ์ คำพูดที่ให้แง่คิด การปฎิบัติตัวที่มีคุณธรรม ความเก่ง ความมีทักษะและประสบการณ์เป็นนักฆ่าขั้นสุดและมาใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางคนทั่วไป คือมีความเก๋าแบบที่ดูจากภายนอกไม่ออกเลย เวลาดีก็ดี๊ดีย์ แต่เวลาจะต้องโหดก็แบบน่ากลัวโคตร ซึ่งอากัปกิริยาพวกนี้แหละที่รู้สึกว่า แดนเซล เล่นโคตรถึง
ด้วยลักษณะนิสัยของตัวละครเป็นเช่นนี้ ทำให้จากที่ภาคแรกช่วยแค่นางเอกคนเดียว ภาคสองนี้เลยค่อนข้างจัดเต็ม ช่วยเหลือหลายคนพอสมควรเลย ซึ่งก็รู้สึกสนุกที่จะตามดูตัวละครนี้ทั้งช่วย ทั้งแก้แค้น อยู่นะ เพียงแต่มันอาจจะทำให้รู้สึกว่า ดำเนินเรื่องอืดอาดเนิบนาบ ได้อยู่บ้าง เพราะมันไม่ได้มุ่งตรงไปที่เป้าหมายหลักเลย แต่เหมือนแวะข้างทางจิบกาแฟแป๊บนะพี่ ไรงี้
บทภาคนี้เขียนได้ดีกว่าภาคแรกอีก หลายๆฉากรู้สึกอินกว่ามาก บางฉากทำให้หวาดเสียวและลุ้นระทึกแทนตัวละครเลย การเชื่อมโยงปมต่างๆกับความรู้สึกของตัวละครก็ทำได้โคตรดี อาจมีอะไรขาดๆเกินๆบ้าง แต่ให้แง่คิดและมีบทพูดที่โดนใจหลายจุด คนเขียนบทน่าจะตกตะกอนกับชีวิตมาพอสมควรเลยทีเดียว
ในส่วนของแอ๊คชั่น แม้จะไม่มีฉากเท่ๆอย่างฉากสู้ในไนท์คลับของภาคแรก แต่ที่มีอยู่ในเรื่องนี้ ต้องร้องซี๊ดทุกฉากเลย สะใจและหวาดเสียวทุกฉาก ทักษะระดับนี้ เจอกับคนเลวทั่วไป ก็คิดดูละกัน ว่าจะเป็นไง ฮ่าๆ ดีไซน์ฉากต่อสู้ได้แบบกำลังพอเหมาะ ไม่เวอร์หรือเยอะจนเกินไป
สรุปโดยรวม ภาคนี้ยังคงเป็นแนว ดราม่า แอ๊คชั่น ทริลเลอร์ ชั้นเยี่ยมอยู่เช่นเคย แม้จะมีบางอย่างแผ่วลง แต่ก็ได้แอ๊คชั่นและคาแรคเตอร์พระเอกมาพยุงไว้ได้ตลอดทั้งเรื่อง อาจมีช่วงเนิบนาบบ้าง แต่ก็จะมีแทรกแอ๊คชั่นเล็กๆมากระตุ้นคนดูไว้อยู่ ความเก่งของพระเอก คือความบันเทิงของเรื่องนี้นี่แหละ ดูแล้วจะรู้สึกว่า อยากให้มีคนแบบนี้อยู่ในสังคมเราจัง 555+
ปล. ถ้าเป็นไปได้ สร้างภาค 3 ด้วยเถิดนะคร้าบ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้