[CR] พาเที่ยว + เล่าเรื่อง ณ เมือง Rothenburg ob der Tauber, Germany ตอน 2

ต่อตอนที่ 2 ของรีวิวนะคะ

ที่จริงคงมีแค่ 2 ตอนนี่แหละค่ะ หยอกเย้า

ส่วนตอนแรกอยู่นี่ค่า : https://ppantip.com/topic/38003405


วันนี้เป็นวันที่ 3 ของทริปแล้วค่ะ ประมาณตอนเย็น ๆ แอนก็เดินเล่นอยู่บนถนนสายหลักของเมืองเก่าของ Rothenburg ตรงหน้า Rathaus (ราทเฮาส์ หรือ City hall)
ถนนเส้นนี้ชื่อว่า Herrengasse (แฮเรนกัสเสอะ)



Herr แปลว่า Mr., Sir, Gentleman ก็ได้ค่ะ เพราะถนนสายนี้ในยุคกลางจะมีแต่คนรวย ๆ อยู่

ที่บ้านหลังนึงบนถนนสายนี้ มีป้ายแปะว่า Kaiser Karl V (คาร์ล แด ฟึนฟท์) หรือ Kaiser Charles V ชาร์ลส์ที่ 5 แห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ เคยใช้เป็นที่ประทับ
Kaiser พระองค์นี้ได้รับการสวมมงกุฎเป็นไกเซอร์ของจักรวรรดิที่เมือง Aachen อยู่ไม่ไกลจากเมืองที่แอนเรียนเลยค่ะ แต่ยังไม่เคยไปเที่ยวจริงจัง 


และแอนเคยเรียนอีกวิชานึง ชื่อวิชาคือ Sozialprestige und soziale Hierarchien im Mittelalter und Früher Neuzeit แปลอังกฤษตรงตัวคือ Social prestige and social hierachy in Middle Age and Early Modern Age
แอนได้รับหัวข้อรายงานคือ  Die Fugger หรือ The Fugger ตระกูลฟุกกา เป็นตระกูลพ่อค้าที่ร่ำรวยมากของเมือง Augsburg ทำการค้าไปไกลถึงอิตาลี่

ครอบครัว Fugger นี่ล่ะ ที่ให้เงินสนับสนุน Kaiser Karl V คนนี้จนได้รับการสวมมงกุฎให้เป็น Kaiser ค่ะ (ปกติ Kaiser หรือผู้ครองจักรวรรดิ จะมาจากการเลือกตั้งจากเจ้าผู้ครองแคว้นต่าง ๆ ของจักรวรรดิ) ฟังดูคล้าย ๆ การซื้อเสียงเลยเนอะ

ใครที่แวะไปเที่ยวเมือง Augsburg ก็จะเห็นชื่อของตระกูล Fugger เต็มไปหมด ร่ำรวยขนาดที่ภายหลังได้แต่งงานกับเจ้าและลูกหลานก็มีเชื้อเจ้า มียศนำหน้า

ที่เมือง Augsburg มีหมู่บ้าน คล้าย ๆ บ้านเอื้ออาทร ที่ตระกูล Fugger นี้สร้างขึ้นเพื่อให้คนที่มีรายได้น้อยมาเช่า โดยเก็บค่าเช่าน้อยมาก และปัจจุบัน ค่าเช่าอยู่ที่ปีละ 85 Euro (ใช่ค่ะ 85 ยูโรต่อปี!) แต่มีเงื่อนไขว่าต้องเป็นชาวคาธอลิคและประพฤติตัวดี

รวยแล้วยังใจบุญอีกแน่ะ

เอ้า นอกเรื่องไปไกล

กลับมาที่ Rothenburg ob der Tauber กันค่า

นึกได้เรื่องนึง อันนี้ไกด์เพชรฆาตเป็นคนเล่าให้ฟัง เค้าพาไปที่กำแพงเมือง และชี้ให้ดูถนนด้านล่าง นอกกำแพงเมือง (อย่างที่บอกว่า เมืองเก่าของ Rothenburg สร้างอยู่บนเนินเขา) ถนนด้านล่าง ในยุคกลางเป็นถนนที่พวกโจรใช้สัญจร เป็นถนนที่อันตราย


ไกด์ตาเยิ้มของเราถามว่า รู้มั้ย เดี๋ยวนี้ เราเรียกถนนเส้นนี้ว่าอะไร
.
.
.
.
.
เฉลย!!!

"The romantic road"

นั่น ถนนโจรชุกชุม กลายเป็นถนนสายโรแมนติกไปซะแล้ว


ใครที่สนใจ สามารถเสิชหาข้อมูลของถนนสายโรแมนติกนี้ได้นะคะ ถ้ามีโอกาส แอนก็อยากขับรถเที่ยวไปตามถนนเส้นนี้ น่าจะสวยไม่น้อย 

เสียดายที่ไกด์เล่าเรื่องเยอะมาก หลายเรื่องที่แอนเข้าใจคร่าว ๆ หรือไม่ก็ลืมไปแล้ว ว่าไกด์เล่าว่ายังไงบ้าง พอจะมาเสิชหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ปรากฎว่าไม่มีแฮะ คราวหน้าจะพกสมุดไปจดด้วย จะได้มาเล่าต่อได้ครบถ้วนเนอะ


ร้านค้า ร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ที่เมืองนี้เปิดวันเสาร์ อาทิตย์ต้อนรับนักท่องเที่ยวค่ะ แต่มักจะหยุดวันจันทร์แทน
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ แอนไปดู Museum 2 ที่ค่ะ
ที่แรกคือ Reichsstadtmuseum (ไรค์ชะตัทมูเซอุม) เป็น Museum ที่เก็บของมีค่าของเมืองเอาไว้ ตัว Museum เป็นวิหารของนิกายโดมินิกันในสมัยยุคกลาง แค่ตัวตึกเองก็เก่ามากแล้ว เดินชมกันเพลิน ๆ ได้ค่ะ

ไม่ได้เก็บรูปมาฝากนะคะ เพราะถ้าจะถ่ายรูป จะต้องเสียตังเพิ่มด้วยค่าา อมยิ้ม08

ที่นี่มีรูปปั้น 10 ตัว ของจริง ที่เคยอยู่หน้าบ้านช่างก่อสร้างของยุคกลาง บ้านชื่อว่า Baumeisterhaus (เบาไมสตาเฮาส์) ด้านหน้าบ้านเป็นศิลปะแบบเรอเนซ้องส์ค่ะ รูปปั้นจะเป็นหญิง 5 คน ชาย 5 คน สลับกัน แต่ละคนถือของแต่ละอย่าง มีความหมายต่าง ๆ กัน เช่นถือตาชั่ง หมายถึงความยุติธรรม

ส่วนรูปปั้นที่อยู่หน้าบ้านตอนนี้ เป็นของใหม่ค่ะ แต่สร้างเหมือนกันเด๊ะ

ส่วน Museum อีกที่นึง เป็น Museum เกี่ยวกับอาชญากรรมในยุคกลาง อันนี้ค่อนข้างน่ากลัวค่ะ มีโชว์พวกอุปกรณ์ทรมาน ที่ใช้ในการตัดสินคดี และแม้แต่ในการล่าแม่มด (การล่าแม่มดในเมือง Rothenburg ถือว่ามีน้อยมากค่ะ(
อุปกรณ์ที่เจอส่วนใหญ่ เช่น สำหรับบีบนิ้ว บีบขา ถ่วงน้ำบ้าง และที่น่าสนใจคือ ถ้าคนที่มียศมีตำแหน่งทำผิด จะมีการลงโทษให้อาย เช่นต้องใส่หน้ากาก หรือสวมถังทั้งใบ ชาวเมืองที่เห็นก็จะมาเยาะเย้ย หรือปาสิ่งของให้อายยิ่งขึ้นไปอีก

อาจจะดูไม่ได้เจ็บปวดทางร่างกาย แต่ก็คงเจ็บใจไม่น้อย


ที่นี่มีโชว์ตัวก็อปปี้ของ the iron maiden of Nuremberg ด้วยค่ะ หน้าตาประมาณนี้นะคะ


Credit : www.thevintagenews.com
ไม่ได้ถ่ายรูปในนี้เลยค่ะ ตอนนั้นน่าจะกล้องแบตหมดค่ะ ปัญหาใหญ่ของทริปเลย สงสัยต้องซื้อแบตอีกอัน


The iron maiden เป็นเครื่องทรมานคนในยุคกลาง ตัวนี้เป็นตัวเลียนแบบของจริง ที่สูญหายไปในช่วงสงคราม เจ้าตัวเลียนแบบนี้ไปโชว์ตัวท่ีสหรัฐอเมริกามาแล้วค่ะ ท่าทางจะดังมาก แอนเพิ่งรู้จักจากพิพิธภัณฑ์นี้แหละค่ะ



พอออกจากพิพิธภัณฑ์ ก็ไปร้านอาหารญี่ปุ่นค่ะ กินซูชิเหมือนเดิม อันนี้ถูกกว่าแซลมอนอย่างเดียว จานนี้น่าจะราคา 11.50 ยูโรค่ะ

อร่อยที่สุดดดด

ช่วงก่อนหน้าที่แอนไปเที่ยว แอนไปทำงานร้านอาหารเยอรมันมาค่ะ เจอเบอร์เกอร์ พิซซ่า ชนิทเซล (หมูชุบแป้งทอด) เจอเฉย ๆ นะคะ ไม่ได้กินเอง ยังรู้สึกว่า ชั้นทนกินอาหารเยอรมันไม่ได้ (อยู่บ้านหุงข้าวทำอาหารไทยกินตลอด แทบไม่กินขนมปัง)
พอมาเที่ยว มื้อเช้ากินขนมปังไปแล้วค่ะ มื้ออื่นให้ทนกินอาหารเยอรมันอีก ก็ไม่ไหว
เท่าที่เดินดู เมือง Rothenburg มีร้านอาหารจีน 2 ร้าน ร้านอาหารญี่ปุ่น 1 ร้าน ร้านอาหารอิตาเลี่ยน 3-4 ร้าน เคบับ 1-2 ร้าน นอกนั้นเป็นอาหารเยอรมันหมดเลยค่ะ
เอาเป็นว่าแค่อ่านเมนูอาหารเยอรมันก็รู้สึกเลี่ยนแล้วค่ะ ขี้แง

ทุกวัน พอถึงเวลาอาหาร จะพุ่งไปร้านญี่ปุ่นก่อน ถ้าคนเยอะแล้วไม่อยากรอ ก็ไปกินสปาเก็ตตี้แทนค่ะ ที่จริงก็อาหารฝรั่งแหละเนอะ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงพอกินสปาเก็ตตี้ได้อยู่ ซอสอะไรก็ได้ แต่ขอเป็นเส้นสปาเก็ตตี้เท่านั้น สงสัยอาจจะเหมือนเส้นหมี่อยู่บ้าง อิอิ
ชื่อสินค้า:   ท่องเทียวต่างประเทศ
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่