. ในจุดนี้ ถึงลิเวอร์พูลจะอยู่ที่จุดบนสุดของตาราง แต่ก็ยังพูดไม่ได้ว่าลิเวอร์พูลอยู่ในจุดที่”ได้เปรียบ” เพราะจากผลงานแค่ 3 นัดแรกที่ผ่านมา ถ้าใครได้ดูลิเวอร์พูลมาตลอด จะเห็นได้ว่ากลยุทธหลักที่ทีมคู่แข่งมักใช้รับมือทีมหงส์แดง คือใช้การวางหมาก”อุดเพื่อรอสวน” เพราะไอ้แบบที่จะเชิญชวนท้าทายเปิดหน้าแลกเข้าใส่ บทสรุปมันก็คาดเดากันได้ ว่าคงจบแบบศพไม่สวยแน่ๆ ซึ่งถ้าว่ากันตามตรง ถึงลิเวอร์พูลจะได้รับคำชมในรูปแบบเกมส์รุกที่เด่นชัด แต่ก็ไม่ใช่งานถนัด หากต้องจัดการทีมที่ตั้งใจมาเล่นเกมส์รับอย่างมีวินัย หรือคำเปรียบเปรยที่เข้าใจได้ง่าย ว่า รถบัส
ถึงแม้ปรัชญาเกมส์รุกอันคุ้มคลั่ง ตามสไตล์ที่กุนซือเฮฟวี่เมททอลอย่าง เจอร์เก้น คล้อปลุ่มหลงศรัทธา จะเป็นสิ่งหนึ่งที่สาวกชาวเดอะค็อปภูมิอกภูมิใจในการที่ได้กุนซือคนนี้มาคุมทีม เพราะมันช่วย”ยกระดับ”การเล่นของทีมให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้า สามารถพาทีมกลับมาสู่จุดที่ควรเป็น แสดงความน่าเกรงขามให้ทุกคนเห็น ว่าตอนนี้ลิเวอร์พูลกลับมาลงเล่นเพื่อช่วงชิงความสำเร็จในพรีเมียร์ลีคอย่างจริงจังอีกครั้ง หลังจากเป็นเพียง”ทีมตัวประกอบ” อยู่หลายปีดีดัก
ถึงจะมีเกมส์รุกอันเกรียงไกร แต่มันก็ไม่เคยง่ายเลย หากลูกทีมของคล้อปที่ถูกขนานนามว่ามีแนวรุกอันยอดเยี่ยม ต้องพยายามเตะบอลอัดรถบัสให้พัง เพื่อจะได้ก้าวข้าวไปคว้าความสำเร็จ สำหรับ 9 แต้มที่คว้ามาได้ ต้องยอมรับว่า “น้ำลายเหนียวคอ” กับ 6 แต้ม ในสองนัดล่าสุด ที่ทีมคู่แข่ง ตั้งใจอุดอย่างมีวินัย หวังใช้โอกาสที่มีไม่กี่ครั้งของพวกเขา มาขโมยแต้มไปจากลิเวอร์พูล
นั่นคือสัญญาณที่ลิเวอร์พูลจำเป็นต้องตระหนักรู้ ว่าไม่ใช่เฉพาะแค่ลิเวอร์พูล ที่สามารถยกระดับตัวเองขึ้นได้ หรือไม่สามารถมองเฉพาะบรรดาทีมหัวแถวที่ช่วงสิบปีล่าสุด ที่มีกำลังทรัพย์สามารถทุ่มทุนสร้าง แย่งชิงความเป็นใหญ่กันในลีค จนสุดท้าย ลิเวอร์พูลเองที่แม้จะมีผู้จัดการทีมที่เก่ง มีแผนการเล่นที่ดี ก็ยังต้องทุ่มทุนสู้ สำหรับการไล่ล่าตามหาความสำเร็จบนเวทีพรีเมียร์ลีค
เพราะตอนนี้มันยิ่งไม่ง่ายขึ้นไปอีกด้วยการที่ทีมระดับกลางหรือเล็ก หรือว่าทีมน้องใหม่จากแชมเปี้ยนชิพ เดี๋ยวนี้ทุกทีมต่างก็ยกยกระดับปรับกลยุทธไว้รับมือบรรดาทีมหัวแถว ไม่ปล่อยทีมใหญ่ใช้”สกิลตบเด็ก”เอาแต้มไปได้ง่ายๆอีกแล้ว เผลอๆบางทีผู้ใหญ่บางทีมก็โดนเด็กตบหัวทิ่มเอาได้เช่นกัน
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาเมื่อปีก่อน ถ้ามองจากมุมนี้มุมเดียว ลิเวอร์พูลก็ดูจะเป็นทีมใหญ่ ที่มีปัญหาความสม่ำเสมอในการตบเด็กที่ตั้งใจอุดอยู่แล้ว หลายคนอาจมองว่าแบบนี้ ลิเวอร์พูลดูจะเสียเปรียบ หลายๆทีมเต็งที่มีความ”เขี้ยว”ในการตบเด็กด้วยซ้ำ
แต่หากใครได้ดูทีมใหญ่ทีมอื่นเล่นบ้าง ก็จะรู้ว่า ไม่ใช่ลิเวอร์พูลทีมเดียว ที่เจอคู่แข่งเล่นด้วยแบบตั้งหน้าตั้งตาอุด ทีมใหญ่ทีมอื่นก็เจอเช่นกัน อย่างเมื่อคืนวานกว่าที่เชลซีจะพังกำแพงรถบัสและดงตีนเตะติดดาบของนิวฯแล้วคว้าสามแต้มได้ ก็ลำบากไม่น้อย ซิตี้แม้เปิดฤดูกาลแบบเลิศหรูอลังการ แต่ก็ดันขัดข้องทางเทคนิค ปิดเกมส์กับวูฟไม่ลง เพราะการขาดหายไปของ เดอ บรอย ส่วนสเปอร์เอง คืนนี้มีคิวจะเจอกับโคตรทีมเจ้าของต้นตำรับกลยุทธ”โดนนำแล้วยังอุด” ก็เชื่อว่าไม่ใช่งานง่าย เพราะหลายฝ่ายคงเชียร์ให้แมนยูเตะตัดขาไก่เพื่อตัดแต้ม และรักษาเก้าอี้ของกุนซือที่มีคนจากทีมอื่นจำนวนมากอยากให้จ่ามูอยู่ในเก้าอี้นายใหญ่ทีมผีแดงต่อไป
ที่ยกทีมอื่นมากล่าวถึง ก็เพื่อชี้ให้เห็นว่า สถานการณ์ในพรีเมียร์ลีคตอนนี้ ทุกทีมที่หวังจะ”ลุ้นแชมป์”ต่างก็เจอ”รถบัส”จอดขวางทางไปสู่ความสำเร็จเช่นกัน ดังนั้นมันจึงไม่ได้เป็นข้อเสียเปรียบของลิเวอร์พูล ที่ต้องนำมาขบคิดเตรียมไว้แก้ตัว หรือกลัวไปก่อนล่วงหน้าแต่อย่างใด ปีที่แล้ว ที่หงส์แดงตบเด็กไม่ค่อยได้เพราะคุณภาพแนวรับ ไม่ใช่จุดบอดในแนวรุก ซึ่งปีนี้คล้อปก็จัดหาวิธีมาแก้ไขในแนวรับได้ค่อยข้างดีอยู่แล้ว
ดังนั้นสิ่งเดียวที่ทีมต้องคิดไว้ คือการลงเล่นแบบ Keep character “ทีมผู้น่ากลัวในเกมส์รุก" เอาไว้ เพราะสุดท้ายสิ่งที่ทำลายรถบัสในเกมส์ลูกหนังได้ มันก็ยังเป็นเกมส์รุกที่เป็นเรื่องถนัดของลิเวอร์พูลอยู่ดี
“ให้คนอื่นหวาดกลัวเรา ดีกว่าเราหวาดกลัวตัวเอง”
Liverpool ฝ่าด่านรถบัส บทพิสูจน์ที่ไม่ง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเสียเปรียบสำหรับทีมหงส์แดง
ถึงแม้ปรัชญาเกมส์รุกอันคุ้มคลั่ง ตามสไตล์ที่กุนซือเฮฟวี่เมททอลอย่าง เจอร์เก้น คล้อปลุ่มหลงศรัทธา จะเป็นสิ่งหนึ่งที่สาวกชาวเดอะค็อปภูมิอกภูมิใจในการที่ได้กุนซือคนนี้มาคุมทีม เพราะมันช่วย”ยกระดับ”การเล่นของทีมให้ขับเคลื่อนไปข้างหน้า สามารถพาทีมกลับมาสู่จุดที่ควรเป็น แสดงความน่าเกรงขามให้ทุกคนเห็น ว่าตอนนี้ลิเวอร์พูลกลับมาลงเล่นเพื่อช่วงชิงความสำเร็จในพรีเมียร์ลีคอย่างจริงจังอีกครั้ง หลังจากเป็นเพียง”ทีมตัวประกอบ” อยู่หลายปีดีดัก
ถึงจะมีเกมส์รุกอันเกรียงไกร แต่มันก็ไม่เคยง่ายเลย หากลูกทีมของคล้อปที่ถูกขนานนามว่ามีแนวรุกอันยอดเยี่ยม ต้องพยายามเตะบอลอัดรถบัสให้พัง เพื่อจะได้ก้าวข้าวไปคว้าความสำเร็จ สำหรับ 9 แต้มที่คว้ามาได้ ต้องยอมรับว่า “น้ำลายเหนียวคอ” กับ 6 แต้ม ในสองนัดล่าสุด ที่ทีมคู่แข่ง ตั้งใจอุดอย่างมีวินัย หวังใช้โอกาสที่มีไม่กี่ครั้งของพวกเขา มาขโมยแต้มไปจากลิเวอร์พูล
นั่นคือสัญญาณที่ลิเวอร์พูลจำเป็นต้องตระหนักรู้ ว่าไม่ใช่เฉพาะแค่ลิเวอร์พูล ที่สามารถยกระดับตัวเองขึ้นได้ หรือไม่สามารถมองเฉพาะบรรดาทีมหัวแถวที่ช่วงสิบปีล่าสุด ที่มีกำลังทรัพย์สามารถทุ่มทุนสร้าง แย่งชิงความเป็นใหญ่กันในลีค จนสุดท้าย ลิเวอร์พูลเองที่แม้จะมีผู้จัดการทีมที่เก่ง มีแผนการเล่นที่ดี ก็ยังต้องทุ่มทุนสู้ สำหรับการไล่ล่าตามหาความสำเร็จบนเวทีพรีเมียร์ลีค
เพราะตอนนี้มันยิ่งไม่ง่ายขึ้นไปอีกด้วยการที่ทีมระดับกลางหรือเล็ก หรือว่าทีมน้องใหม่จากแชมเปี้ยนชิพ เดี๋ยวนี้ทุกทีมต่างก็ยกยกระดับปรับกลยุทธไว้รับมือบรรดาทีมหัวแถว ไม่ปล่อยทีมใหญ่ใช้”สกิลตบเด็ก”เอาแต้มไปได้ง่ายๆอีกแล้ว เผลอๆบางทีผู้ใหญ่บางทีมก็โดนเด็กตบหัวทิ่มเอาได้เช่นกัน
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาเมื่อปีก่อน ถ้ามองจากมุมนี้มุมเดียว ลิเวอร์พูลก็ดูจะเป็นทีมใหญ่ ที่มีปัญหาความสม่ำเสมอในการตบเด็กที่ตั้งใจอุดอยู่แล้ว หลายคนอาจมองว่าแบบนี้ ลิเวอร์พูลดูจะเสียเปรียบ หลายๆทีมเต็งที่มีความ”เขี้ยว”ในการตบเด็กด้วยซ้ำ
แต่หากใครได้ดูทีมใหญ่ทีมอื่นเล่นบ้าง ก็จะรู้ว่า ไม่ใช่ลิเวอร์พูลทีมเดียว ที่เจอคู่แข่งเล่นด้วยแบบตั้งหน้าตั้งตาอุด ทีมใหญ่ทีมอื่นก็เจอเช่นกัน อย่างเมื่อคืนวานกว่าที่เชลซีจะพังกำแพงรถบัสและดงตีนเตะติดดาบของนิวฯแล้วคว้าสามแต้มได้ ก็ลำบากไม่น้อย ซิตี้แม้เปิดฤดูกาลแบบเลิศหรูอลังการ แต่ก็ดันขัดข้องทางเทคนิค ปิดเกมส์กับวูฟไม่ลง เพราะการขาดหายไปของ เดอ บรอย ส่วนสเปอร์เอง คืนนี้มีคิวจะเจอกับโคตรทีมเจ้าของต้นตำรับกลยุทธ”โดนนำแล้วยังอุด” ก็เชื่อว่าไม่ใช่งานง่าย เพราะหลายฝ่ายคงเชียร์ให้แมนยูเตะตัดขาไก่เพื่อตัดแต้ม และรักษาเก้าอี้ของกุนซือที่มีคนจากทีมอื่นจำนวนมากอยากให้จ่ามูอยู่ในเก้าอี้นายใหญ่ทีมผีแดงต่อไป
ที่ยกทีมอื่นมากล่าวถึง ก็เพื่อชี้ให้เห็นว่า สถานการณ์ในพรีเมียร์ลีคตอนนี้ ทุกทีมที่หวังจะ”ลุ้นแชมป์”ต่างก็เจอ”รถบัส”จอดขวางทางไปสู่ความสำเร็จเช่นกัน ดังนั้นมันจึงไม่ได้เป็นข้อเสียเปรียบของลิเวอร์พูล ที่ต้องนำมาขบคิดเตรียมไว้แก้ตัว หรือกลัวไปก่อนล่วงหน้าแต่อย่างใด ปีที่แล้ว ที่หงส์แดงตบเด็กไม่ค่อยได้เพราะคุณภาพแนวรับ ไม่ใช่จุดบอดในแนวรุก ซึ่งปีนี้คล้อปก็จัดหาวิธีมาแก้ไขในแนวรับได้ค่อยข้างดีอยู่แล้ว
ดังนั้นสิ่งเดียวที่ทีมต้องคิดไว้ คือการลงเล่นแบบ Keep character “ทีมผู้น่ากลัวในเกมส์รุก" เอาไว้ เพราะสุดท้ายสิ่งที่ทำลายรถบัสในเกมส์ลูกหนังได้ มันก็ยังเป็นเกมส์รุกที่เป็นเรื่องถนัดของลิเวอร์พูลอยู่ดี