ตอน มหัศจรรย์นาข้าวขั้นบันไดพันปีหยวนหยางในวันที่ฟ้าเป็นใจ
.
.
.
หยวนหยางชื่อนี้อาจไม่ค่อยคุ้นหูนักท่องเที่ยวนัก เนื่องจากไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม เราจัดให้อยู่ในกลุ่มพวก unseen เหมาะสำหรับคนที่เที่ยวเมืองจีนมาบ้างแล้ว อยากสัมผัสธรรมชาติแบบแนว สายลม แสงแดด ทุ่งนา เพราะมันไม่ใช่นาข้าวธรรดาแต่คือโคตรพ่อโคตรแม่นาข้าวขั้นบันไดพันปีที่ต้องมาดู มาชมให้เห็นกับตาถึงความสวยงามและยิ่งใหญ่
.
.
แต่บางคนก็ถามนะ ว่าพี่มาดูอะไร นาข้าวหรือ? ที่บ้านเราก็มี ทำไมต้องไปดูถึงจีน
เราก็ เออ.... มันไม่เหมือนกัน เออ....ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
เอาเป็นว่า ใครไม่อิน เราอิน เราชอบมากกกก สายลม แสงแดด นาข้าว ชิวๆ ชิคๆ เก๋ๆ
เนื่องจากคนไทยยังไปเที่ยวไม่มาก ทำให้มีข้อมูลรีวิวน้อย การเดินทางของเราอาจขลุกขลักไม่สมู้ทเท่าที่ควร ต้องใช้วิธีหาข้อมูลที่หน้างาน ต้องปรับเปลี่ยนแผนกะทันหัน แต่ก็ทำให้ได้รสชาดการเดินทางอีกแบบหนึ่ง
ใจจริงแอบขี้เกียจไม่อยากทำรีวิว เขียนค้างๆไว้ไม่จบสักที แต่เนื่องจากเห็นว่ารีวิวมีน้อยและการเดินทางค่อนข้างลำบากถ้าข้อมูลไม่แน่น ดังนั้นต้องบอกตัวเอง อย่าขี้เกียจ ต้องรู้จักแบ่งปันบ้าง อ่านฟรีมาเยอะแล้ว...........
......................................................................................................................................................................................................
ข้อมูลที่ทำเราจะลงรายละเอียดเยอะหน่อยเพื่อให้คนที่จะไปมองภาพออกและสามารถเดินทางเองได้ บวกกับเรื่องราวความประทับใจต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง ซึ่งในภาพรวมเรายังเจอแต่คนดีๆซะเป็นส่วนใหญ่ โดยก่อนมาก็มีการเล่นไสยศาสตร์เล็กน้อยเพื่อให้การเดินทางราบรื่นและเจออากาศดีฝนไม่ตก
.
.
สำหรับหยวนหยางช่วงพีคที่คนนิยมไปเที่ยวกันมากสุดจะเป็นช่วงปลายกุมภาถึงต้นมีนา เนื่องจากทางการจะจีนปล่อยน้ำเต็มนาข้าวทำให้ถ่ายรูปออกมาแล้วสวย และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆในละแวกนี้ที่นิยมไปเที่ยวกันคือการชมทุ่งดอก canola หรือ rapeseed ที่เมืองโหลผิง Louping ซึ่งในช่วงนี้ดอกจะบานสะพรั่งเหลืองอร่ามเต็มท้องทุ่ง สวยงามมากๆ แต่เราสะดวกช่วงเดือนเมษาเพราะมีวันหยุดยาว ก็ไม่ต้องคิดมากเลือกไปช่วงที่สะดวก แต่ก่อนไปก็แอบกังวลเหมือนกันว่าจะสวยไหม? แล้วก็ไม่ผิดหวัง เดือนเมษาช่วงที่เราไปหยวนหยางก็ยังสวยอยู่ซึ่งภาพที่ได้จะมีทั้งแบบที่น้ำยังเต็มและแบบที่เริ่มปลูกข้าวแล้ว สวยแปลกตาไปอีก
***************************************************************************************************************
ข้อมูลนาขั้นบันไดหยวนหยาง
Credit : tripderntang.com
ทุ่งนาขั้นบันไดหยวนหยาง นั้นตั้งอยู่ที่มณฑลยูนนานในบริเวณเขตเมืองหยวนหยาง(元阳县) ทางทิศใต้ของภูเขาไอเหลา(哀牢山), เป็นมรดกตกทอดทางวัฒนธรรม และ วิถีชีวิตที่สืบทอดกันมาในรุ่นต่อรุ่น จากบรรพบุรุษของชาวเผ่าฮานี(哈尼族). ทุ่งนาขั้นบันไดหยวนหยางมีอาณาบริเวณที่กว้างใหญ่, มีความยิ่งใหญ่ที่สามารถสะกดผู้คนได้, มีอาณาบริเวณครอบคลุมบริเวณด้านล่างสองฝั่งลำน้ำ “หงเหอ-红河” “เมืองหยวนหยาง””เมืองลี่วชุน””เมืองจินผิง”, แค่ในบริเวณเมืองหยวนหยางก็มีทุ่งนาขั้นบันไดเป็นเนื้อที่ถึง 80,000 ไร่. เป็นจุดศูนย์กลางของทุ่งนาขั้นบันไดของชาวเผ่าฮานี. ลักษณะภูมิประเทศของเมืองหยวนหยางส่วนมากจะเป็นภูเขาที่มีลักษณะตั้งสูงชัน, ทุ่งนาขั้นบันไดทั้งหลายจึงเพาะปลูกอยู่ตามไหล่และเนินเขา, ความชั้นของนาขั้นบันไดหยวนหยางจะมีองศาความชันอยู่ที่ 15-75 องศา, ถ้าเรานำความสูงของภูเขาลูกนึงมาพิจารณา, จะพบว่าจุดที่สูงที่สุดของทุ่งนาขั้นบันไดหยวนหยางจะมีความสูงถึง 3000 เมตร.เป็นสิ่งที่ยากจะพบเห็นในบรรดาทุ่งนาขั้นบันไดทั่วโลก. ในบรรดาทุ่งนาขั้นบันไดที่มีอยู่ทั่วโลก,จะมีสักกี่แห่งที่ยิ่งใหญ่มีสภาพดุจดังป่าไม้ ใต้ก้อนเมฆปกปุยดั่งปุยนุ่น(ช่วงที่มีทะเลหมอก)นั้นยังมีทุ่งนาขั้นบันไดที่ยิ่งใหญ่ ทำให้สิ่งเหล่านี้ประกอบกันเป็นทิวทัศน์ที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก
.
.
ในเขตบริเวณเมืองหยวนหยาง ทุกๆที่ที่มองเห็นล้วนเป็นทุ่งนาขั้นบันได, เมื่อออกจากบ้านมาไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็ล้วนแต่เห็นบรรยากาศที่งดงามของทุ่งนาขั้บบันได. ย้อนกลับไปเมื่อง 2500 ปีก่อน บรรพบุรุษของชาวเผ่าฮานี ได้อพยพย้ายถิ่นฐานจาก ดินแดนทิเบต มาถึง หยวนหยางแห่งมณฑลยูนนาน(ไกลมากๆ), ประสบกับปัญหาใหญ่ในการดำรงชีวิต ก็คือพื้นที่ในหุบเขาสูงนั้นไม่เหมาะแก่การทำการเพาะปลูก. แต่ด้วยนิสัยการไม่ยอมแพ้ต่อธรรมชาติของชาวเผ่าฮานี ก็ได้เกิดความคิดที่จะนำก้อนหินมาลบคมแล้วต่อกันเป็นกำแพงย่อมๆค่อยๆกั้นพื้นที่ในแต่ระดับความสูงของหุบเขา,จนทำให้พื้นที่ในความสูงในแต่ระดับแบ่งตัวเป็นชั้นๆ จนสามารถทำการเกษตรกรรมได้, จากนั้นก็ได้ทำการทดน้ำจากภูเขาไหลเข้ามายังพื้นที่เพาะปลูก จนสามารถทำการเพาะปลูกพันธุ์พืชต่างๆได้, จนเวลาผ่านไปเนิ่นนาน พื้นที่ในโซนภูเขาไอเหลานี้ก็ค่อยๆเปลี่ยนแปลงจนเป็น “ผลงานศิลปะ”. ในช่วงเวลาศตวรรษที่14 สมัยช่วงราชวงค์หมิง, วิธีการและเทคนิคพลิกพื้นผืนดิน และนำมาทำการเกษตรในลักษณะนี้ก็ได้เผยแพร่ออกไปทั่วทั้งประเทศจีนและ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ด้วยเหตุนี้ทำให้ชาวเผ่าฮานี ได้รับพระราชทานฉายาจากฮ่องเต้ราชวงค์หมิงว่า “เทพอินทรีแห่งเขาใหญ่-山岳神雕手”
.
.
ถึงแม้ว่าทุ่งนาขั้นบันไดหยวนหยางจะมีที่มาตั้งแต่สมัยอดีตอันไกลโพ้น, แต่ว่าทุ่งนาขั้นบันไดของชนเผ่าฮานีก็ยังมีระบบนิเวศน์ที่อุดมสมบรูณ์และยังได้รับการพัฒนาต่อมาตามยุคสมัย : ด้านบนของค่ายหมู่บ้านเป็นป่าอนุรักษ์อันอุดมสมบรูณ์ และมีการปลูกทดแทนส่วนที่ใช้ทำฝืนและถ่าน เพื่อเป็นต้นกำเนิดของทรัพยากรน้ำ : ด้านล่างของค่ายหมู่บ้านก็คือทุ่งนาขั้นบันไดที่กว้างใหญ่ไพศาลที่เป็นพื้นที่ในการทำการเกษตรกรรมเพื่อเลี้ยงมวลเหล่าชีวิตของชนเผ่าฮานี ; ในระดับความสูงเดียวกันกับค่ายหมู่บ้านหรือในตัวหมู่บ้าน ชนเผ่าฮานีก็ได้ทำการเพาะปลูกและเลี้ยงเห็ดพันธุ์ต่างๆ เพิ่มเติม สิ่งเหล่านี้เป็นวิถีชีวิตที่มีความสงบสุขของชนเผ่าฮานี เป็นวิถีชีวิตที่อาศัยพึ่งพาและช่วยเหลือเกื้อกูลกับธรรมชาติโดยถูกเรียกเป็น “ปัจจัยสำคัญทั้ง 4” แบ่งเป็น 1 ธารน้ำหงเหอ 2 ป่าไม้ 3 หมู่บ้าน 4 ทุ่งนาขั้นบันได เป็นระบบที่หมุนเวียนในการเกื้อกูลกันระหว่างชาวเผ่าฮานีกับธรรมชาติ
.
.
.
.
.
.
จุดวิวทิวทัศน์ที่สวยที่สุด : ป้าต๋า(坝达), เหลาหู่จุ่ย(ปากเสือ-老虎嘴), ตัวอีซู่(多依树)
ป้าต๋า(坝达)
ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองหยวนหยางห่างออกไป 43 กม., บนพื้นที่ “ซินเจียตงปู้-新街东部” ในบริเวณ 15 กม.นั้นประกอบไปด้วย “ชิ่งโค่ว-箐口”, “ฉวนฝูจวง-全福庄”, “หมาลี่ไจ้- 麻栗寨”, “จู๋หลู่-主鲁” เรียงตัวกันเป็นทุ่งนาขั้นบันไดขนาดใหญ่. จุดนี้เป็นจุดที่เหมาะแก่การถ่ายภาพยามเย็นเป็นอย่างมาก เพราะจะเห็นหมู่บ้านและค่ายต่างๆรวม 17 แห่ง และทุ่งนาขั้นบันไดของชนเผ่าฮานีอีกกว่า 4000 ไร่ เป็นจุดชมทุ่งนาขั้นบันได และ ทะเลหมอกที่สวยที่สุด และยังเป็นสถานที่ในการค้นคว้าการทำนาขั้นบันไดในรูปแบบใหม่ๆ
.
.
เหลาหู่จุ่ย(ปากเสือ-老虎嘴)
ประกอบไปด้วยพื้นที่ “เหมิ่งผิ่น-勐品”, “ต้งผู่-硐浦”, “อาเหมิ่งค้ง-阿勐控”, “เป่าซานไจ้-保山寨” เป็นเนื้อที่กว่า 3000 ไร่. ตั้งแต่จุดที่เรียกว่าปากเสือจนไปถึง แท่นชมวิว บรรยากาศสี่ด้านจะมีสามด้านที่เป็นทุ่งนาขั้นบันไดเรียงรายออกไปในลักษณะสูงต่ำสลับกัน. ในตอนที่พระอาทิตย์ค่อยๆลับขอบฟ้าไปนั้น สี่ของทุ่งนาจะค่อยๆเปลี่ยนไปตามการสะท้อนของระดับขั้นสูงต่ำของทุ่งนาเป็นสีสันที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าอัศจรรย์
.
.
ตัวอีซู่(多依树)
ประกอบไปด้วย “ตัวอีซู่-多依树”, “อ้ายชุน-爱春”, “ต้าหว่าเจอ-大瓦遮” เป็นจุดที่มีทุ่งนาขั้นบันไดที่มีขนาดใหญ่ที่สุด, เป็นจุดที่เหมาะแก่การถ่ายภาพแสงอาทิตย์สาดส่องผ่านกลุ่มเมฆที่บดบังมากที่สุด(เพราะทุ่งนามีขนาดใหญ่ที่สุด)
***************************************************************************************************************
ที่แรกก่อนไปเราเช็คพยากรณ์อากาศดูแล้วว่าฟ้าจะครึ้ม ฝนจะตกเลยจำใจตัดหยวนหยางทิ้งเพราะหากไปแล้วเจอฝนเจอหมอกก็จบกัน โดยคิดว่าจะไปแกรนด์ที่กุ้ยโจวแทน แต่พอใกล้วันเดินทางมาเช็คดูอีกที อ่าววว ...ไหนกลายเป็นฟ้าใสอากาศดี ใจเริ่มโลเลเปลี่ยนกลับมาไปหยวนหยางเหมือนเดิม และมีอีกที่นึ่งที่อยากไปคือน้ำตกเต๋อเทียน Detian waterfall น้ำตกชายแดนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ติดชายแดนเวียดนามซึ่งเป็นน้ำตกในฝันอยากไปมากกกกกก... เริ่มหาข้อมูลอีกครั้งหลังจากที่ตัดทิ้งไปแล้ว
จากรีวิวที่หาได้เคยมีคนไปจากหยาวนหยางแต่ไกลมาก นั่งรถหลายต่อ แต่ก็เป็นรีวิวที่นานหลายปีแล้ว เราจึงคิดเอาเองว่าว่ามันน่าจะมีทางที่ดีขึ้นเร็วขึ้น เลยกะว่าจะออกจากหยวนหยางแล้วไปหนาานหนิง แต่ยังไม่เคยมีใครเดินทางแบบที่เราไปเลย ทำให้ไม่มีข้อมูล ซึ่งดูในข้อมูลท่องเที่ยวของจีนก็ไม่มี ทำไมมันยากจัง!!!
***************************************************************************************************************
แผนการเดินทาง 9 วัน เริ่มเดินทางวันที่ 8 - 16 เมษายน 2017
Day1 Bkk - Kunming ขึ้นเขาซีซาน ลอดประตูมังกร
Day 2 Kunming - Shilin เที่ยวป่าหิน ประตูม้าทองไก่ทอง
Day 3 Kunming - Yuanyang นั่งรถทั้งวัน
Day 4 Yuanyang จุดชมวิวตัวอีซุ่น ,หมู่บ้านชาวเขาเผ่าฮานิ,จุดชมวิวปาต้า,จุดชมวิวเหมิ่งผิง
Day 5 Yuanyang - Kunming - Guiyang นั่งรถบัส+รถไฟความเร็วสูงทั้งวัน
Day 6 Huangguoshu waterfall เที่ยวน้ำตกหวงกว่อซู่น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในจีน
Day 7 Qianling Hill Park @Guiyang สวนสาธารณะควินหลิงเมืองกุ้ยหยางเมืองเอกของมลทลกุ้ยโจว
Day 8 Guiyang- Guangzhou นั่งรถไฟความเร็วสูงจากกุ้ยหยาง เดินเที่ยวกวางโจว
Day 9 Guangzhou - Bkk เดินเที่ยวกวางโจว กลับ กทม.
[CR] Kunming - Yuanyang - Guiyang ****โคตรนาข้าวขั้นบันไดพันปีของชนเผ่าฮานี ****
.
.
.
หยวนหยางชื่อนี้อาจไม่ค่อยคุ้นหูนักท่องเที่ยวนัก เนื่องจากไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม เราจัดให้อยู่ในกลุ่มพวก unseen เหมาะสำหรับคนที่เที่ยวเมืองจีนมาบ้างแล้ว อยากสัมผัสธรรมชาติแบบแนว สายลม แสงแดด ทุ่งนา เพราะมันไม่ใช่นาข้าวธรรดาแต่คือโคตรพ่อโคตรแม่นาข้าวขั้นบันไดพันปีที่ต้องมาดู มาชมให้เห็นกับตาถึงความสวยงามและยิ่งใหญ่
.
.
แต่บางคนก็ถามนะ ว่าพี่มาดูอะไร นาข้าวหรือ? ที่บ้านเราก็มี ทำไมต้องไปดูถึงจีน
เราก็ เออ.... มันไม่เหมือนกัน เออ....ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
เอาเป็นว่า ใครไม่อิน เราอิน เราชอบมากกกก สายลม แสงแดด นาข้าว ชิวๆ ชิคๆ เก๋ๆ
เนื่องจากคนไทยยังไปเที่ยวไม่มาก ทำให้มีข้อมูลรีวิวน้อย การเดินทางของเราอาจขลุกขลักไม่สมู้ทเท่าที่ควร ต้องใช้วิธีหาข้อมูลที่หน้างาน ต้องปรับเปลี่ยนแผนกะทันหัน แต่ก็ทำให้ได้รสชาดการเดินทางอีกแบบหนึ่ง
ใจจริงแอบขี้เกียจไม่อยากทำรีวิว เขียนค้างๆไว้ไม่จบสักที แต่เนื่องจากเห็นว่ารีวิวมีน้อยและการเดินทางค่อนข้างลำบากถ้าข้อมูลไม่แน่น ดังนั้นต้องบอกตัวเอง อย่าขี้เกียจ ต้องรู้จักแบ่งปันบ้าง อ่านฟรีมาเยอะแล้ว...........
......................................................................................................................................................................................................
ข้อมูลที่ทำเราจะลงรายละเอียดเยอะหน่อยเพื่อให้คนที่จะไปมองภาพออกและสามารถเดินทางเองได้ บวกกับเรื่องราวความประทับใจต่างๆที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง ซึ่งในภาพรวมเรายังเจอแต่คนดีๆซะเป็นส่วนใหญ่ โดยก่อนมาก็มีการเล่นไสยศาสตร์เล็กน้อยเพื่อให้การเดินทางราบรื่นและเจออากาศดีฝนไม่ตก
.
.
สำหรับหยวนหยางช่วงพีคที่คนนิยมไปเที่ยวกันมากสุดจะเป็นช่วงปลายกุมภาถึงต้นมีนา เนื่องจากทางการจะจีนปล่อยน้ำเต็มนาข้าวทำให้ถ่ายรูปออกมาแล้วสวย และยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆในละแวกนี้ที่นิยมไปเที่ยวกันคือการชมทุ่งดอก canola หรือ rapeseed ที่เมืองโหลผิง Louping ซึ่งในช่วงนี้ดอกจะบานสะพรั่งเหลืองอร่ามเต็มท้องทุ่ง สวยงามมากๆ แต่เราสะดวกช่วงเดือนเมษาเพราะมีวันหยุดยาว ก็ไม่ต้องคิดมากเลือกไปช่วงที่สะดวก แต่ก่อนไปก็แอบกังวลเหมือนกันว่าจะสวยไหม? แล้วก็ไม่ผิดหวัง เดือนเมษาช่วงที่เราไปหยวนหยางก็ยังสวยอยู่ซึ่งภาพที่ได้จะมีทั้งแบบที่น้ำยังเต็มและแบบที่เริ่มปลูกข้าวแล้ว สวยแปลกตาไปอีก
***************************************************************************************************************
ข้อมูลนาขั้นบันไดหยวนหยาง
Credit : tripderntang.com
ทุ่งนาขั้นบันไดหยวนหยาง นั้นตั้งอยู่ที่มณฑลยูนนานในบริเวณเขตเมืองหยวนหยาง(元阳县) ทางทิศใต้ของภูเขาไอเหลา(哀牢山), เป็นมรดกตกทอดทางวัฒนธรรม และ วิถีชีวิตที่สืบทอดกันมาในรุ่นต่อรุ่น จากบรรพบุรุษของชาวเผ่าฮานี(哈尼族). ทุ่งนาขั้นบันไดหยวนหยางมีอาณาบริเวณที่กว้างใหญ่, มีความยิ่งใหญ่ที่สามารถสะกดผู้คนได้, มีอาณาบริเวณครอบคลุมบริเวณด้านล่างสองฝั่งลำน้ำ “หงเหอ-红河” “เมืองหยวนหยาง””เมืองลี่วชุน””เมืองจินผิง”, แค่ในบริเวณเมืองหยวนหยางก็มีทุ่งนาขั้นบันไดเป็นเนื้อที่ถึง 80,000 ไร่. เป็นจุดศูนย์กลางของทุ่งนาขั้นบันไดของชาวเผ่าฮานี. ลักษณะภูมิประเทศของเมืองหยวนหยางส่วนมากจะเป็นภูเขาที่มีลักษณะตั้งสูงชัน, ทุ่งนาขั้นบันไดทั้งหลายจึงเพาะปลูกอยู่ตามไหล่และเนินเขา, ความชั้นของนาขั้นบันไดหยวนหยางจะมีองศาความชันอยู่ที่ 15-75 องศา, ถ้าเรานำความสูงของภูเขาลูกนึงมาพิจารณา, จะพบว่าจุดที่สูงที่สุดของทุ่งนาขั้นบันไดหยวนหยางจะมีความสูงถึง 3000 เมตร.เป็นสิ่งที่ยากจะพบเห็นในบรรดาทุ่งนาขั้นบันไดทั่วโลก. ในบรรดาทุ่งนาขั้นบันไดที่มีอยู่ทั่วโลก,จะมีสักกี่แห่งที่ยิ่งใหญ่มีสภาพดุจดังป่าไม้ ใต้ก้อนเมฆปกปุยดั่งปุยนุ่น(ช่วงที่มีทะเลหมอก)นั้นยังมีทุ่งนาขั้นบันไดที่ยิ่งใหญ่ ทำให้สิ่งเหล่านี้ประกอบกันเป็นทิวทัศน์ที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก
.
.
ในเขตบริเวณเมืองหยวนหยาง ทุกๆที่ที่มองเห็นล้วนเป็นทุ่งนาขั้นบันได, เมื่อออกจากบ้านมาไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็ล้วนแต่เห็นบรรยากาศที่งดงามของทุ่งนาขั้บบันได. ย้อนกลับไปเมื่อง 2500 ปีก่อน บรรพบุรุษของชาวเผ่าฮานี ได้อพยพย้ายถิ่นฐานจาก ดินแดนทิเบต มาถึง หยวนหยางแห่งมณฑลยูนนาน(ไกลมากๆ), ประสบกับปัญหาใหญ่ในการดำรงชีวิต ก็คือพื้นที่ในหุบเขาสูงนั้นไม่เหมาะแก่การทำการเพาะปลูก. แต่ด้วยนิสัยการไม่ยอมแพ้ต่อธรรมชาติของชาวเผ่าฮานี ก็ได้เกิดความคิดที่จะนำก้อนหินมาลบคมแล้วต่อกันเป็นกำแพงย่อมๆค่อยๆกั้นพื้นที่ในแต่ระดับความสูงของหุบเขา,จนทำให้พื้นที่ในความสูงในแต่ระดับแบ่งตัวเป็นชั้นๆ จนสามารถทำการเกษตรกรรมได้, จากนั้นก็ได้ทำการทดน้ำจากภูเขาไหลเข้ามายังพื้นที่เพาะปลูก จนสามารถทำการเพาะปลูกพันธุ์พืชต่างๆได้, จนเวลาผ่านไปเนิ่นนาน พื้นที่ในโซนภูเขาไอเหลานี้ก็ค่อยๆเปลี่ยนแปลงจนเป็น “ผลงานศิลปะ”. ในช่วงเวลาศตวรรษที่14 สมัยช่วงราชวงค์หมิง, วิธีการและเทคนิคพลิกพื้นผืนดิน และนำมาทำการเกษตรในลักษณะนี้ก็ได้เผยแพร่ออกไปทั่วทั้งประเทศจีนและ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ด้วยเหตุนี้ทำให้ชาวเผ่าฮานี ได้รับพระราชทานฉายาจากฮ่องเต้ราชวงค์หมิงว่า “เทพอินทรีแห่งเขาใหญ่-山岳神雕手”
.
.
ถึงแม้ว่าทุ่งนาขั้นบันไดหยวนหยางจะมีที่มาตั้งแต่สมัยอดีตอันไกลโพ้น, แต่ว่าทุ่งนาขั้นบันไดของชนเผ่าฮานีก็ยังมีระบบนิเวศน์ที่อุดมสมบรูณ์และยังได้รับการพัฒนาต่อมาตามยุคสมัย : ด้านบนของค่ายหมู่บ้านเป็นป่าอนุรักษ์อันอุดมสมบรูณ์ และมีการปลูกทดแทนส่วนที่ใช้ทำฝืนและถ่าน เพื่อเป็นต้นกำเนิดของทรัพยากรน้ำ : ด้านล่างของค่ายหมู่บ้านก็คือทุ่งนาขั้นบันไดที่กว้างใหญ่ไพศาลที่เป็นพื้นที่ในการทำการเกษตรกรรมเพื่อเลี้ยงมวลเหล่าชีวิตของชนเผ่าฮานี ; ในระดับความสูงเดียวกันกับค่ายหมู่บ้านหรือในตัวหมู่บ้าน ชนเผ่าฮานีก็ได้ทำการเพาะปลูกและเลี้ยงเห็ดพันธุ์ต่างๆ เพิ่มเติม สิ่งเหล่านี้เป็นวิถีชีวิตที่มีความสงบสุขของชนเผ่าฮานี เป็นวิถีชีวิตที่อาศัยพึ่งพาและช่วยเหลือเกื้อกูลกับธรรมชาติโดยถูกเรียกเป็น “ปัจจัยสำคัญทั้ง 4” แบ่งเป็น 1 ธารน้ำหงเหอ 2 ป่าไม้ 3 หมู่บ้าน 4 ทุ่งนาขั้นบันได เป็นระบบที่หมุนเวียนในการเกื้อกูลกันระหว่างชาวเผ่าฮานีกับธรรมชาติ
.
.
.
.
.
.
จุดวิวทิวทัศน์ที่สวยที่สุด : ป้าต๋า(坝达), เหลาหู่จุ่ย(ปากเสือ-老虎嘴), ตัวอีซู่(多依树)
ป้าต๋า(坝达)
ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของเมืองหยวนหยางห่างออกไป 43 กม., บนพื้นที่ “ซินเจียตงปู้-新街东部” ในบริเวณ 15 กม.นั้นประกอบไปด้วย “ชิ่งโค่ว-箐口”, “ฉวนฝูจวง-全福庄”, “หมาลี่ไจ้- 麻栗寨”, “จู๋หลู่-主鲁” เรียงตัวกันเป็นทุ่งนาขั้นบันไดขนาดใหญ่. จุดนี้เป็นจุดที่เหมาะแก่การถ่ายภาพยามเย็นเป็นอย่างมาก เพราะจะเห็นหมู่บ้านและค่ายต่างๆรวม 17 แห่ง และทุ่งนาขั้นบันไดของชนเผ่าฮานีอีกกว่า 4000 ไร่ เป็นจุดชมทุ่งนาขั้นบันได และ ทะเลหมอกที่สวยที่สุด และยังเป็นสถานที่ในการค้นคว้าการทำนาขั้นบันไดในรูปแบบใหม่ๆ
.
.
เหลาหู่จุ่ย(ปากเสือ-老虎嘴)
ประกอบไปด้วยพื้นที่ “เหมิ่งผิ่น-勐品”, “ต้งผู่-硐浦”, “อาเหมิ่งค้ง-阿勐控”, “เป่าซานไจ้-保山寨” เป็นเนื้อที่กว่า 3000 ไร่. ตั้งแต่จุดที่เรียกว่าปากเสือจนไปถึง แท่นชมวิว บรรยากาศสี่ด้านจะมีสามด้านที่เป็นทุ่งนาขั้นบันไดเรียงรายออกไปในลักษณะสูงต่ำสลับกัน. ในตอนที่พระอาทิตย์ค่อยๆลับขอบฟ้าไปนั้น สี่ของทุ่งนาจะค่อยๆเปลี่ยนไปตามการสะท้อนของระดับขั้นสูงต่ำของทุ่งนาเป็นสีสันที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างน่าอัศจรรย์
.
.
ตัวอีซู่(多依树)
ประกอบไปด้วย “ตัวอีซู่-多依树”, “อ้ายชุน-爱春”, “ต้าหว่าเจอ-大瓦遮” เป็นจุดที่มีทุ่งนาขั้นบันไดที่มีขนาดใหญ่ที่สุด, เป็นจุดที่เหมาะแก่การถ่ายภาพแสงอาทิตย์สาดส่องผ่านกลุ่มเมฆที่บดบังมากที่สุด(เพราะทุ่งนามีขนาดใหญ่ที่สุด)
***************************************************************************************************************
ที่แรกก่อนไปเราเช็คพยากรณ์อากาศดูแล้วว่าฟ้าจะครึ้ม ฝนจะตกเลยจำใจตัดหยวนหยางทิ้งเพราะหากไปแล้วเจอฝนเจอหมอกก็จบกัน โดยคิดว่าจะไปแกรนด์ที่กุ้ยโจวแทน แต่พอใกล้วันเดินทางมาเช็คดูอีกที อ่าววว ...ไหนกลายเป็นฟ้าใสอากาศดี ใจเริ่มโลเลเปลี่ยนกลับมาไปหยวนหยางเหมือนเดิม และมีอีกที่นึ่งที่อยากไปคือน้ำตกเต๋อเทียน Detian waterfall น้ำตกชายแดนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ติดชายแดนเวียดนามซึ่งเป็นน้ำตกในฝันอยากไปมากกกกกก... เริ่มหาข้อมูลอีกครั้งหลังจากที่ตัดทิ้งไปแล้ว
จากรีวิวที่หาได้เคยมีคนไปจากหยาวนหยางแต่ไกลมาก นั่งรถหลายต่อ แต่ก็เป็นรีวิวที่นานหลายปีแล้ว เราจึงคิดเอาเองว่าว่ามันน่าจะมีทางที่ดีขึ้นเร็วขึ้น เลยกะว่าจะออกจากหยวนหยางแล้วไปหนาานหนิง แต่ยังไม่เคยมีใครเดินทางแบบที่เราไปเลย ทำให้ไม่มีข้อมูล ซึ่งดูในข้อมูลท่องเที่ยวของจีนก็ไม่มี ทำไมมันยากจัง!!!
***************************************************************************************************************
แผนการเดินทาง 9 วัน เริ่มเดินทางวันที่ 8 - 16 เมษายน 2017
Day1 Bkk - Kunming ขึ้นเขาซีซาน ลอดประตูมังกร
Day 2 Kunming - Shilin เที่ยวป่าหิน ประตูม้าทองไก่ทอง
Day 3 Kunming - Yuanyang นั่งรถทั้งวัน
Day 4 Yuanyang จุดชมวิวตัวอีซุ่น ,หมู่บ้านชาวเขาเผ่าฮานิ,จุดชมวิวปาต้า,จุดชมวิวเหมิ่งผิง
Day 5 Yuanyang - Kunming - Guiyang นั่งรถบัส+รถไฟความเร็วสูงทั้งวัน
Day 6 Huangguoshu waterfall เที่ยวน้ำตกหวงกว่อซู่น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในจีน
Day 7 Qianling Hill Park @Guiyang สวนสาธารณะควินหลิงเมืองกุ้ยหยางเมืองเอกของมลทลกุ้ยโจว
Day 8 Guiyang- Guangzhou นั่งรถไฟความเร็วสูงจากกุ้ยหยาง เดินเที่ยวกวางโจว
Day 9 Guangzhou - Bkk เดินเที่ยวกวางโจว กลับ กทม.
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้