ผมกับแฟนคบกันมาได้ปีกว่า ผมทำงานแล้ว แต่แฟนยังเรียนอยู่ ช่วงฝึกงานใกล้จะจบ ห่างกันประมาณ 2 ปี คบช่วงแรกๆอยู่ห่างกันหน่อย เค้าอยู่หอ ผมอยู่บ้าน แต่ช่วงฝึกงานเค้าเลือกฝึกงานแถวบ้านผม และย้ายมาอยู่ที่บ้าน พ่อกับแม่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ดูจะชอบเพราะลูกจะได้มีเพื่อน แล้วแม่ผมก็ชวนเค้าคืนสัญญาหอไปเลย แล้วมาอยู่ที่บ้านผมแทน ก็คือตอนนี้อยู่ด้วยกันตลอด แทบจะตัวติดกัน ตอนเช้าไปด้วยกันเพราะทางผ่าน ตอนเย็นผมไปรับเพราะทางผ่านอีกเช่นกัน มื้อเย็นส่วนใหญ่ก็จะกลับไปทานที่บ้าน มื้อไหนอยากมากก็จะชวนกันไปทานข้างนอก
ก่อนหน้าที่ผมจะมาเจอเค้า ผมเป็นคนชอบเที่ยวอยู่แล้ว และส่วนใหญ่เป็นการเที่ยวคนเดียว เที่ยวคนเดียวในมุมมองของคนไม่เคยเที่ยวคนเดียว อาจจะมองดูว่ามันเหงา แต่ความเป็นจริงถ้าเคยไปและไปได้ มันก็จะไม่มีโมเม้นนั้นซักเท่าไหร่ แต่เมื่อผมมาเจอเค้า เราได้คบกัน ผมจะพาเค้าไปตลอด ทุกที่ๆเค้าไม่เคยไปผมก็จะพาไป ค่าน้ำมันต่างๆ ผมไม่เคยขอให้เค้าช่วยออกเลย ค่ากินบางมื้อผมก็จะออกเยอะหน่อย แต่แฟนผมเค้าก็เคยพูดว่า เค้าไม่โอเคที่ซัพพอร์ตเราไม่ได้ หากมองในมุมมองความรักคู่อื่นๆ คือผมเป็นฝ่ายภรรยา แล้วแฟนผมคือสามี แต่ในมุมมองของผมคิดว่าการที่เราเป็นแฟนกัน มันไม่ได้สำคัญว่าเราจะอยู่ในบทบาทไหน แต่ใครไหวแค่ไหนก็ช่วยไป ผมไม่ได้คบกันเพียงเพราะอยากคบอารมณ์เบื่อแล้วเลิก หรือหวังเรื่องอย่างอื่น เค้าก็ดูแลผมดีเหมือนเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เวลาไปไหนถือของให้ ถือกระเป๋าให้ ทำทุกอย่างเหมือน ช-ญ คู่อื่นๆ และก็เป็นแบบนั้นเสมอมา อนาคตที่ผมวาดไว้ผมจะนึกถึงเค้าเสมอ ให้เค้ามาช่วยเติมเต็มความสุขที่ผมขาด และผมช่วยเติมเต็มความสุขที่เค้าขาด เค้าเป็นเด็กกว่าแต่ความคิดเค้าบางครั้งก็เป็นผู้ใหญ่ แต่ด้วยเราที่โตกว่า ก็จะเป็นผู้ใหญ่ซะมากกว่า บางครั้งที่เราทะเลาะกันผมเลือกที่จะจบเอง ขอโทษเอง และอธิบายด้วยเหตุผล ซึ่งเค้าก็จะบอกเหตุผลเดิมๆ ส่วนใหญ่ก็คือปัญหาเรื่องการเงิน
เงินเดือนที่ผมได้มาทุกเดือน ก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก เป็นแค่โปรแกรมเมอร์ธรรมดาๆ ให้เงินที่บ้าน แต่ที่บ้านไม่รับเพราะท่านก็มีเงินเดือนของท่านกันอยู่แล้ว ซึ่งมากกว่าผมเยอะ แต่ผมก็จะซัพพอร์ตเรื่องอื่นๆแทน พวกของใช้ในบ้าน พาไปเลี้ยงข้าว พาไปช้อปปิ้ง ให้เงินเป็นครั้งคราวไป ผมเป็นลูกคนเดียว ส่วนแฟนผมมีพี่น้องรวม 3 คน ซึ่งเค้าเป็นคนสุดท้อง ซึ่งในแต่ละเดือนบางเดือนเค้าจะได้เงินจากที่บ้าน บางเดือนก็ไม่ได้ แต่เค้าก็จะมีเงินเก็บของเค้าอยู่ ซึ่งเดือนไหนไม่ได้ ผมก็จะถามก่อนว่าให้ผมช่วยไหม มันก็ไม่ใช่เงินมากมายอะไร แต่เราช่วยได้ก็จะช่วย แต่เค้าไม่เคยรับ ผมก็จะซัพพอร์ตเรื่องอื่นๆแทน ช่วงหลังที่เค้ามาอยู่กับผมที่บ้านก็จะเที่ยวกันบ่อยขึ้น ไปไหนด้วยกันตลอด ส่วนใหญ่ก็วนอยู่แถวบ้าน ไปต่างจังหวัดบ้างเป็นครั้งคราว
ทุกครั้งผมจะชวนเค้าตลอด ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล แต่ปัญหามันก็เกิดช่วงหลังๆนี้ ซึ่งเค้าเป็นคนไม่ชอบเที่ยว ปีนึงครั้งนึงถือว่ามากแล้ว แต่ผมซึ่งปกติเที่ยวทุกเดือน การที่ไปเที่ยวสำหรับผม ไม่ใช่ว่าจะต้องไปต่างจังหวัดเสมอไป แต่การไปได้เจออะไรใหม่ๆ ได้ขับรถ ได้ออกจากบ้าน ได้พบเจอผู้คน นั่นก็คือการพักผ่อน ปวดหัวเรื่องคนกับที่ทำงานมากพอแล้ว ก็อยากไปเจอโลกอื่นบ้าง ผมชวนเค้าไปต่างจังหวัด เค้าเริ่มปฏิเสธ เราก็เข้าใจว่าต้องเรื่องเดิมแน่ๆ ก็จะออกให้ช่วยซัพพอร์ตให้ มีเมื่อไหร่ค่อยเอาคืน เค้าก็บอกไม่เอา เค้าไม่โอเค พอผมจะไปกับเพื่อนที่เค้าเคยเจอ เค้าก็ไม่โอเค ”เป็นแฟนกันก็ควรไปด้วยกัน” ผมก็เลยจะไปคนเดียว เค้าก็ไม่โอเคอีก ซึ่งผมควรจะทำอะไรได้บ้าง เค้าจะบอกผมตลอดว่ารอหน่อยได้ไหม รอเค้ามีเงินเดือนจะพาไป ก็ประมาณเกือบ 2 ปีนับจากนี้กว่าทุกๆอย่างของเค้าจะลงตัว ผมรอเค้าได้เสมอ แต่ในระหว่างที่ผมรอเค้า คือผมจะไม่ได้ไปไหนอย่างนั้นเลยหรอ ถ้าเค้าไม่ได้ไปด้วย ผมก็อธิบายให้เค้าฟังไปเยอะ ในเรื่องนี้และเรื่องอื่นๆ แต่ก็ยังบอกด้วยเหตุผลเดิมๆ
ผมรักเค้ามาก ยอมทุกอย่าง ปรับเปลี่ยนตัวเองทุกอย่าง ไม่เที่ยวกลางคืน ถ้าจะไปก็จะชวนเค้า พาเค้าไปด้วยตลอด แต่ผมก็จะบอกตลอดว่า ถ้าทำงานแล้ว หรืออยากไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างก็บอกนะ ไม่ใช่ว่าจะไปด้วยกันตลอด เธอก็ต้องมีสังคมของเธอบ้าง กลับมาเราก็เจอกัน เราอยู่ด้วยกัน ไว้ใจกัน ก็โอเค โตๆกันแล้ว รู้อยู่ว่าตัวเองกำลังจะทำอะไร และกำลังทำอะไร ไม่ต้องให้พูดเยอะ หรืออาจจะบวกกับตัวเค้าทีเพื่อนน้อยอยู่แล้ว เลิกเรียนกลับหอ เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ แต่เด็กวิศวะก็ควรมีเพื่อนชวนไปไหนมาไหนบ้าง รึเปล่า? ซึ่งผมคิดว่าการที่ผมกำลังจะทำแบบนี้มันสร้างความอึดอัดให้ตัวเค้า และผมเอง ทุกคนมีภาระอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่เค้า ผมเองก็มี ทุกๆคนก็มี เงินเดือนยิ่งเยอะ ภาระก็ยิ่งมาก มีพี่น้องกับลูกคนเดียว ความกดดันในการคาดหวังมันคงต่างกันอยู่แล้ว ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร บางทีเรื่องบางเรื่องเราก็ต้องปล่อยให้เค้าไปเจอกับตัวเองเค้าถึงจะเข้าใจ อธิบายไปยังไงก็คงไม่เข้าใจ
ชวนแฟนไปเที่ยว แต่แฟนไม่สะดวก เพราะปัญหาการเงิน
ก่อนหน้าที่ผมจะมาเจอเค้า ผมเป็นคนชอบเที่ยวอยู่แล้ว และส่วนใหญ่เป็นการเที่ยวคนเดียว เที่ยวคนเดียวในมุมมองของคนไม่เคยเที่ยวคนเดียว อาจจะมองดูว่ามันเหงา แต่ความเป็นจริงถ้าเคยไปและไปได้ มันก็จะไม่มีโมเม้นนั้นซักเท่าไหร่ แต่เมื่อผมมาเจอเค้า เราได้คบกัน ผมจะพาเค้าไปตลอด ทุกที่ๆเค้าไม่เคยไปผมก็จะพาไป ค่าน้ำมันต่างๆ ผมไม่เคยขอให้เค้าช่วยออกเลย ค่ากินบางมื้อผมก็จะออกเยอะหน่อย แต่แฟนผมเค้าก็เคยพูดว่า เค้าไม่โอเคที่ซัพพอร์ตเราไม่ได้ หากมองในมุมมองความรักคู่อื่นๆ คือผมเป็นฝ่ายภรรยา แล้วแฟนผมคือสามี แต่ในมุมมองของผมคิดว่าการที่เราเป็นแฟนกัน มันไม่ได้สำคัญว่าเราจะอยู่ในบทบาทไหน แต่ใครไหวแค่ไหนก็ช่วยไป ผมไม่ได้คบกันเพียงเพราะอยากคบอารมณ์เบื่อแล้วเลิก หรือหวังเรื่องอย่างอื่น เค้าก็ดูแลผมดีเหมือนเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง เวลาไปไหนถือของให้ ถือกระเป๋าให้ ทำทุกอย่างเหมือน ช-ญ คู่อื่นๆ และก็เป็นแบบนั้นเสมอมา อนาคตที่ผมวาดไว้ผมจะนึกถึงเค้าเสมอ ให้เค้ามาช่วยเติมเต็มความสุขที่ผมขาด และผมช่วยเติมเต็มความสุขที่เค้าขาด เค้าเป็นเด็กกว่าแต่ความคิดเค้าบางครั้งก็เป็นผู้ใหญ่ แต่ด้วยเราที่โตกว่า ก็จะเป็นผู้ใหญ่ซะมากกว่า บางครั้งที่เราทะเลาะกันผมเลือกที่จะจบเอง ขอโทษเอง และอธิบายด้วยเหตุผล ซึ่งเค้าก็จะบอกเหตุผลเดิมๆ ส่วนใหญ่ก็คือปัญหาเรื่องการเงิน
เงินเดือนที่ผมได้มาทุกเดือน ก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก เป็นแค่โปรแกรมเมอร์ธรรมดาๆ ให้เงินที่บ้าน แต่ที่บ้านไม่รับเพราะท่านก็มีเงินเดือนของท่านกันอยู่แล้ว ซึ่งมากกว่าผมเยอะ แต่ผมก็จะซัพพอร์ตเรื่องอื่นๆแทน พวกของใช้ในบ้าน พาไปเลี้ยงข้าว พาไปช้อปปิ้ง ให้เงินเป็นครั้งคราวไป ผมเป็นลูกคนเดียว ส่วนแฟนผมมีพี่น้องรวม 3 คน ซึ่งเค้าเป็นคนสุดท้อง ซึ่งในแต่ละเดือนบางเดือนเค้าจะได้เงินจากที่บ้าน บางเดือนก็ไม่ได้ แต่เค้าก็จะมีเงินเก็บของเค้าอยู่ ซึ่งเดือนไหนไม่ได้ ผมก็จะถามก่อนว่าให้ผมช่วยไหม มันก็ไม่ใช่เงินมากมายอะไร แต่เราช่วยได้ก็จะช่วย แต่เค้าไม่เคยรับ ผมก็จะซัพพอร์ตเรื่องอื่นๆแทน ช่วงหลังที่เค้ามาอยู่กับผมที่บ้านก็จะเที่ยวกันบ่อยขึ้น ไปไหนด้วยกันตลอด ส่วนใหญ่ก็วนอยู่แถวบ้าน ไปต่างจังหวัดบ้างเป็นครั้งคราว
ทุกครั้งผมจะชวนเค้าตลอด ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล แต่ปัญหามันก็เกิดช่วงหลังๆนี้ ซึ่งเค้าเป็นคนไม่ชอบเที่ยว ปีนึงครั้งนึงถือว่ามากแล้ว แต่ผมซึ่งปกติเที่ยวทุกเดือน การที่ไปเที่ยวสำหรับผม ไม่ใช่ว่าจะต้องไปต่างจังหวัดเสมอไป แต่การไปได้เจออะไรใหม่ๆ ได้ขับรถ ได้ออกจากบ้าน ได้พบเจอผู้คน นั่นก็คือการพักผ่อน ปวดหัวเรื่องคนกับที่ทำงานมากพอแล้ว ก็อยากไปเจอโลกอื่นบ้าง ผมชวนเค้าไปต่างจังหวัด เค้าเริ่มปฏิเสธ เราก็เข้าใจว่าต้องเรื่องเดิมแน่ๆ ก็จะออกให้ช่วยซัพพอร์ตให้ มีเมื่อไหร่ค่อยเอาคืน เค้าก็บอกไม่เอา เค้าไม่โอเค พอผมจะไปกับเพื่อนที่เค้าเคยเจอ เค้าก็ไม่โอเค ”เป็นแฟนกันก็ควรไปด้วยกัน” ผมก็เลยจะไปคนเดียว เค้าก็ไม่โอเคอีก ซึ่งผมควรจะทำอะไรได้บ้าง เค้าจะบอกผมตลอดว่ารอหน่อยได้ไหม รอเค้ามีเงินเดือนจะพาไป ก็ประมาณเกือบ 2 ปีนับจากนี้กว่าทุกๆอย่างของเค้าจะลงตัว ผมรอเค้าได้เสมอ แต่ในระหว่างที่ผมรอเค้า คือผมจะไม่ได้ไปไหนอย่างนั้นเลยหรอ ถ้าเค้าไม่ได้ไปด้วย ผมก็อธิบายให้เค้าฟังไปเยอะ ในเรื่องนี้และเรื่องอื่นๆ แต่ก็ยังบอกด้วยเหตุผลเดิมๆ
ผมรักเค้ามาก ยอมทุกอย่าง ปรับเปลี่ยนตัวเองทุกอย่าง ไม่เที่ยวกลางคืน ถ้าจะไปก็จะชวนเค้า พาเค้าไปด้วยตลอด แต่ผมก็จะบอกตลอดว่า ถ้าทำงานแล้ว หรืออยากไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างก็บอกนะ ไม่ใช่ว่าจะไปด้วยกันตลอด เธอก็ต้องมีสังคมของเธอบ้าง กลับมาเราก็เจอกัน เราอยู่ด้วยกัน ไว้ใจกัน ก็โอเค โตๆกันแล้ว รู้อยู่ว่าตัวเองกำลังจะทำอะไร และกำลังทำอะไร ไม่ต้องให้พูดเยอะ หรืออาจจะบวกกับตัวเค้าทีเพื่อนน้อยอยู่แล้ว เลิกเรียนกลับหอ เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ แต่เด็กวิศวะก็ควรมีเพื่อนชวนไปไหนมาไหนบ้าง รึเปล่า? ซึ่งผมคิดว่าการที่ผมกำลังจะทำแบบนี้มันสร้างความอึดอัดให้ตัวเค้า และผมเอง ทุกคนมีภาระอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่เค้า ผมเองก็มี ทุกๆคนก็มี เงินเดือนยิ่งเยอะ ภาระก็ยิ่งมาก มีพี่น้องกับลูกคนเดียว ความกดดันในการคาดหวังมันคงต่างกันอยู่แล้ว ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร บางทีเรื่องบางเรื่องเราก็ต้องปล่อยให้เค้าไปเจอกับตัวเองเค้าถึงจะเข้าใจ อธิบายไปยังไงก็คงไม่เข้าใจ