ตาหวาน bnk48 เป็นผู้แบกวง มากกว่าที่คุณคิด

กระทู้นี้อาจจะอวยตาหวานไปหน่อย แต่อยากเขียนเพื่อชวนตั้งข้อสังเกตถึงความสำคัญ ของตาหวาน กับบทบาทในวงที่เราอาจไม่ค่อยได้สังเกตกัน
ความสำคัญที่ว่านี้ก็คือ เสียงร้องเพลงของตาหวาน ที่ค่อนข้างโดดเด่น แม้กระทั่งเพื่อนๆ ในวงด้วยกันเอง ก็ยังให้การยอมรับอย่างสูง

แน่นอนในวง bnk48 รุ่นหนึ่ง มีคนที่เสียงดีหลายคน ตามที่เคยมีแฟนคลับต่างๆ กล่าวถึงกันไปมากมายแล้ว
เช่น โมบาย แจน จิ๊บ ทั้งหมดนี้คือเสียงพรสวรรค์ และซุ่มเสียงเอกลักษณ์ใหม่ๆ ซึ่งหาได้ยาก
แต่ทว่าสิ่งที่พวกเธอเหล่านี้ยังขาดคือ เทคนิคการร้อง และชั่วโมงการบิน ที่ทำให้เส้นเสียงแข็งแรง ไม่มีแกว่ง ไม่มีลมหมด

ตาหวาน นั้นคือคนที่เสียงมีพรสวรรค์น้อยกว่า คนที่ยกตัวอย่างไปข้างบน
หรือถ้าว่ากันตามตรง เสียงอย่างตาหวาน คุณอาจจะสามารถบังเอิญพบเจอได้อีก ตามเวทีประกวดข้างนอกทั่วไป
กระนั้นสมบัติล้ำค่าที่ตาหวานมี แต่เพื่อนคนอื่นในวงยังไม่มีคือ เทคนิคการร้องที่บ่มเพาะฝึกฝนมาอย่างดี จากประสบการณ์บนเวทีการประกวดก่อนเข้าวง
ตาหวานนั้นสามารถ ร้องเพลงได้เต็มเสียง ไม่แกว่ง ลากลมได้ยาว และโหนเสียงสูงได้มากกว่าเพื่อนในวง โดยไม่ต้องใช้เสียงหลบ

ซึ่งคุณสมบัติที่ดีของตาหวานนี้ จะเป็นอาวุธลับสำคัญ ที่ช่วยแบกวงได้มากกว่าที่เราคิด

-------------------------------------------------------------------------------------------

เพลงมหานิยม คุ๊กกี้เสี่ยงทาย Koisuru Fortune Cookie
เพลงนี้แน่นอนว่าเครดิตราว 70% โมบายในฐานะเซ็นเตอร์ควรได้รับไปเต็มๆ
เพราะเสียงของโมบายแบก และเหมาะสมกับเพลงนี้มาก โดยเฉพาะท่อนจำอย่าง ‘ให้คุ๊กกี้ทำนายกัน’ ซึ่งคนอื่นในวงมาร้อง ก็ไม่เพราะเท่านี้
แต่ทว่าเพลงนี้มันยังมีอยู่อีกท่อนหนึ่ง ที่เราไม่ค่อยได้สังเกต ว่ามีความสำคัญไม่แพ้กัน

นั่นก็คือท่อนก่อนฮุค ‘หรือว่าฉันนั้นเคว้งคว้างลอยไปกับเสียงเพลง’
ถ้าว่ากันตามทฤษฎีดนตรีแล้ว ผมให้เครดิตท่อนนี้ว่า มีความสำคัญกับเพลงมากกว่าท่อนอย่าง ‘แอบมองเธออยู่นะจ๊ะ’ หรือ ‘เย้อีเยอีเย’ ด้วยซ้ำ
เพราะท่อนนี้คือ ท่อนเปลี่ยนโทนสีอารมณ์ของเพลงให้ต่างไปจากท่อนแรกที่เนิบ มีการดันกลุ่มโน้ตให้โหนเสียงสูงกว่าท่อนแรก รวมถึงใช้เมโลดี้ที่สวยกว่าท่อนอื่น เพื่อสร้างความสะดุดหู
ถ้าเลือกคนที่สกิลร้องยังไม่ถึงมาร้อง ที่ปูทางมาสวยๆ แต่แรกอาจจะพังทลายลงได้
และบางที สำหรับคนฟังทั่วไปที่ไม่ได้รู้จักวงมาก่อน ท่อนนี้ก็อาจเป็นท่อนตัดสินชี้ชะตาได้เลยว่า เขาจะเลือกปิดหรือเลือกจะเปิดใจฟังเพลงต่อ (เพราะท่อนนี้ล่วงมาถึง นาที 1:00 ซึ่งเป็นเวลาลิมิต ที่หูคนจะเริ่มตัดสินภาพรวมทั้งหมดของเพลงแล้ว โดยอาจไม่รอฟังจนจบ)

ฉะนั้นท่อนนี้ นอกจากจะเป็นเครดิตของคนแต่ง (ครูแมน ละอองฟอง) ที่กล้างัดข้อกับญี่ปุ่น แปลเนื้อที่แตกต่างจากต้นฉบับมากกว่าท่อนอื่น จนมันเข้ากับสไตล์เพลงไทยๆ แล้ว ก็ยังควรเป็นเครดิตของคนร้องท่อนนี้ ที่ต้องมีคุณสมบัติสามารถร้องโหนโน้ตสูงของท่อน ที่ค่อนข้างจะร้องได้ยากด้วย

ผมมั่นใจว่าสถานการณ์ในวงตอนก่อนอัดเสียงนั้น มีอยู่คนเดียว ที่สามารถร้องท่อนนี้ได้ลื่นไหล มีพลัง และมีความไพเราะที่สุด
(โดยเฉพาะการเปิดหัวท่อน ที่ต้องร้องให้เฉียบคม เหมือนใส่หมัดฮุค ก่อนที่โน้ตห้องต่อๆ ไปอาจปล่อยให้ดรอปลงได้นิดๆ)
ก็คือตาหวานนั้นเอง ผมจึงไม่แปลกใจเลย ที่ทางคณาจารย์ เลือกให้ตาหวานร้องท่อนที่มีความสำคัญมากๆ นี้

คุ๊กกี้ท่อนก่อนฮุค ที่ตาหวานร้องเดี่ยวๆ ในคอนเสิร์ต We Meet You Merry Christmas นาที 2:00
https://www.youtube.com/watch?v=-2svCKJz_TQ&t=144s

-------------------------------------------------------------------------------------------

ซิงเกิ้ลที่ 3 ที่เฉิดฉายของตาหวาน
ซิงเกิ้ลนี้ จะเรียกว่าเป็นซิงเกิ้ล ของตาหวานก็ได้ ไม่มีผิด
เพราะถ้าไม่นับเพลงหลักอย่าง โชนิจิวันแรก ที่ตาหวานไม่ค่อยมีบทบาทเท่าไหร่ เพลงที่เหลือมันคือของตาหวานทั้งหมด

1. Namida Surpise - เป็นเซ็นเตอร์หลัก และเสียงร้องหลัก
2. Anata to Christmas Eve - แม้ว่าจะเป็นการมาแทนแจน (ที่ออกจากวงไป) แต่ในการแสดงสด ตาหวานก็กลายเป็นเซ็นเตอร์ประจำ ที่ถูกเลือกก่อนเพื่อนคนอื่นๆ
3. Sakura No Hanabiratachi - เพลงนี้ไม่มีเซ็นเตอร์ก็จริง แต่ทุกคนก็น่าจะทราบกันดีว่า ตาหวานเป็นเซ็นเตอร์ (อย่างไม่เป็นทางการ)
สังเกตได้จาก เสียงของตาหวานที่เด่นนำอยู่ตลอดทั้งเพลง และการแสดงสดที่มักจะได้รับเกียรติให้ไปยืนข้างหน้าสุด เป็นเซ็นเตอร์ของเวทีเสมอ
4. (พิเศษ) River - ในที่นี้ผมอยากจะนับ single พิเศษที่ออกมาในเวลาไล่เลี่ยอย่าง River ด้วย เพลงนี้นั้นตอนแรกผมก็ไม่ค่อยอยากนับว่า ตาหวานเด่นเท่าไหร่ แต่มาสะดุดใจกับคลิปวีดีโอการเดินสายโปรโมตเพลงนี้อันหนึ่ง ซึ่งพิธีกรจะมีการให้ร้องสดๆ ไม่มีดนตรี แล้วเพื่อนในวงก็โยนไมค์ให้ตาหวานร้องเฉยเลย
ผมเลยพึ่งตกผลึกค้นพบว่า ท่อนฮุคซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของเพลงนั้น จะมีการใช้เสียงโหนสูงค่อนข้างเยอะ ซึ่งก็พบว่าเป็นเสียงตาหวานอีกแล้ว ที่ทำให้เพลงมันฟังลื่น และน่าฟังมากขึ้น จากตอนแรกกำลังจะกลายเป็นเพลงมัวๆ ฟังดูอึดอัดไปแล้ว

คลิป River ที่ตาหวานร้องสด นาที 1:55
https://www.youtube.com/watch?v=8nMowhuH7e4&t=420s

-------------------------------------------------------------------------------------------

ถ้าเป็นเพลงเร็ว ที่ร้องรวมกันหลายคน เสียงตาหวานอาจจะไม่มีผลกับเพลงมาก
(กระนั้นเสียงประสาน หรือไลน์ร้องเสริมประกบเข้าไปแบบเบาๆ บางๆ ของตาหวาน บางทีก็มีส่วนทำให้เพลงมันฟังลื่น ไม่ขัดหูเราเกินไปนัก มากกว่าที่เราคิด)
แต่ถ้าเป็นเพลงจังหวะ mid tempo ไปจนถึงเพลงช้า ที่ต้องใช้เทคนิคการร้อง และการควบคุมลมหายใจค่อนข้างเยอะ
ตาหวานน่าจะกลายเป็นช้อยส์แรกๆ ที่คณาจารย์จะเลือกและนึกถึง เพื่อให้มาเป็นเสียงหลักช่วยพยุงแบกเพลง

-------------------------------------------------------------------------------------------

ปฏิเสธไม่ได้ว่า bnk48 นั้น จะเน้นขายภาพลักษณ์และความสดใส
แต่อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากๆ ไม่แพ้กันคือ ตัวเพลง (ซึ่งตรงนี้บทสัมภาษณ์ครูเอ๊ะก็พูดถึงบ่อย)
ถ้าโปรดักชั่นเพลงทำออกไม่ดี เสียงร้องของนักร้องฟังรวมๆ แล้วไม่รู้สึกลื่นหูมากพอ ท่าเต้นจะสนุกยังไง หรือทำ mv ออกมาให้สวยแทบตาย ก็อาจจะไม่เปรี้ยงอย่างที่คิด

ผมสงสัยว่า ถ้าสมมติวงนี้ไม่มีตาหวาน วง (โดยเฉพาะตัวเพลง) อาจจะเปรี้ยงน้อยกว่านี้ก็ได้
ปล. ผมดีใจมากๆ เลยนะ ที่รุ่นสอง กำลังจะมีคนร้องเก่งๆ เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเลย
รวมถึงรุ่นหนึ่ง ที่กำลังค่อยๆ พัฒนาการร้องตัวเองด้วย จะได้ช่วยๆ กันเป็นฟันเฟืองทำให้เพลงออกมาดี



จากใจคนติดตาม bnk48 เพราะเน้นฟังเพลงเป็นหลัก
ส่วนรูปลักษณ์หน้าตา และความสดใส เป็นเรื่องรอง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่