อ่ะไม่ต้องลีลา เราจะเขียนกะทู้แบบข้อมูลครบม้วนเดียวจบ เป็นคัมภีร์เดินตามได้เลย เริ่มจากการเกียมกัวกันก่อน โชคดีว่าญี่ปุ่นไม่ต้องขอวีซ่า
แต่ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่าทริปนี้เราตั้งใจไปดูดอกไม้ เลยเลือกช่วงที่ลาเวนเดอร์เบ่งบานที่สุดในฮอกไกโด นั่นก็คือ เดือน กรกฎาคม ซึ่งแบบหน้าร้อนญี่ปุ่นไง แต่ก้อเอาวะ คงเหมือนไปเชียงใหม่หน้าร้อนอะแหละ ทำไงได้ อยากพาคุณแม่ไปชมทุ่งลาเวนเดอร์ ไปเดินโลกสวยกลางทุ่งไง🌺🍆
เมื่อเล็งหาวันหยุดเดือนกรกฏาคมได้ (จะได้ลางานน้อยๆ) เราเลยเริ่มบุ๊คช่วงเวลาเดินทางเพื่อหาตั๋วบิน ช่วงวันที่📑 21-29 กค 2018 ทริปนี้ไปกะคุงแม่จะบิน Low cost ก้อสงสารคนแก่อะเนอะ เราเลยดิ่งเข้าเวบไซต์สายการบิน ANA all nippon airways เป็น Full service ของญี่ปุ่นเองเลย (แถมสายการบินนี้อยู่ในเครือ star alliance ซื้อตั๋วเกบแต้มแลกไมล์การบินไทยได้นะแจ๊ะ ถ้าจะสะสมอย่าลืมสมัคร ROP รอยัลออร์คิดพลัสก่อน) แต่ก้อคงคอนเซป Economy class ถึงว่าแต้ม
ไม่พอแลกบินสักที555
Route การบินคือ ขาไป จาก กทม. ไปลงที่ ฮาโกดาเตะ (เปลี่ยนเครื่องที่ Haneda) // ขากลับ กลับจาก ซับโปโร ไปลง กทม. (เปลี่ยนเครื่องที่นาริตะ) ไปกลับคนละ Port ดีงามมาก ไม่ต้องย้อนไปย้อนมา เบ็ดเสร็จจ่ายไปคนละ
22,855 บาท ค่าตั๋วเครื่องบิน (ต้องบอกว่าถ้าไปฮอกไกโด ค่าตั๋วจะแพงกว่าไปเมืองอื่นอยุ่แล้ว)
เดวจะแนบแผนเป็น Excel แบบโค่ดละเอียด ให้ตอนท้ายนะ มีหลายส่วนที่ปรับแผนระหว่างทางตามชื่อโพสท์😀 เอาแบบคร่าวๆไปก่อน
บินไปฮาโกดาเตะ อยู่ 1 คืน -> นั่งรถบัสไป Sapporo อยู่ 1 คืน -> เช่ารถขับไปเมือง Asahikawa, Biei, Furano รวม 3 คืน -> กลับมา Saporo 2 คืน -> บินกลับบางกอก แผนนี้ไม่ขับวนแน่นอนน
=> พอได้แผนเดินทางว่าจะไปเมืองไหนคร่าวๆแล้ว ว่า เอ้ออ อยากไปแน่ๆ ก้อเขียนลำดับอย่างข้างบน เพื่อจอง โรงแรมในแต่ละคืนเลย เพราะว่า เดวเราต้องจองรถนุ่นนี่นั่น จะได้รู้ว่า ต้องไปรับรถขึ้นรถที่สถานีไหนที่ใกล้โรงแรมเราตอนบุ๊คกิ้ง ที่เราจองตามนี้ ลองดู
จากแผนข้างบน เราจองตั๋วบินไปละ มาจองตั๋วรถบัส กันบ้าง www.japanbusonline.com ตกคนละ
4,600 เยน หน้าตา Email confirm หลังจองเสร็จ จะหน้าตาเป็นแบบนี้ (อันนี้จองรถบัสนอนนาจาา ประมาณ 6 ชม. อ่ะ เราว่าไม่ต่างกะ JR มาก แบบอยากนอนชมวิว ไม่รีบ แต่ใครอยากไป JR ก้อได้เร็วกว่า 1-2 ชม.มั้ง แพงกว่านิหน่อย)
ต่อมาก้อเช่ารถต่อ....แต่เดี๋ยวก่อน อย่าลืมใครที่เป็นคนขับรถที่ญี่ปุ่นต้องทำใบขับขี่สากลที่หมอชิตก่อนนะ จ่ายค่าทำประมาณคนละ
500 บาท มีผลบังคับใช้ 1 ปี สำหรับคนที่มีใบขับขี่อยู่แล้วแปบเดียวเสียวตังอย่างเดียว เดวตอนเช่ารถเค้ามีให้กรอก license ด้วยนะ
เราเลือกเช่าที่บริษัท Nippon rent a car พนักงานพอใช้ภาษาอังกฤษได้ ตอนไปรับรถจะได้คุยกันรู้เรื่อง เข้าไปจองในเวบไซต์ได้เลย จะบอกว่า ขั้นตอนตอนไปรับรถก้อใช้เวลาพอสมควรเลย เพราะพนักงานขายประกันรถจ้าาา นี่ขนาดเลือกซื้อประกันบางอย่างไปแล้ว ไม่วายขายอีก เดวจะเล่าอีกที
เราเลือกรถที่ค่อนข้างใหญ่หน่อย Toyota Corolla fielder มี 5 ประตู เพราะไปกัน 4 คน แล้วกระเป๋าเดินทางก้อบิ๊กๆกันทั้งน้านน แต่ตอนรับรถได้ Subaru มาซะงั้น อย่างดี โคตรฟลุ๊คเลย
- จะเห็นว่า มีตรง drop-off charge คือ ถ้าเรารับรถ คืนรถ สาขาเดียวกันไม่เสียตังค์ ถ้าต่างที่ก้อเสียตังค์
- แล้วเราก้อซื้อแพคเกจ option 1: บัตรทางด่วนเหมือน easy pass บ้านเราอ่ะ ของเค้าเรียก ETC เราเลือกเหมาจ่าย สามวันที่เราขับเลยนะ
- ส่วนค่าประกันมีหลายอย่างมาก ตรง CDW แล้วก้ออันอื่นอีก คือเลือกไปเลือกมา ยอด 43,028 เยน แต่พอไปรับรถจริง ซื้อประกันเพิ่มอี๊กกก(หลอน กะตัดปัญหา เราว่าก้อดีนะ ถ้ามีไรขึ้นมาไม่คุ้มอ่ะ) เดวเล่าถึงตอนไปรับรถจะขยายความค่าประกันให้อีกที กลายเป็นว่ารวมแล้ว 49,400 เยน แต่จะบอกว่าตอนเช่าอ่ะเราจะลงเวลา รับรถ กับ คืนรถ ไว้ไช่มะ ถ้าเราตรงเวลามีส่วนลดนะจะบอกให้ เราได้ลด 2,498 เยน ไม่รุ้คิดยังไงเหมือนกัน อิอิ เท่ากับรวมแล้วจ่ายค่าเช่ารถตกคนละ
11,726 เยน
- เงื่อนไขก็คล้ายๆบ้านเรา ตอนรับรถน้ำมันเต็มถัง ก่อนส่งคืน ต้องเติมเต็มถังเหมือนเดิม ของเรา 3 วัน จ่ายค่าน้ำมันไปประมาณ 4,557+2,976 = 7,553 เท่ากับว่า ค่าน้ำมันคนละ
1,884 เยน ตอนเราไปเติมยี่ห้อ ENEOS ตลอดป้ายสีแดงๆอ่ะ ปั๊มตรานี้จะมีทั้งแบบเติมให้กับเติมเอง จริงๆไม่ต่าง แบบเติมเองพอเค้าเห็นคนต่างชาติเดวก้อวิ่งมาช่วยเองแหละ เพราะหน้าจอภาษายี่ปุ่นล้วนๆ ตู้เติมน้ำมันต้องสอดเงินเข้าไปก่อนนะ ใบ10000เยนง่ายดี เติมเท่าไหร่เดวมันก็ทอนให้ แต่อย่าลืมตอนไปรับรถถามเค้าด้วยละว่าต้องเติมเบนซินหรือดีเซล
*แนะนำเลย ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ เราควรซื้อประกันการเดินทางต่างประเทศที่ครอบคลุมการรักษากรณีเจ็บป่วยที่เมืองนอก เพราะรอบนี้เราเจอมากับตัว แม่เราเป็นลมหมดสติเนื่องจากปวดท้องบิดในห้องน้ำ ถึงกับต้องเรียกรถพยาบาลที่ญี่ปุ่น หน้าห้างเล็กๆแถวนอกเมืองนาจาา นี่ขนาดว่าทำ MSIG ประกันหมู่ไปนะ คนละ
295 บาท ซื้อออนไลน์ผ่านแอป Airpay ยังเสียวสันหลัง เพราะอะไรรู้มะ ตอนซื้อก้อซื้อไปงั้นๆอ่ะ ไม่ได้ศึกษาว่ามันคลอบคลุมอะไรบ้าง เคลมยังไง มี call center หรือเปล่า ถึงเวลาตอนนั้นมันตกใจจริงๆ ทำอะไรไม่ถูก ตอนนั้นคิดว่าตรูได้รูดเป็นแสนๆแน่ๆจ่ายเต็มวงเงินก้องานนี้ถ้าได้แอดมิท โชคดีว่า พอปฐมพยาบาลเบื้องตนบนรถพยาบาลแล้ว คุณแม่นี่ตื่นนน หายเป็นปลิดทิ้ง
- แล้วก้ออย่าลืมเด็ดขาดแลกเงินเยนก่อนไป เราแลกที่ Superrich สีส้มที่สยาม เรทโอ ไม่ต่างกะสีเขียว (ตอนแลกอย่าลืมเอาพาสปอร์ตไปด้วย) ตอนที่ไปเรท 0.293 ประมาณนี้ โหลดแอป Superrich มาส่องดูได้ เรานี่ส่องอยู่ 4-5 เดือน ตาม FB : HookMoney วันไหนประกาศเรทถูกเตรียมเสียบเบยย (คิดเร็วๆไม่ใช้เครื่องคิดเลขเวลาเห็นเงินเยนก้อหารสามได้เป็นเงินไทยละ)
- SIM โทรศัพท์ เราเลือกซื้อของ DTAC - SIM Go Inter 4GB 10 วัน แบบไม่จำกัด 399 บาท แต่เราเปิดแชร์ wifi กับแม่ ตกคนละ
200 บาท ใช้ดีไม่มีกระตุกเหมือนอยู่ไทย55
เตรียมทุกอย่างหมดแล้วก้อเดินทางกันเถอะ .................
สิ่งที่พลาดไม่ได้เลย เวลาบินไปต่างประเทศ และถ้าหากคุณมีบัตรเครดิต Citibank หลังจากผ่าน ตม.แล้ว จงเดินดิ่งไปที่ร้าน Subway เพื่อใช้สิทธิ์กินแซนวิช classic เราชอบไส้ทูน่ากะแตงกวาดองราดราดด้วย้ำสลัดเท้าซันไอซ์แลนด์ โค่ดดี แถม น้ำเปล่าให้อีกขวด รองท้องระหว่างนั่งรอเครื่องทุกไฟล์ท
21 July 18 (Sat) : ไปๆ ได้เวลาขึ้นเครื่อง ขอรีวิว สายการบิน ANA สัญชาติเจแปนสักหน่อย อ้ออ มีแอร์คนไทยบินด้วยนะ ไฟล์ทเราออก 21:45 ถึง ปลายทางเลย ก้อวันถัดไป ถึงประมาณ 11:45 ใชเวล่ประมาณ 14 ชม. เพราะต้องรอเปลี่ยนเครื่องด้วย
ในส่วนของเครื่องเสียงและมีเดียน้านน ประทับใจ เขร้ตั้งแต่นั่งมาพึ่งจะเจอให้เลือกเสียงพากษ์ไทย5555 แต่ถ้าได้ Sub thai จะแจ่มมาก หูฟังก้อดูดีไม่กากถนอมหูกรุนิสนึงงง หนังก็พอมีให้เลือก ไม่ใหม่มากนักแต่ก้อมีหนังดีๆ หลายแนวเยอะอยู่นะ
อุปกรณ์รอบตัว กระจกก้อแบบทันสมัยมีปุ่มปรับความเข้มของกระจก หรือว่ามีมานานแล้ว แต่เจอแต่เครื่องเก่าๆเป็นบานเปิดปิดขึ้นลงมาตล๊อดด
มีที่พักเท้ายกขึ้นลง ทีเสียบสายชาร์จแบตมือถือเป็น USB ปกติ แต่.....อีปุ่มปรับเบาะเอนนี่แบบบโคตรรแข็งอ่ะ กดเท่าไหร่ก้อไม่เอน ต้องกดจนมิดด้ามอ่ะ อันนี้ควรปรับปรุง
มาถึงเรื่องอาหารการกินกันบ้าง มาดูสิเสริฟอะไรบ้างงงงง
เซิฟๆ ด้วย แครกเก้อศิริวัฒน์ อ้าว คือแบบ แอบหวังเล็กๆว่าจะเป็นขนมญี่ปุ่น เศร้าใจ กินพายย้อมใจไป ถุงม่วงๆๆนั่น ทิชชู่เปียก
เราเลือกกิน White wine กะ Green tea กะ Coke and Ice ก้อคุ้มอยู้นะ
อาหารมีให้เลือก 2 แบบ แบบแรกเป็นเหมือนออมเล็ทกะซอสมะเขือเทศ มีบะหมี่เย็น โยเกิต ผลไม้ คลีนมากก เมนูคุณแม่เลย
แบบสองนี่ ถ้าจำไม่ผิดเหมือนไก่เทอริยากิ แต่เราว่ารสชาติจืดชืดทั้งสองอย่างอ่ะ กินๆไปซะจะได้นอน
สิ่งที่อยากรีวิวถัดไป คือห้องน้ำ บนเครื่อง เวลาขึ้นเครื่องทีไร คุณแม่ต้องให้ไปเข้าห้องน้ำก่อน ไปถ่ายรูปมาแล้วกลับมาบอกว่ากดอะไรตรงไหนยังไง แกกลัวไม่เจอที่กดน้ำอ่ะ ขนาดว่าเราบอกให้หาคำว่า Flush ก้อไม่ได้นะ ต้องให้เราไปสำรวจก่อนทู้กกที ทริคเล็กๆน้อยๆ ถ้าไปกับผู้สูงอายุก่อนบิน ควรเข้ามาจองที่นั่งออนไลน์ที่ใกล้ห้องน้ำไว้แต่เนิ่นๆ จะสะดวกมาก
แค่เอามือผ่านโบกไปมาหรือแตะ ชักโครกก็ทำงานแล้ว
ตอนนี้เราก๊รีวิวบนเครื่องพอสมควรละ ก้อต้องพักผ่อนตามอัธยาศัย Goodnight พรุ่งนี้มาเขียนต่อนะจ้ะ
คุณแม่นั่งดู Tomb Raider 2 พากษ์ไทยเพลินเลย
[CR] สะดวกแบบนี้....ที่ฮอกไกโด Lavender summer@Hokkaido
แต่ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่าทริปนี้เราตั้งใจไปดูดอกไม้ เลยเลือกช่วงที่ลาเวนเดอร์เบ่งบานที่สุดในฮอกไกโด นั่นก็คือ เดือน กรกฎาคม ซึ่งแบบหน้าร้อนญี่ปุ่นไง แต่ก้อเอาวะ คงเหมือนไปเชียงใหม่หน้าร้อนอะแหละ ทำไงได้ อยากพาคุณแม่ไปชมทุ่งลาเวนเดอร์ ไปเดินโลกสวยกลางทุ่งไง🌺🍆
เมื่อเล็งหาวันหยุดเดือนกรกฏาคมได้ (จะได้ลางานน้อยๆ) เราเลยเริ่มบุ๊คช่วงเวลาเดินทางเพื่อหาตั๋วบิน ช่วงวันที่📑 21-29 กค 2018 ทริปนี้ไปกะคุงแม่จะบิน Low cost ก้อสงสารคนแก่อะเนอะ เราเลยดิ่งเข้าเวบไซต์สายการบิน ANA all nippon airways เป็น Full service ของญี่ปุ่นเองเลย (แถมสายการบินนี้อยู่ในเครือ star alliance ซื้อตั๋วเกบแต้มแลกไมล์การบินไทยได้นะแจ๊ะ ถ้าจะสะสมอย่าลืมสมัคร ROP รอยัลออร์คิดพลัสก่อน) แต่ก้อคงคอนเซป Economy class ถึงว่าแต้มไม่พอแลกบินสักที555
Route การบินคือ ขาไป จาก กทม. ไปลงที่ ฮาโกดาเตะ (เปลี่ยนเครื่องที่ Haneda) // ขากลับ กลับจาก ซับโปโร ไปลง กทม. (เปลี่ยนเครื่องที่นาริตะ) ไปกลับคนละ Port ดีงามมาก ไม่ต้องย้อนไปย้อนมา เบ็ดเสร็จจ่ายไปคนละ 22,855 บาท ค่าตั๋วเครื่องบิน (ต้องบอกว่าถ้าไปฮอกไกโด ค่าตั๋วจะแพงกว่าไปเมืองอื่นอยุ่แล้ว)
เดวจะแนบแผนเป็น Excel แบบโค่ดละเอียด ให้ตอนท้ายนะ มีหลายส่วนที่ปรับแผนระหว่างทางตามชื่อโพสท์😀 เอาแบบคร่าวๆไปก่อน
บินไปฮาโกดาเตะ อยู่ 1 คืน -> นั่งรถบัสไป Sapporo อยู่ 1 คืน -> เช่ารถขับไปเมือง Asahikawa, Biei, Furano รวม 3 คืน -> กลับมา Saporo 2 คืน -> บินกลับบางกอก แผนนี้ไม่ขับวนแน่นอนน
=> พอได้แผนเดินทางว่าจะไปเมืองไหนคร่าวๆแล้ว ว่า เอ้ออ อยากไปแน่ๆ ก้อเขียนลำดับอย่างข้างบน เพื่อจอง โรงแรมในแต่ละคืนเลย เพราะว่า เดวเราต้องจองรถนุ่นนี่นั่น จะได้รู้ว่า ต้องไปรับรถขึ้นรถที่สถานีไหนที่ใกล้โรงแรมเราตอนบุ๊คกิ้ง ที่เราจองตามนี้ ลองดู
จากแผนข้างบน เราจองตั๋วบินไปละ มาจองตั๋วรถบัส กันบ้าง www.japanbusonline.com ตกคนละ 4,600 เยน หน้าตา Email confirm หลังจองเสร็จ จะหน้าตาเป็นแบบนี้ (อันนี้จองรถบัสนอนนาจาา ประมาณ 6 ชม. อ่ะ เราว่าไม่ต่างกะ JR มาก แบบอยากนอนชมวิว ไม่รีบ แต่ใครอยากไป JR ก้อได้เร็วกว่า 1-2 ชม.มั้ง แพงกว่านิหน่อย)
ต่อมาก้อเช่ารถต่อ....แต่เดี๋ยวก่อน อย่าลืมใครที่เป็นคนขับรถที่ญี่ปุ่นต้องทำใบขับขี่สากลที่หมอชิตก่อนนะ จ่ายค่าทำประมาณคนละ 500 บาท มีผลบังคับใช้ 1 ปี สำหรับคนที่มีใบขับขี่อยู่แล้วแปบเดียวเสียวตังอย่างเดียว เดวตอนเช่ารถเค้ามีให้กรอก license ด้วยนะ
เราเลือกเช่าที่บริษัท Nippon rent a car พนักงานพอใช้ภาษาอังกฤษได้ ตอนไปรับรถจะได้คุยกันรู้เรื่อง เข้าไปจองในเวบไซต์ได้เลย จะบอกว่า ขั้นตอนตอนไปรับรถก้อใช้เวลาพอสมควรเลย เพราะพนักงานขายประกันรถจ้าาา นี่ขนาดเลือกซื้อประกันบางอย่างไปแล้ว ไม่วายขายอีก เดวจะเล่าอีกที
เราเลือกรถที่ค่อนข้างใหญ่หน่อย Toyota Corolla fielder มี 5 ประตู เพราะไปกัน 4 คน แล้วกระเป๋าเดินทางก้อบิ๊กๆกันทั้งน้านน แต่ตอนรับรถได้ Subaru มาซะงั้น อย่างดี โคตรฟลุ๊คเลย
- จะเห็นว่า มีตรง drop-off charge คือ ถ้าเรารับรถ คืนรถ สาขาเดียวกันไม่เสียตังค์ ถ้าต่างที่ก้อเสียตังค์
- แล้วเราก้อซื้อแพคเกจ option 1: บัตรทางด่วนเหมือน easy pass บ้านเราอ่ะ ของเค้าเรียก ETC เราเลือกเหมาจ่าย สามวันที่เราขับเลยนะ
- ส่วนค่าประกันมีหลายอย่างมาก ตรง CDW แล้วก้ออันอื่นอีก คือเลือกไปเลือกมา ยอด 43,028 เยน แต่พอไปรับรถจริง ซื้อประกันเพิ่มอี๊กกก(หลอน กะตัดปัญหา เราว่าก้อดีนะ ถ้ามีไรขึ้นมาไม่คุ้มอ่ะ) เดวเล่าถึงตอนไปรับรถจะขยายความค่าประกันให้อีกที กลายเป็นว่ารวมแล้ว 49,400 เยน แต่จะบอกว่าตอนเช่าอ่ะเราจะลงเวลา รับรถ กับ คืนรถ ไว้ไช่มะ ถ้าเราตรงเวลามีส่วนลดนะจะบอกให้ เราได้ลด 2,498 เยน ไม่รุ้คิดยังไงเหมือนกัน อิอิ เท่ากับรวมแล้วจ่ายค่าเช่ารถตกคนละ 11,726 เยน
- เงื่อนไขก็คล้ายๆบ้านเรา ตอนรับรถน้ำมันเต็มถัง ก่อนส่งคืน ต้องเติมเต็มถังเหมือนเดิม ของเรา 3 วัน จ่ายค่าน้ำมันไปประมาณ 4,557+2,976 = 7,553 เท่ากับว่า ค่าน้ำมันคนละ 1,884 เยน ตอนเราไปเติมยี่ห้อ ENEOS ตลอดป้ายสีแดงๆอ่ะ ปั๊มตรานี้จะมีทั้งแบบเติมให้กับเติมเอง จริงๆไม่ต่าง แบบเติมเองพอเค้าเห็นคนต่างชาติเดวก้อวิ่งมาช่วยเองแหละ เพราะหน้าจอภาษายี่ปุ่นล้วนๆ ตู้เติมน้ำมันต้องสอดเงินเข้าไปก่อนนะ ใบ10000เยนง่ายดี เติมเท่าไหร่เดวมันก็ทอนให้ แต่อย่าลืมตอนไปรับรถถามเค้าด้วยละว่าต้องเติมเบนซินหรือดีเซล
*แนะนำเลย ก่อนเดินทางไปต่างประเทศ เราควรซื้อประกันการเดินทางต่างประเทศที่ครอบคลุมการรักษากรณีเจ็บป่วยที่เมืองนอก เพราะรอบนี้เราเจอมากับตัว แม่เราเป็นลมหมดสติเนื่องจากปวดท้องบิดในห้องน้ำ ถึงกับต้องเรียกรถพยาบาลที่ญี่ปุ่น หน้าห้างเล็กๆแถวนอกเมืองนาจาา นี่ขนาดว่าทำ MSIG ประกันหมู่ไปนะ คนละ 295 บาท ซื้อออนไลน์ผ่านแอป Airpay ยังเสียวสันหลัง เพราะอะไรรู้มะ ตอนซื้อก้อซื้อไปงั้นๆอ่ะ ไม่ได้ศึกษาว่ามันคลอบคลุมอะไรบ้าง เคลมยังไง มี call center หรือเปล่า ถึงเวลาตอนนั้นมันตกใจจริงๆ ทำอะไรไม่ถูก ตอนนั้นคิดว่าตรูได้รูดเป็นแสนๆแน่ๆจ่ายเต็มวงเงินก้องานนี้ถ้าได้แอดมิท โชคดีว่า พอปฐมพยาบาลเบื้องตนบนรถพยาบาลแล้ว คุณแม่นี่ตื่นนน หายเป็นปลิดทิ้ง
- แล้วก้ออย่าลืมเด็ดขาดแลกเงินเยนก่อนไป เราแลกที่ Superrich สีส้มที่สยาม เรทโอ ไม่ต่างกะสีเขียว (ตอนแลกอย่าลืมเอาพาสปอร์ตไปด้วย) ตอนที่ไปเรท 0.293 ประมาณนี้ โหลดแอป Superrich มาส่องดูได้ เรานี่ส่องอยู่ 4-5 เดือน ตาม FB : HookMoney วันไหนประกาศเรทถูกเตรียมเสียบเบยย (คิดเร็วๆไม่ใช้เครื่องคิดเลขเวลาเห็นเงินเยนก้อหารสามได้เป็นเงินไทยละ)
- SIM โทรศัพท์ เราเลือกซื้อของ DTAC - SIM Go Inter 4GB 10 วัน แบบไม่จำกัด 399 บาท แต่เราเปิดแชร์ wifi กับแม่ ตกคนละ 200 บาท ใช้ดีไม่มีกระตุกเหมือนอยู่ไทย55
เตรียมทุกอย่างหมดแล้วก้อเดินทางกันเถอะ .................
สิ่งที่พลาดไม่ได้เลย เวลาบินไปต่างประเทศ และถ้าหากคุณมีบัตรเครดิต Citibank หลังจากผ่าน ตม.แล้ว จงเดินดิ่งไปที่ร้าน Subway เพื่อใช้สิทธิ์กินแซนวิช classic เราชอบไส้ทูน่ากะแตงกวาดองราดราดด้วย้ำสลัดเท้าซันไอซ์แลนด์ โค่ดดี แถม น้ำเปล่าให้อีกขวด รองท้องระหว่างนั่งรอเครื่องทุกไฟล์ท
21 July 18 (Sat) : ไปๆ ได้เวลาขึ้นเครื่อง ขอรีวิว สายการบิน ANA สัญชาติเจแปนสักหน่อย อ้ออ มีแอร์คนไทยบินด้วยนะ ไฟล์ทเราออก 21:45 ถึง ปลายทางเลย ก้อวันถัดไป ถึงประมาณ 11:45 ใชเวล่ประมาณ 14 ชม. เพราะต้องรอเปลี่ยนเครื่องด้วย
ในส่วนของเครื่องเสียงและมีเดียน้านน ประทับใจ เขร้ตั้งแต่นั่งมาพึ่งจะเจอให้เลือกเสียงพากษ์ไทย5555 แต่ถ้าได้ Sub thai จะแจ่มมาก หูฟังก้อดูดีไม่กากถนอมหูกรุนิสนึงงง หนังก็พอมีให้เลือก ไม่ใหม่มากนักแต่ก้อมีหนังดีๆ หลายแนวเยอะอยู่นะ
อุปกรณ์รอบตัว กระจกก้อแบบทันสมัยมีปุ่มปรับความเข้มของกระจก หรือว่ามีมานานแล้ว แต่เจอแต่เครื่องเก่าๆเป็นบานเปิดปิดขึ้นลงมาตล๊อดด
มีที่พักเท้ายกขึ้นลง ทีเสียบสายชาร์จแบตมือถือเป็น USB ปกติ แต่.....อีปุ่มปรับเบาะเอนนี่แบบบโคตรรแข็งอ่ะ กดเท่าไหร่ก้อไม่เอน ต้องกดจนมิดด้ามอ่ะ อันนี้ควรปรับปรุง
มาถึงเรื่องอาหารการกินกันบ้าง มาดูสิเสริฟอะไรบ้างงงงง
เซิฟๆ ด้วย แครกเก้อศิริวัฒน์ อ้าว คือแบบ แอบหวังเล็กๆว่าจะเป็นขนมญี่ปุ่น เศร้าใจ กินพายย้อมใจไป ถุงม่วงๆๆนั่น ทิชชู่เปียก
เราเลือกกิน White wine กะ Green tea กะ Coke and Ice ก้อคุ้มอยู้นะ
อาหารมีให้เลือก 2 แบบ แบบแรกเป็นเหมือนออมเล็ทกะซอสมะเขือเทศ มีบะหมี่เย็น โยเกิต ผลไม้ คลีนมากก เมนูคุณแม่เลย
แบบสองนี่ ถ้าจำไม่ผิดเหมือนไก่เทอริยากิ แต่เราว่ารสชาติจืดชืดทั้งสองอย่างอ่ะ กินๆไปซะจะได้นอน
สิ่งที่อยากรีวิวถัดไป คือห้องน้ำ บนเครื่อง เวลาขึ้นเครื่องทีไร คุณแม่ต้องให้ไปเข้าห้องน้ำก่อน ไปถ่ายรูปมาแล้วกลับมาบอกว่ากดอะไรตรงไหนยังไง แกกลัวไม่เจอที่กดน้ำอ่ะ ขนาดว่าเราบอกให้หาคำว่า Flush ก้อไม่ได้นะ ต้องให้เราไปสำรวจก่อนทู้กกที ทริคเล็กๆน้อยๆ ถ้าไปกับผู้สูงอายุก่อนบิน ควรเข้ามาจองที่นั่งออนไลน์ที่ใกล้ห้องน้ำไว้แต่เนิ่นๆ จะสะดวกมาก
แค่เอามือผ่านโบกไปมาหรือแตะ ชักโครกก็ทำงานแล้ว
ตอนนี้เราก๊รีวิวบนเครื่องพอสมควรละ ก้อต้องพักผ่อนตามอัธยาศัย Goodnight พรุ่งนี้มาเขียนต่อนะจ้ะ
คุณแม่นั่งดู Tomb Raider 2 พากษ์ไทยเพลินเลย
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้