รีวิวเล็กๆ นี้ผมตั้งใจทำขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นให้กับคนที่ยังไม่เคยเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่น แล้วอยากลองเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองสักครั้งในชีวิต โดยที่ไม่ต้องใช้เงินมากนักก็สามารถไปได้แบบไม่ต้องซื้อทัวร์ เพราะสำหรับตัวผมเองแล้วนี่ก็คือการเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก ยิ่งไปกว่านั้นคือเป็นการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกในชีวิตด้วยเช่นกัน!!! สำหรับคนที่รู้วิธีไปแบบประหยัดแล้วก็ผ่านได้เลยครับ ผมเชื่อว่าคนที่ยังไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงยังมีอีกมาก จึงอยากจะแชร์ประสบการณ์ให้กับคนที่ยังไม่รู้เพื่อเป็นแนวทาง ตอนแรกคิดจะไปคนเดียวช่วงเดือน มิ.ย. แต่ดูแล้วมันตรงกับช่วงหน้าฝน คงเที่ยวไม่สนุกแน่ เลยเลื่อนมาเป็นเดือน ต.ค.แทน ซึ่งเป็นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี อากาศกำลังสบาย ไม่ร้อน และหมดฝนแล้ว จัดการจองตั๋วเครื่องบิน+ที่พักเรียบร้อย พอบอกว่าจะไปเดือน ต.ค. น้องบอกว่าน่าสน และก็จองตั๋วไปด้วย ก็ดีที่จะได้มีเพื่อนคุยและก็เที่ยวด้วย
ค่าใช้จ่ายแบบคร่าวๆ นะครับ
ผมจองตั๋วผ่านทาง AirAsiaGo เป็นตั๋วเครื่องบินไป-กลับ พร้อมที่พัก 3 คืน ระหว่างวันที่ 3-6 ต.ค. 2558 จองช่วงเดือน มี.ค. 2558 ได้ราคา 13,000 บาท
ค่าตั๋วรถไฟใต้ดิน Osaka Amazing Pass 2015 2 Day Pass ซื้อจากงานไทยเที่ยวไทย ราคา 850 บาท
ค่ารถบัสจากสนามบินคันไซ-นัมบะ ราคา 472 บาท
ค่าตั๋วรถไฟ Nankai Airport ไปสนามบินคันไซขากลับ ราคา 280 บาท
ค่าเช่า Pocket WiFi 3 วัน 600 บาท หารกับน้องคนละ 300 บาท
รวมทั้งทริป (ไม่รวมค่ากิน ค่าของฝาก) 14,902 บาท
เมื่อทำบัญชีค่ากินและค่าของฝากหักลบกันเสร็จสรรพแล้วทริปนี้ผมแลกเงินไป 8,400 บาท เหลือกลับมาตีเป็นเลขกลมๆ 2,400 บาท เท่ากับว่าผมใช้เงินไป 6,000 บาท ซึ่งถือว่าไม่เยอะมาก ได้กินของขึ้นชื่อของโอซากาครบครัน ได้ของฝากมาฝากที่บ้านและที่ทำงานพอสมควร
1.ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ AirAsia X พร้อมที่พัก 3 คืน ผมจองช่วงเดือน มี.ค. เดินทาง 3-6 ต.ค. ไม่ได้ใช้แต้มอะไรแลก ที่ผมเลือกจองพร้อมกันเลยก็เพื่อความสะดวกครับ จะได้จบในที่เดียว ไม่ต้องไปจองแยก แต่ถ้าจองแยกกันและใช้แต้มแลกก็อาจจะได้ราคาที่ถูกกว่านี้ หรือถ้าใครสัมภาระไม่เยอะ ไม่ต้องหิ้วของที่ซื้อฝากและฝากซื้อ ก็จองโรงแรมแค่ 2 คืนก็พอ จะได้นอนจริงๆ คือคืนที่ไปถึงและคืนที่ 2 ส่วนวันกลับก็เที่ยวได้จนถึงราว 1 ทุ่ม แล้วไปขึ้นรถไฟ Nankai Airport เที่ยว 20.24 น. ตรงนัมบะ เพื่อไปขึ้นเครื่องที่สนามบินคันไซ ส่วนผมจองไว้ 3 คืน เพราะของฝากซื้อเพียบ เอาห้องไว้เก็บของจะได้เที่ยวแบบสบายๆ ทิ้งทวน
2. Osaka Amazing Pass 2015 2 Day Pass ใช้ขึ้นรถไฟใต้ดินและรถบัสในโอซากา (ไม่รวมสาย JR และสายของเอกชน) แบบไม่จำกัดเที่ยว 2 วัน และใช้สำหรับเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในโอซากาฟรี 28 แห่ง แถมใช้เป็นส่วนลดร้านอาหารตามที่ระบุไว้ได้อีกด้วย คุ้มมากๆ แนะนำให้ซื้อจากไทยไปจะสะดวกกว่าครับ
3.ที่พัก ผมเลือกโรงแรม For Leaves Inn Uehonmachi เพราะเดินทางสะดวก โรงแรมนี้อยู่ห่างจากสถานีรถไฟใต้ดิน Tanimachi 9-chome ประมาณ 200 เมตร และห่างจากย่านนัมบะเพียง 2 กิโลเมตร สามารถเดินไปได้ มีร้าน Lawson อยู่ใกล้ๆ 2 ร้าน เผื่อหิวยามดึก ผมจองห้องเตียงเดี่ยวเอาไว้เพราะตอนแรกคิดว่าจะไปคนเดียว
4. Pocket WiFi ผมเช่าของบริษัท Japan WiFi ไปครับ ค่าเช่าวันละ 195 บาท แต่ต้องเช่าขั้นต่ำ 3 วัน มีค่ามัดจำ 500 บาท เค้ามี Power Bank แถมในชุดให้ด้วย สัญญาณโอเคครับ ในรถไฟใต้ดินก็ยังใช้ได้ เอาไว้อัพรูป หรือติดต่อกับเพื่อนๆ ที่ฝากซื้อของ และเอาไว้หาเส้นทางเดินไปยังสถานที่ที่เราจะไป จะได้ไม่เสียเวลาเพราะหลงทาง จริงๆ ฟรี WiFi ที่โน่นก็มีให้ใช้ครับแต่ก็ต้องสมัคร เช่า WiFi ไปจะสะดวกกว่าครับ
5.การแลกเงิน ผมแลกที่ Super Rich สีส้ม ตรงพระราม 4 เรตวันที่แลก 1 เยน = 0.3050 บาท แลกไปทั้งหมด 80,000 เยน (รวมที่น้องฝากแลก และของเพื่อนที่ฝากซื้อของ) เป็นเงินตัวเอง 27,540 เยน = 8,400 บาท ตั้งใจจะแลกไป 10,000 บาท แต่วันนั้นที่ร้านมีแต่แบงค์ 10,000 เยน ก็เลยแลกได้ไม่ถึง
ตอนกลับมาแล้ว ถ้าจะแลกเงินคืน Super Rich เค้ารับแลกคืนแต่ธนบัตรเท่านั้นนะครับ ไม่รับแลกเหรียญ ถ้าเหรียญเหลือมาเยอะ แนะนำให้ไปแลกที่ร้าน MT Exchange ตรงสะพานควาย ร้านอยู่ปากซอยประดิพัทธ์ 17 แต่เรตของเหรียญจะไม่สูงเท่ากับธนบัตร (วันที่ผมไปแลกคืน 1 เยน = 0.20 บาท) หรือถ้ามีคนรู้จักกำลังจะไปญี่ปุ่น ก็เก็บเอาไว้ให้เค้าแลกจะดีกว่าครับ
เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ออกเดินทางกันเลย
ไฟลต์ที่ผมเดินทาง วันที่ 3 ต.ค. เครื่องออกจากสนามบินดอนเมืองเวลา 15.20 น. ตรงเป๊ะ ถึงสนามบินคันไซเวลาของญี่ปุ่น 22.40 น. ประตูเปิดปุ๊บก็เดินมารอขึ้นรถไฟไปอีกอาคารเพื่อทำการตรวจคนเข้าเมือง โชคไม่ดีที่เครื่องที่มาจากกัวลาลัมเปอร์ลงพร้อมกัน ทำให้คิวยาวเหยียด แล้วน้องที่มาด้วยกันดันไม่ได้รับเอกสารเข้าเมืองที่ให้กรอกบนเครื่อง เลยต้องมากรอกที่สนามบิน ผมใช้เวลาผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองไม่ถึง 1 นาที ก็เรียบร้อย แต่ต้องรอน้องที่ออกไปกรอกเอกสารแล้วกลับมาต่อแถวใหม่ค่อนข้างนาน ทำให้ไม่ทันรถไฟ Nankai เข้าเมืองเที่ยวสุดท้าย แต่ก็ยังมีรถบัสเข้าเมืองรอบ 00.30 น. ราคาตั๋ว 1,550 เยน นั่งรถประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ถึงย่านนัมบะ
พอถึงย่านนัมบะก่อนเข้าที่พักขอหาอะไรกินซักหน่อย ประเดิมมื้อแรกบนแผ่นดินญี่ปุ่นด้วยราเมงเจ้าดังที่ใครมาโอซากาต้องมาลิ้มลอง "ราเมงข้อสอบ" ร้านอยู่ริมคลองโดทงบุริ ตรงป้ายกูลิโกะ เดินไปหน่อยนึงก็เจอร้านป้ายสีแดง มีบันไดเดินขึ้นไป ร้านจะออกแคบๆ ดีที่ไปช่วงดึกแล้วคนไม่ค่อยมี เจอแต่วัยรุ่นสาวๆ ญี่ปุ่นที่เพิ่งเลิกดื่มจากผับแถวนั้นมากินราเมงต่อ เสียงดังล้งเล้งๆ แต่ผมก็ไม่รำคาญนะ 555+ เหลือบไปเห็นร้านทาโกะยากิข้างๆ ดูน่ากินเลยซื้อใส่กล่องกลับไปกินที่โรงแรม ที่ร้านราเมงข้อสอบพอเปิดประตูเข้าไปจะเจอกับตู้อัตโนมัติสำหรับให้สั่งราเมง กดเลือกว่าจะเอาเมนูไหน หยอดเงินใส่ตู้ จะมีกระดาษเล็กๆ ออกมา จากนั้นก็ไปหยิบกระดาษเพื่อวงว่าจะเอาเส้นแบบไหน ใส่ต้นหอมมั้ย ใส่กระเทียมมั้ย เอาความเผ็ดขนาดไหน ที่นั่งกินก็จะเป็นคอกมีไม้กั้นเป็นช่องๆ มีก๊อกน้ำเย็นให้กดกินเอง เอาใบออร์เดอร์ยื่นให้พ่อครัว รอแป๊บนึงก็จะได้ราเมงชามโต หอมกรุ่น มาวางตรงหน้า อร่อยสมคำร่ำลือจริงๆ น้องที่ไปด้วยกันซดน้ำซุปเกลี้ยงชามเลย 555+ กินอิ่มแล้วก่อนเดินเข้าที่พักแวะซื้อของฝากที่ดองกี้บางส่วนก่อน
เปิด GPS เดินจากโดทงบุริไปที่พัก เดินเรื่อยๆ ดื่มด่ำบรรยากาศยามค่ำคืน ใช้เวลาราว 20 นาที ก็ถึงที่พักตอนตี 3 ห้องพักใช้ได้ครับ เตียงนุ่ม ห้องน้ำอาจจะเล็กไปหน่อย แต่สำหรับผมไม่ใช่ปัญหา โรงแรมมี WiFi ฟรี ทีวี ตู้เย็นเล็ก ตู้เก็บของเล็ก กาต้มน้ำร้อนไฟฟ้า พัดลมตัวเล็ก แอร์แบบตั้งพื้น (แต่เอาไปวางตรงหน้าต่างเหนือหัวเตียง) พวกอุปกรณ์อาบน้ำ สบู่ แชมพู ยาสีฟัน แปรงสีฟัน เค้าไม่มีให้นะครับ มีแต่ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กๆ ให้ 1 ผืน พวกเซตอุปกรณ์อาบน้ำและผ้าเช็ดตัวเค้ามีขายตรงเคาน์เตอร์ ราคาราว 150 บาท แนะนำให้เตรียมไปเองครับ
นอนพักเอาแรงแป๊บนึง คอมเมนต์ต่อไปผมจะพาไปเที่ยวโอซากา
เที่ยวญี่ปุ่นใครว่าแพง Review ตะลุย Osaka 2 วัน 2 คืน ราคาประหยัดในแบบฉบับมือใหม่
ค่าใช้จ่ายแบบคร่าวๆ นะครับ
ผมจองตั๋วผ่านทาง AirAsiaGo เป็นตั๋วเครื่องบินไป-กลับ พร้อมที่พัก 3 คืน ระหว่างวันที่ 3-6 ต.ค. 2558 จองช่วงเดือน มี.ค. 2558 ได้ราคา 13,000 บาท
ค่าตั๋วรถไฟใต้ดิน Osaka Amazing Pass 2015 2 Day Pass ซื้อจากงานไทยเที่ยวไทย ราคา 850 บาท
ค่ารถบัสจากสนามบินคันไซ-นัมบะ ราคา 472 บาท
ค่าตั๋วรถไฟ Nankai Airport ไปสนามบินคันไซขากลับ ราคา 280 บาท
ค่าเช่า Pocket WiFi 3 วัน 600 บาท หารกับน้องคนละ 300 บาท
รวมทั้งทริป (ไม่รวมค่ากิน ค่าของฝาก) 14,902 บาท
เมื่อทำบัญชีค่ากินและค่าของฝากหักลบกันเสร็จสรรพแล้วทริปนี้ผมแลกเงินไป 8,400 บาท เหลือกลับมาตีเป็นเลขกลมๆ 2,400 บาท เท่ากับว่าผมใช้เงินไป 6,000 บาท ซึ่งถือว่าไม่เยอะมาก ได้กินของขึ้นชื่อของโอซากาครบครัน ได้ของฝากมาฝากที่บ้านและที่ทำงานพอสมควร
1.ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ AirAsia X พร้อมที่พัก 3 คืน ผมจองช่วงเดือน มี.ค. เดินทาง 3-6 ต.ค. ไม่ได้ใช้แต้มอะไรแลก ที่ผมเลือกจองพร้อมกันเลยก็เพื่อความสะดวกครับ จะได้จบในที่เดียว ไม่ต้องไปจองแยก แต่ถ้าจองแยกกันและใช้แต้มแลกก็อาจจะได้ราคาที่ถูกกว่านี้ หรือถ้าใครสัมภาระไม่เยอะ ไม่ต้องหิ้วของที่ซื้อฝากและฝากซื้อ ก็จองโรงแรมแค่ 2 คืนก็พอ จะได้นอนจริงๆ คือคืนที่ไปถึงและคืนที่ 2 ส่วนวันกลับก็เที่ยวได้จนถึงราว 1 ทุ่ม แล้วไปขึ้นรถไฟ Nankai Airport เที่ยว 20.24 น. ตรงนัมบะ เพื่อไปขึ้นเครื่องที่สนามบินคันไซ ส่วนผมจองไว้ 3 คืน เพราะของฝากซื้อเพียบ เอาห้องไว้เก็บของจะได้เที่ยวแบบสบายๆ ทิ้งทวน
2. Osaka Amazing Pass 2015 2 Day Pass ใช้ขึ้นรถไฟใต้ดินและรถบัสในโอซากา (ไม่รวมสาย JR และสายของเอกชน) แบบไม่จำกัดเที่ยว 2 วัน และใช้สำหรับเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ในโอซากาฟรี 28 แห่ง แถมใช้เป็นส่วนลดร้านอาหารตามที่ระบุไว้ได้อีกด้วย คุ้มมากๆ แนะนำให้ซื้อจากไทยไปจะสะดวกกว่าครับ
3.ที่พัก ผมเลือกโรงแรม For Leaves Inn Uehonmachi เพราะเดินทางสะดวก โรงแรมนี้อยู่ห่างจากสถานีรถไฟใต้ดิน Tanimachi 9-chome ประมาณ 200 เมตร และห่างจากย่านนัมบะเพียง 2 กิโลเมตร สามารถเดินไปได้ มีร้าน Lawson อยู่ใกล้ๆ 2 ร้าน เผื่อหิวยามดึก ผมจองห้องเตียงเดี่ยวเอาไว้เพราะตอนแรกคิดว่าจะไปคนเดียว
4. Pocket WiFi ผมเช่าของบริษัท Japan WiFi ไปครับ ค่าเช่าวันละ 195 บาท แต่ต้องเช่าขั้นต่ำ 3 วัน มีค่ามัดจำ 500 บาท เค้ามี Power Bank แถมในชุดให้ด้วย สัญญาณโอเคครับ ในรถไฟใต้ดินก็ยังใช้ได้ เอาไว้อัพรูป หรือติดต่อกับเพื่อนๆ ที่ฝากซื้อของ และเอาไว้หาเส้นทางเดินไปยังสถานที่ที่เราจะไป จะได้ไม่เสียเวลาเพราะหลงทาง จริงๆ ฟรี WiFi ที่โน่นก็มีให้ใช้ครับแต่ก็ต้องสมัคร เช่า WiFi ไปจะสะดวกกว่าครับ
5.การแลกเงิน ผมแลกที่ Super Rich สีส้ม ตรงพระราม 4 เรตวันที่แลก 1 เยน = 0.3050 บาท แลกไปทั้งหมด 80,000 เยน (รวมที่น้องฝากแลก และของเพื่อนที่ฝากซื้อของ) เป็นเงินตัวเอง 27,540 เยน = 8,400 บาท ตั้งใจจะแลกไป 10,000 บาท แต่วันนั้นที่ร้านมีแต่แบงค์ 10,000 เยน ก็เลยแลกได้ไม่ถึง
ตอนกลับมาแล้ว ถ้าจะแลกเงินคืน Super Rich เค้ารับแลกคืนแต่ธนบัตรเท่านั้นนะครับ ไม่รับแลกเหรียญ ถ้าเหรียญเหลือมาเยอะ แนะนำให้ไปแลกที่ร้าน MT Exchange ตรงสะพานควาย ร้านอยู่ปากซอยประดิพัทธ์ 17 แต่เรตของเหรียญจะไม่สูงเท่ากับธนบัตร (วันที่ผมไปแลกคืน 1 เยน = 0.20 บาท) หรือถ้ามีคนรู้จักกำลังจะไปญี่ปุ่น ก็เก็บเอาไว้ให้เค้าแลกจะดีกว่าครับ
เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ออกเดินทางกันเลย
ไฟลต์ที่ผมเดินทาง วันที่ 3 ต.ค. เครื่องออกจากสนามบินดอนเมืองเวลา 15.20 น. ตรงเป๊ะ ถึงสนามบินคันไซเวลาของญี่ปุ่น 22.40 น. ประตูเปิดปุ๊บก็เดินมารอขึ้นรถไฟไปอีกอาคารเพื่อทำการตรวจคนเข้าเมือง โชคไม่ดีที่เครื่องที่มาจากกัวลาลัมเปอร์ลงพร้อมกัน ทำให้คิวยาวเหยียด แล้วน้องที่มาด้วยกันดันไม่ได้รับเอกสารเข้าเมืองที่ให้กรอกบนเครื่อง เลยต้องมากรอกที่สนามบิน ผมใช้เวลาผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองไม่ถึง 1 นาที ก็เรียบร้อย แต่ต้องรอน้องที่ออกไปกรอกเอกสารแล้วกลับมาต่อแถวใหม่ค่อนข้างนาน ทำให้ไม่ทันรถไฟ Nankai เข้าเมืองเที่ยวสุดท้าย แต่ก็ยังมีรถบัสเข้าเมืองรอบ 00.30 น. ราคาตั๋ว 1,550 เยน นั่งรถประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ถึงย่านนัมบะ
พอถึงย่านนัมบะก่อนเข้าที่พักขอหาอะไรกินซักหน่อย ประเดิมมื้อแรกบนแผ่นดินญี่ปุ่นด้วยราเมงเจ้าดังที่ใครมาโอซากาต้องมาลิ้มลอง "ราเมงข้อสอบ" ร้านอยู่ริมคลองโดทงบุริ ตรงป้ายกูลิโกะ เดินไปหน่อยนึงก็เจอร้านป้ายสีแดง มีบันไดเดินขึ้นไป ร้านจะออกแคบๆ ดีที่ไปช่วงดึกแล้วคนไม่ค่อยมี เจอแต่วัยรุ่นสาวๆ ญี่ปุ่นที่เพิ่งเลิกดื่มจากผับแถวนั้นมากินราเมงต่อ เสียงดังล้งเล้งๆ แต่ผมก็ไม่รำคาญนะ 555+ เหลือบไปเห็นร้านทาโกะยากิข้างๆ ดูน่ากินเลยซื้อใส่กล่องกลับไปกินที่โรงแรม ที่ร้านราเมงข้อสอบพอเปิดประตูเข้าไปจะเจอกับตู้อัตโนมัติสำหรับให้สั่งราเมง กดเลือกว่าจะเอาเมนูไหน หยอดเงินใส่ตู้ จะมีกระดาษเล็กๆ ออกมา จากนั้นก็ไปหยิบกระดาษเพื่อวงว่าจะเอาเส้นแบบไหน ใส่ต้นหอมมั้ย ใส่กระเทียมมั้ย เอาความเผ็ดขนาดไหน ที่นั่งกินก็จะเป็นคอกมีไม้กั้นเป็นช่องๆ มีก๊อกน้ำเย็นให้กดกินเอง เอาใบออร์เดอร์ยื่นให้พ่อครัว รอแป๊บนึงก็จะได้ราเมงชามโต หอมกรุ่น มาวางตรงหน้า อร่อยสมคำร่ำลือจริงๆ น้องที่ไปด้วยกันซดน้ำซุปเกลี้ยงชามเลย 555+ กินอิ่มแล้วก่อนเดินเข้าที่พักแวะซื้อของฝากที่ดองกี้บางส่วนก่อน
เปิด GPS เดินจากโดทงบุริไปที่พัก เดินเรื่อยๆ ดื่มด่ำบรรยากาศยามค่ำคืน ใช้เวลาราว 20 นาที ก็ถึงที่พักตอนตี 3 ห้องพักใช้ได้ครับ เตียงนุ่ม ห้องน้ำอาจจะเล็กไปหน่อย แต่สำหรับผมไม่ใช่ปัญหา โรงแรมมี WiFi ฟรี ทีวี ตู้เย็นเล็ก ตู้เก็บของเล็ก กาต้มน้ำร้อนไฟฟ้า พัดลมตัวเล็ก แอร์แบบตั้งพื้น (แต่เอาไปวางตรงหน้าต่างเหนือหัวเตียง) พวกอุปกรณ์อาบน้ำ สบู่ แชมพู ยาสีฟัน แปรงสีฟัน เค้าไม่มีให้นะครับ มีแต่ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กๆ ให้ 1 ผืน พวกเซตอุปกรณ์อาบน้ำและผ้าเช็ดตัวเค้ามีขายตรงเคาน์เตอร์ ราคาราว 150 บาท แนะนำให้เตรียมไปเองครับ
นอนพักเอาแรงแป๊บนึง คอมเมนต์ต่อไปผมจะพาไปเที่ยวโอซากา