ถูกหักค่าประกันห้องเช่าจาก 19,000 เหลือแค่ 1,900 บาท ทะอะไร และ ยังไงได้บ้าง?

สวัสดีค่ะ อยากขอความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายของเรื่องนี้หน่อยค่ะ
เรื่องคือ เราเซ็นสัญญาเช่าห้อง/คอนโด แห่งหนึ่งในซอยลาดพร้าว101( ตัวคอนโดได้ถูกซื้อเป็นหนึ่งห้องนะคะ คือไม่เกี่ยวกับเจ้าของร่วมและตัวอาคารแต่อย่างใดคะ) เรื่องที่เกิดแค่ระหว่าง ตัวเรา คือ ผู้เช่า และเจ้าของห้อง คือ ผู้ให้เช่า .
สัญญาตกลงไว้คือ หนึ่งปีคะ จาก 31 กค 60 ถึง 31 กค. 61
เริ่มต้นคือ เราย้ายเข้าได้ สองถึงสามเดือน เจ้าของห้องก็ทำให้เรารู้ว่า *เค้ามีกุญแจห้องที่เค้าปล่อยให้เราเช่าดอกที่สาม* ซึ้งตรงนี้เราไม่มีหลักฐาน เพียงเราบอกปากเปล่า จากแม่ของเราและตัวเรา ด้วยเหตุการณ์คือ มีอยุ่วันจันทร์นึง เป็นวันจันทร์ที่แม่เรายังทำงานอยุ่ที่ทำงาน ส่วนตัวเราเอง ก้ไปทำงานที่อื่น เป็นเดือน, ทางเจ้าของนี่ก็โทรฯ บอกปากเปล่ากับแม่ของเราว่า เค้าจะเปิดประตูเข้าห้อง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ประเมินตรวจดูสภาพห้องนะ (แม่ของเราก็อึ้ง แล้วจะบอกอะไรได้นอกจาก ปล่อยเค้า)..แบบนี้และแค่นี้ เราก็รู้สึกว่ามันผิดแล้วนะ
ในเดือนเดียวกัน ซิ้งล้างจานมันมีน้ำรั่วที่ท่อ ตัวที่ต่อเข้ากำแพง แม่เราก็รีบโทรฯแจ้งไปทางเจ้าของให้เข้ามาดูแลนะ แต่ก้มาแก้ไข ไม่ตรงจุด ตัวท่อมันเปราะ และต้องได้รับการเปลี่ยนตัวท่อใหม่ หลังจากที่ช่างของตึกเข้ามาช่วย ปั๊มน้ำ ล้างท่อ ทะลวงไขมันหลังกำแพงให้ ปัญหาก้ยังไม่จบ คือน้ำรั่วเยอะและเยอะขึ้น จนใช้ล้างอะไรไม่ได้เลย
จนเรากลับมาที่ห้อง เราก็ใช้ซิ้งไม่ได้ เราเลยลงไปถามช่างและพาเข้าดูและทำความเข้าใจกับปัญหา เราเลยตัดสินใจซื้อตัวท่อใหม่ เพื่อจะเปลี่ยนและอยากใช้งานท่อให้ได้ระยะยาว ทั้งๆที่เราจ่ายเงินซื้อมาแล้วด้วยเงินของเราเอง แต่ก็ยังไม่ได้เปลี่ยน เพราะทางตัวเจ้าของไปออกคำสั่งลับหลังเรากับทางนิติและช่างของตัวตึก ว่าห้ามเข้ามาจัดการเปลี่ยนให้เราเด็ดขาด( ส่วนนี้เราเพิ่งมารู้จากปากของนิติหลายคนและจากปากของช่างของตึกทีหลัง ก่อนเราจะออกสองสามเดือน) เราทนล้างจานในห้องน้ำ นานเกือบครึ่งปี เพราะแม่ของเรากลัวว่าถ้ามันพังเพิ่มเติม ทางเจ้าของจะมากล่าวโทษเรา(ซึ้งมันก็เกิดขึ้นจริงๆ)
ก่อนสัญญาจะหมดสี่เดือน เค้าเข้ามาเร่งรัดเราเรื่องตะต่อสัญญา แต่เราขอปรึกษากับแม่ แล้วก็ตกลงกันว่า จะไม่ต่อสัญญาแล้วรีบแจ้งเจ้าของไป สามเดือนก่อนสัญญาจะหมด ทางก็เรียกร้องว่า จะขอกุญแจทั้งหมดคืนภายในวันที่ 31 กค. 61 พร้อมทั้งแจ้งว่า จะคืนเงินประกันให้ 30 วันหลังจากวันคืนกุญแจ
ตามที่สัญญาระบุ และด้วยเหตุนี้ เราจึงขอความเห็นใจจากเจ้าของ ว่างั้นเราขอให้เค้าหักค่าเช่าเดือนสุดไปจากเงินประกัน ที่มีคือสองเดือน 19,000บาท(นี่ยังไม่รวมค่าประกันกุญแจและการ์ดสองใบ คือชุดละ500บาทนะคะ(เจ้าของเก็บทุกบาทและสตางค์คะ)
ตอนแรกที่แจ้งไปทางไลน์ เจ้าของก็ขอให้ทำตามสัญญา คือผู้เช่าจะใช้เงินประกันมาชำระเป็นค่าเช่าไม่ได้(แต่ก็แล้วแต่การตกลงกัน) เราจึงร้องขอไป เจ้าของจึงช่วยคือ ให้เราโอนค่าเช่าให้ 5,000บาท จาก9,500บาท แล้วจะไปหัก 4,500 บาทออกจากเงินประกัน19,000 บาท
เราก็ยอม เพราะเราจะได้มีเงินไปสมทบและชำระที่ห้องใหม่
จนมาถึงวันที่เรานัดคืนกุญแจ เราพาเค้าเข้าห้องพร้อมพยานทางฝั่งเราหนึ่งคน เค้ารับกุญแจไป แล้วบอกว่าจะหักค่าทำความสะอาด 1,000 บาทอยุ่ดี(ทั้งๆที่เราทำให้สะอาดแล้ว) แต่เราก็ยอม เพราะเงินประกันของเราอยุ่กับเค้า(หวังยอมให้ หนึ่งพันเพื่อ เงินหนึ่งหมื่นกว่าๆ) แล้วเค้าก็บอกว่า เดี๋ยวเค้าจะเอาช่างมาดูอีกที ก่อนตะโอนเงินประกันคืนให้ เพื่อจะมาตรวจเครื่องทำน้ำอุ่น เครื่องซักผ้า และอื่นๆอีก (เรากับพยานก็เลยบอกว่า ถ้าจะหักค่าใช้จ่ายอะไร ก็ขอใบเสร็จด้วย เพราะจะต้องทำบัญชีรายจ่าย และเราก็เกรงว่าเค้าจะหักเกินความสมควร)
และมาถึงวันนี้ 19 สค. 61 วันอาทิตย์ เราทำงานพิเศษ เลิกงานตอน 20:30 น. เราเปิดโทรฯ ของเราแล้วเห็นข้อความของเจ้าของห้อง แจ้งรายละเอียดและแจ้งว่าโอนเงินคืนให้ คือ 1,900 บาทกว่าให้ พร้อมลายทือที่เขียนว่าหักค่าอะไรบ้าง
ค่าประกันห้อง 19,000บาท
หัก ค่าเช่าเดือน กค. 4,500 บาท
หักค่า ทำความสะอาด 1,000 บาท
หักค่า น้ำ 198 บาท ตามบิล
หักค่าไฟ 1,375.75 บาทตามการไฟฟ้า
หักค่า ทาสีห้อง 1,977 บาท
หักค่าเฟอร์นิเจอร์เสียหาย 8,000 บาท(พร้อมส่งรูปเฟอร์ ที่มีรอยร้าว จากอายุของการใช้งาน แต่ยังใช้งานได้, เราขอย้ำคะ ว่าใช้งานได้ดี เพราะเราใช้มันอยุ่ได้ปกติเป็นเวลาหนึ่งปี) รวมทั้งสิ้น เหลือเงินโอนคืนเราคือ 1,949.25 บาท
เค้าส่งรูปใบเสร็จเงินสด ที่เขียนด้วยลายมือของคนๆเดียวกันมาให้เรา ในใบเขียนว่า ค่ารื้อ+ติดตั้งใหม่
เราเลยรีบโทรฯปรึก เอเจ้นที่พาเราเข้าไปเช่าเค้า แล้วทางเอเจ้นก็บอกให้เราโทรฯคุยกับเค้าเดี๋ยวนั้นเลย
เราก็รีบโทรฯคุยกับเค้าเลย ซึ้งเป็นเวลา 20:50 น.
เค้ารับสายเรา เราเลยถามเร้าว่า หักค่าเฟอร์ 8,000 บาทมันเยอะไปนะ ตามสัญญา เรารับผิดถ้าเฟอร์มันใช้การไม่ได้นะ แต่เค้าเรากลับมาว่า เฟอร์ของเร้ามันบิ้วอิน แล้วมันบวมและมีเชื้อราข้างใน ทำไมเราไม่แจ้งเค้า เราก้เลยได้แต่บอกไปว่า มันอยุ่ข้างในขนาดนั้น เราจะไปมองเห็นได้ยัง ที่เราไม่แจ้งเพราะเราไม่ทราบหนะ
เค้าเอาช่างมาถอดแล้วก็เจอแบบนั้น มันเกินความสามารถของผู้เช่าอย่างเราหนะคะ (แล้วเราก็โมโหที่มากล่าวหาว่าเรามีเจตนาปิดบัง เราเลยบอกเค้าไปว่า เราไม่ใช่ปลวก จะได้รู้ถึงข้างในของไม้เฟอร์ และข้างหลังเฟอร์ที่บิ้วติดผนังคะ) เค้าคงโมโหเรา
เราเลยบอกให้เค้าส่งรายละเอียดรูปภาพของเหอร์ที่เค้าเปลี่ยนมาให้เราอีก เพราะแค่ใบเสร็จเงินสดเขียนด้วยมือ(ใครก็ได้) มันไม่พอสำหรับเรา
เค้าก็ส่งมานะ เป็นรูปเดิมๆที่เค้าเรยส่งมาบอกเรา ที่เราเข้าใจว่ามันเป็นรอยร้าว/แตก เล็กๆที่ยังไง เฟอร์ก็ยังใช้งานได้ เราเลยคิดว่าเค้าจะแก้ไขเพราะรอย
แต่เค้าเล่นเปลี่ยนใหม่หนะ เค้าให้เหตุผลเราว่า เฟอร์เป็นบิ้นอิน ฉนั้นเวลาชำรุด จะต้องเปลี่ยนทั้งหมด
เราอ่านในสัญญา ถ้าเราทำเฟอร์เค้าแตกหัก ฝาหลุด หรือพังทะลาย จนมันใช้งานต่อไม่ได้ เราจะต้องรับผิดชอบ แต่รอยร้าวที่เกิดจากอายุเวลาของเครื่องใช้ มันไม่ได้เกิดจากความตั้งใจกระทำของเรา/ผู้เช่า ทางผู้ให้เช่าต้องรับผิดชอบเอง หรืออาจจะคุยกับผู้เช่า และพบกันคนละครึ่ง
แต่เค้าหักเอาจากเรา เต็มร้อยเลย เราจึงคิดและเข้าใจว่า เราถูกเอาปรียบอย่างไม่เป็นธรรมเลย

เราอยากได้ความรู้ข้อกฎหมายและความคิดต่างจากคุณๆคะ เผื่อเราเองจะโมโหจนลืมความผิดของตัวเองเหมือนกัน
อย่างไร ขอความเห็นด้วยนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่