สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกของเรา หากมีอะไรขัดหูขัดตา ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
เราตั้งใจที่จะมาแชร์ประสบการณ์ของเราหลังสอบ TOEFL ibt ผ่านเกณฑ์ (มากกว่า83) หวังไว้ลึกๆๆๆๆในใจว่าจะมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย
เริ่มจาก เรามีเวลาเตรียมตัวก่อนสอบแค่เดือนเดียว ด้วยเหตุผลก็คือ เราต้องการสอบให้ผ่านเกณฑ์ไวๆ จะได้ไม่เป็นภาระตัวเองตอนไปเรียนที่มหาลัยที่นู่น แต่เรื่องราวของเราไม่ใช่ประเด็นในการตั้งกระทู้นี้ คะแนนเราก็ไม่ได้มากมายอะไร (เราสอบได้ 89คะแนน) แต่เราตั้งใจที่จะแชร์การเดินทางของเราไปจนถึงตอนสอบมากกว่า เริ่มเลย เย่....
พื้นฐานภาษาอังกฤษของเราคือ สอบ CU TEP ได้ 74 คะแนน ไม่เคยไปเรียนต่างประเทศ เรียนโรงเรียนรัฐตลอด ต้องการสอบโทเฟลให้ได้ มากกว่า 83 คะแนน .........
ตอนแรกเลยคิดว่าจะไปเข้าคอร์สเรียนของโทเฟลโดยเฉพาะ แต่ไม่มีที่ไหนเรียนได้ภายใน 1 เดือนเลย ที่พอหาได้(เรียนแบบตัวต่อตัว) ราคาก็ทะลุ 20,000-30,000บาท เราไม่ไหวกับราคาเลยหาตัวเลือกอื่น คือ คอร์สออนไลน์ต่างๆ ก็หาจากในพันทิปเนี่ยแหละ ซึ่งที่มีชื่อมากๆ คนแนะนำเยอะก็คือ
www.notefull.com ราคาไม่แพงเท่าไร รับได้
ตอนแรกก้ลองดูแบบฟรีก่อน ก็รู้สึกว่าเราฟังภาษาเขาเข้าใจ จริงๆคนที่อยากเรียนที่นี่ อยากให้ลองฟังแบบฟรีดูก่อน ว่าเราชอบสไตล์การสอนของเขาไหม เพราะแต่ละคนก็ชอบคนละสไตล์กัน ที่เว็บนี้จะเน้นแบบ basic มากๆ คือ พูดช้าๆ ไม่ได้เร่งรีบเร่งรัดอะไร คนที่ชอบแบบกระชับอาจจะไม่ถูกจริตก้ได้
ข้อดีของเว็บนี้ก้คือ
1. เหมาะกับคนที่ไม่มีประสบการณ์การสอบโทเฟลมาก่อน เพราะ เค้าอธิบายละเอียดมาก แยกไปเลยว่าในแต่ละพาร์ท (Reading,Listening,Speaking,Writing) จะมีคำถามแนวไหนบ้าง จะดูยังไงว่า เป็นคำถามแบบนี้ แล้วถ้าเจอคำถามลักษณะนี้จะตอบยังไง
2. ต้องมีเวลา และมีวินัย เพราะเขาไม่ได้จำกัดเวลาเรียน เราจะเรียนจะเลิกจะหยุดเมื่อไรก็ได้ ยิ่งดูเยอะทำเยอะก้ได้เยอะ เรียนไปแรกๆเค้าจะคอยย้ำว่า ทุกๆ 10 ชม ที่คุณเรียน คุณจะสามารถ improve คะแนนได้ 1 คะแนน เลยนะ Keep going!!! ตลอดการเรียนจะให้กำลังใจตลอด น่ารักดี
3. มีข้อสอบเก่าพร้อมเฉลยให้ทำเยอะดี เราเองก็ทำไม่หมดนะ ตอนแรกตั้งใจจะเอาให้หมด แต่ไม่ไหวจริงๆ
มีข้อดีเยอะก้ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียนะ ข้อเสียก็มี คือ
1. เว็บเค้ามีประเมินการสอบได้ครั้งเดียว จริงๆเค้าจะให้ทำก่อนเริ่มเรียนแบบจริงจัง อารมณ์ประมาณ pretest แต่เราไม่ได้ทำอย่างนั้น เราเรียนก่อนค่อยทำอ่ะ เพราะเราอยากรู้ว่าคะแนนที่เราจะได้จริงๆมันประมาณ เท่าไร ซึ่งเราว่ามันดีกว่า ซึ่งคะแนนที่เค้าประเมินให้ ใกล้เคียงกับที่เราได้จริงๆนะ เค้าประเมินให้ 91 คะแนน ซึ่งเราได้จริง 89 คะแนน
ถ้าอยากประเมินอีก เค้ามีคิดราคาเพิ่มต่อการตรวจ 1ครั้ง ซึ่งเราไม่ได้ซื้อเพิ่ม
2. เว็บมันเด้งออกบ่อยมากกกก คือต้อง log in ใหม่ตลอดถ้าคุณไม่ได้ online ต่อเนื่องหน้าเว็บเค้าอ่ะ งงเหมือนกัน
นอกเหนือจากการเรียนในเว็บนี้แล้ว เราก็ท่องคำศัพท์ด้วย เขียนเป็น Flash card แล้วก็จำๆๆๆๆๆ วันนึงจำได้เท่าไร วันต่อไปก็ทบจำนวนคำจากวันแรกด้วย เราทำซ้ำไปเรื่อยๆ จนถึงวันสอบเลย และคิดว่าจะทำต่อไป เพราะรู้สึกว่ามันช่วยได้มาก ในการอ่านบทความภาษาอังกฤษ
ps. ถ้าไม่อยากเขียนเองนะ มันจะมีแอพ Toefl flashcards ของ Magoosh เสิชได้จาก Android หรือ iOS ก็ได้ เราว่าสะดวกดี
นอกจากนี้เราก็อ่านหนังสือ + ทำข้อสอบจากหนังสือด้วย
https://f.ptcdn.info/245/059/000/pdnb2zk25X882UBlizN-o.jpg
เล่มนี้ดีที่มีโปรแกรม เสมือนจริงไว้ให้ลองทำด้วย แต่เราว่าข้อสอบเค้าง่ายกว่าของจริงอ่ะ โดยเฉพาะพาร์ทอ่านกับฟัง
https://f.ptcdn.info/245/059/000/pdnb5f265H6TsAx4J9t-o.jpg
ส่วนเล่มนี้เราว่าเหมือนของจริงที่สอบมาก เราทำหมดทั้งเล่มเลย อยากให้ซื้อมาลองทำกัน
แต่สำหรับเรา การทำข้อสอบให้เยอะๆอ่ะ มันไม่ได้ช่วยพัฒนาสกิลการทำข้อสอบเท่าไรเลย เพราะเราทำกี่ครั้ง เราก็จะเลือกคำตอบแนวๆเดียวกันอยู่ดี ซึ่งหมายความว่า ตอบผิดเหมือนเดิม
สิ่งที่จะช่วยพัฒนาเราได้ คือ ทำข้อสอบชุดเดิม โดยหาคำตอบใหม่จาก เทคนิคที่ได้เรียนมาเอามาตัดชอยส์ เอามาวิเคราะห์ว่าเราผิดตรงไหน จะได้ไม่ผิดแล้วผิดอีก มันจะช่วยได้มากกว่า
ส่วนการเลือกสนามสอบ แนะนำให้เลือก ล่วงหน้า 1-2 เดือน เพราะ สนามสอบที่ดี ก็จะเต็มเร็วมาก
วันที่สอบ *ห้าม*ลืมเอาบัตรประชาชนไป เราไม่ได้ใช้ passport เลย เจ้าหน้าที่เค้าจะให้เราเขียนชื่อด้วยปากกาpermanent หลังบัตรประชาชน
เวลาในการไปสอบ ไปก่อน 08.30น. เอาจริงเราไปถึงตั้งแต่เช้าเลย แต่ไปกินข้าวอะไรให้เรียบร้อยก่อน ค่อยขึ้นไป ประมาณ 08.30 พอดี สรุป เป็นคนที่ 10 แน่ะ แถมคนอื่นสอบกันแล้วด้วย เลยคิดว่า ถ้าที่ MUIC นะ ไปก่อนสอบก่อนได้เลย ซึ่งเราว่าน่าจะดีกว่า เพราะเราคิว 10 ตอนเรากำลังสอบฟัง คนอื่น พูดกันแล้ว สติแตกมากค่า - -"
เรื่องตำแหน่งที่นั่งในการสอบเนี่ยก็สำคัญ เกิดไปเจอคนพูดเสียงดังข้างๆ นี่จะเซ็งมาก เพราะมันกั้นแค่ ฟิวเจอร์บอร์ดบางๆเอง ขอให้เพื่อนๆ ได้เจอเพื่อนร่วมสอบที่ดีๆนะ มันจะดีต่อเรามาก
.......มาถึงส่วนของการรีวิวการสอบบ้าง......
READING
- คำถาม vocab ง่ายกว่าที่คิดไว้มาก ไม่ต้องอ่านบทความเลย สามารถตอบได้จาก choice เลย
- นอกจากคำถามพยายามหลอกเราแล้ว choice ก็พยายามหลอกเราด้วย ระวังดีๆ
- ดูเวลาสม่ำเสมอนะ เวลาผ่านไปเร็วมาก
- พยายามอ่านแล้วให้เข้าใจในครั้งเดียว หรือสองครั้งแรก เพราะไม่งั้นจะเสียเวลามาก ข้อหลังๆจะยิ่งยากขึ้น และคะแนนเยอะด้วย โดยเฉพาะข้อสุดท้าย ในข้อนี้สามารถพัฒนาได้ด้วยการอ่านบทความภาษาอังกฤษบ่อยๆ เช่น
https://www.nationalgeographic.com/,
https://www.nationalgeographic.com/ เป็นต้น
LISTENING
- ยากมากสำหรับเรา เพราะเราหลุดโฟกัสจากเสียงคนอื่นพูดที่บอกไป อันนี้เพื่อนๆอาจฝึกได้โดยการทำข้อสอบ listening ตามร้านกาแฟ หรือที่ที่มีเสียงรบกวนบ้าง เพื่อให้เราชิน และโฟกัสให้ถูกจุด
- เราทำแทบไม่ทัน 17 ข้อ 10 นาที ตอนที่ลองทำข้อสอบ ไม่เคยได้ทำต่อกันระหว่าง Reading กับ listening ไง พอ reading ทำไม่ทัน มันเลยเครียด+ตื่นเต้น listening มาต่อเลยแถมเสียงก็ดังอีก บู๊มมมมมม!!!! เป็นโกโก้ครั้นช์ TT อยากให้เพื่อนๆไม่เป็นแบบเรานี้ จับเวลาตอนทำตลอดเลยนะ จะช่วยมากๆ
- ฝึกหา main idea***
- ฟังแล้วจดเยอะๆ บางทีเค้าถามจุดที่เล็กมากๆเลย แบบฟังผ่านเลยไปแล้วก้ลืมละ
SPEAKING
- ไม่รู้ตอนนั้นพูดอะไรออกไปบ้าง จนตอนนี้ยังจำไม่ได้เลย มันตื่นเต้นมาก เวลาผ่านไปเร็วมากจริงๆพาร์ทนี้
- ควรท่อง template ให้แม่น ให้เปีะ แล้วพูดไปอย่าหยุด อย่าให้มี dead air
- การฝึกเยอะๆ จะช่วยตรงที่ เราจะพูดจาก reflex เลย
WRITING
- template สำคัญมาก ท่องไปเลย แล้วเติมคำจากช่องว่างเอา
- คำถามแรก notetaking สำคัญมาก เพราะต้องจดทุกอย่างที่ได้ยิน ยิ่งเขียนจากที่ได้ยินเยอะ คะแนนจะเยอะตาม
- คำถามที่สอง เขียนจากความจริงจะง่ายกว่าสำหรับเรา เพราะไม่ต้องคิดอะไรเยอะ ไม่ต้องจินตนาการสร้างเรื่องราว
จบแล้วสำหรับการรีวิวครั้งนี้
ดีใจที่มีโอกาสมาแชร์ แม้ว่าคะแนนไม่ได้เยอะ แต่เราเตรียมมาเท่านี้เราได้เท่านี้ เราดีใจมากๆแล้ว อยากให้เพื่อนที่กำลังเตรียมตัวสอบมีกำลังใจ ขอให้สอบผ่านกันทุกคนนะ
โทเฟล.......โหวว ทำไมยากเบอร์นี้.....แบ่งปันเรื่องราวการสอบของฉัน
เราตั้งใจที่จะมาแชร์ประสบการณ์ของเราหลังสอบ TOEFL ibt ผ่านเกณฑ์ (มากกว่า83) หวังไว้ลึกๆๆๆๆในใจว่าจะมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย
เริ่มจาก เรามีเวลาเตรียมตัวก่อนสอบแค่เดือนเดียว ด้วยเหตุผลก็คือ เราต้องการสอบให้ผ่านเกณฑ์ไวๆ จะได้ไม่เป็นภาระตัวเองตอนไปเรียนที่มหาลัยที่นู่น แต่เรื่องราวของเราไม่ใช่ประเด็นในการตั้งกระทู้นี้ คะแนนเราก็ไม่ได้มากมายอะไร (เราสอบได้ 89คะแนน) แต่เราตั้งใจที่จะแชร์การเดินทางของเราไปจนถึงตอนสอบมากกว่า เริ่มเลย เย่....
พื้นฐานภาษาอังกฤษของเราคือ สอบ CU TEP ได้ 74 คะแนน ไม่เคยไปเรียนต่างประเทศ เรียนโรงเรียนรัฐตลอด ต้องการสอบโทเฟลให้ได้ มากกว่า 83 คะแนน .........
ตอนแรกเลยคิดว่าจะไปเข้าคอร์สเรียนของโทเฟลโดยเฉพาะ แต่ไม่มีที่ไหนเรียนได้ภายใน 1 เดือนเลย ที่พอหาได้(เรียนแบบตัวต่อตัว) ราคาก็ทะลุ 20,000-30,000บาท เราไม่ไหวกับราคาเลยหาตัวเลือกอื่น คือ คอร์สออนไลน์ต่างๆ ก็หาจากในพันทิปเนี่ยแหละ ซึ่งที่มีชื่อมากๆ คนแนะนำเยอะก็คือ
www.notefull.com ราคาไม่แพงเท่าไร รับได้
ตอนแรกก้ลองดูแบบฟรีก่อน ก็รู้สึกว่าเราฟังภาษาเขาเข้าใจ จริงๆคนที่อยากเรียนที่นี่ อยากให้ลองฟังแบบฟรีดูก่อน ว่าเราชอบสไตล์การสอนของเขาไหม เพราะแต่ละคนก็ชอบคนละสไตล์กัน ที่เว็บนี้จะเน้นแบบ basic มากๆ คือ พูดช้าๆ ไม่ได้เร่งรีบเร่งรัดอะไร คนที่ชอบแบบกระชับอาจจะไม่ถูกจริตก้ได้
ข้อดีของเว็บนี้ก้คือ
1. เหมาะกับคนที่ไม่มีประสบการณ์การสอบโทเฟลมาก่อน เพราะ เค้าอธิบายละเอียดมาก แยกไปเลยว่าในแต่ละพาร์ท (Reading,Listening,Speaking,Writing) จะมีคำถามแนวไหนบ้าง จะดูยังไงว่า เป็นคำถามแบบนี้ แล้วถ้าเจอคำถามลักษณะนี้จะตอบยังไง
2. ต้องมีเวลา และมีวินัย เพราะเขาไม่ได้จำกัดเวลาเรียน เราจะเรียนจะเลิกจะหยุดเมื่อไรก็ได้ ยิ่งดูเยอะทำเยอะก้ได้เยอะ เรียนไปแรกๆเค้าจะคอยย้ำว่า ทุกๆ 10 ชม ที่คุณเรียน คุณจะสามารถ improve คะแนนได้ 1 คะแนน เลยนะ Keep going!!! ตลอดการเรียนจะให้กำลังใจตลอด น่ารักดี
3. มีข้อสอบเก่าพร้อมเฉลยให้ทำเยอะดี เราเองก็ทำไม่หมดนะ ตอนแรกตั้งใจจะเอาให้หมด แต่ไม่ไหวจริงๆ
มีข้อดีเยอะก้ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียนะ ข้อเสียก็มี คือ
1. เว็บเค้ามีประเมินการสอบได้ครั้งเดียว จริงๆเค้าจะให้ทำก่อนเริ่มเรียนแบบจริงจัง อารมณ์ประมาณ pretest แต่เราไม่ได้ทำอย่างนั้น เราเรียนก่อนค่อยทำอ่ะ เพราะเราอยากรู้ว่าคะแนนที่เราจะได้จริงๆมันประมาณ เท่าไร ซึ่งเราว่ามันดีกว่า ซึ่งคะแนนที่เค้าประเมินให้ ใกล้เคียงกับที่เราได้จริงๆนะ เค้าประเมินให้ 91 คะแนน ซึ่งเราได้จริง 89 คะแนน
ถ้าอยากประเมินอีก เค้ามีคิดราคาเพิ่มต่อการตรวจ 1ครั้ง ซึ่งเราไม่ได้ซื้อเพิ่ม
2. เว็บมันเด้งออกบ่อยมากกกก คือต้อง log in ใหม่ตลอดถ้าคุณไม่ได้ online ต่อเนื่องหน้าเว็บเค้าอ่ะ งงเหมือนกัน
นอกเหนือจากการเรียนในเว็บนี้แล้ว เราก็ท่องคำศัพท์ด้วย เขียนเป็น Flash card แล้วก็จำๆๆๆๆๆ วันนึงจำได้เท่าไร วันต่อไปก็ทบจำนวนคำจากวันแรกด้วย เราทำซ้ำไปเรื่อยๆ จนถึงวันสอบเลย และคิดว่าจะทำต่อไป เพราะรู้สึกว่ามันช่วยได้มาก ในการอ่านบทความภาษาอังกฤษ
ps. ถ้าไม่อยากเขียนเองนะ มันจะมีแอพ Toefl flashcards ของ Magoosh เสิชได้จาก Android หรือ iOS ก็ได้ เราว่าสะดวกดี
นอกจากนี้เราก็อ่านหนังสือ + ทำข้อสอบจากหนังสือด้วย
https://f.ptcdn.info/245/059/000/pdnb2zk25X882UBlizN-o.jpg
เล่มนี้ดีที่มีโปรแกรม เสมือนจริงไว้ให้ลองทำด้วย แต่เราว่าข้อสอบเค้าง่ายกว่าของจริงอ่ะ โดยเฉพาะพาร์ทอ่านกับฟัง
https://f.ptcdn.info/245/059/000/pdnb5f265H6TsAx4J9t-o.jpg
ส่วนเล่มนี้เราว่าเหมือนของจริงที่สอบมาก เราทำหมดทั้งเล่มเลย อยากให้ซื้อมาลองทำกัน
แต่สำหรับเรา การทำข้อสอบให้เยอะๆอ่ะ มันไม่ได้ช่วยพัฒนาสกิลการทำข้อสอบเท่าไรเลย เพราะเราทำกี่ครั้ง เราก็จะเลือกคำตอบแนวๆเดียวกันอยู่ดี ซึ่งหมายความว่า ตอบผิดเหมือนเดิม สิ่งที่จะช่วยพัฒนาเราได้ คือ ทำข้อสอบชุดเดิม โดยหาคำตอบใหม่จาก เทคนิคที่ได้เรียนมาเอามาตัดชอยส์ เอามาวิเคราะห์ว่าเราผิดตรงไหน จะได้ไม่ผิดแล้วผิดอีก มันจะช่วยได้มากกว่า
ส่วนการเลือกสนามสอบ แนะนำให้เลือก ล่วงหน้า 1-2 เดือน เพราะ สนามสอบที่ดี ก็จะเต็มเร็วมาก
วันที่สอบ *ห้าม*ลืมเอาบัตรประชาชนไป เราไม่ได้ใช้ passport เลย เจ้าหน้าที่เค้าจะให้เราเขียนชื่อด้วยปากกาpermanent หลังบัตรประชาชน
เวลาในการไปสอบ ไปก่อน 08.30น. เอาจริงเราไปถึงตั้งแต่เช้าเลย แต่ไปกินข้าวอะไรให้เรียบร้อยก่อน ค่อยขึ้นไป ประมาณ 08.30 พอดี สรุป เป็นคนที่ 10 แน่ะ แถมคนอื่นสอบกันแล้วด้วย เลยคิดว่า ถ้าที่ MUIC นะ ไปก่อนสอบก่อนได้เลย ซึ่งเราว่าน่าจะดีกว่า เพราะเราคิว 10 ตอนเรากำลังสอบฟัง คนอื่น พูดกันแล้ว สติแตกมากค่า - -"
เรื่องตำแหน่งที่นั่งในการสอบเนี่ยก็สำคัญ เกิดไปเจอคนพูดเสียงดังข้างๆ นี่จะเซ็งมาก เพราะมันกั้นแค่ ฟิวเจอร์บอร์ดบางๆเอง ขอให้เพื่อนๆ ได้เจอเพื่อนร่วมสอบที่ดีๆนะ มันจะดีต่อเรามาก
.......มาถึงส่วนของการรีวิวการสอบบ้าง......
READING
- คำถาม vocab ง่ายกว่าที่คิดไว้มาก ไม่ต้องอ่านบทความเลย สามารถตอบได้จาก choice เลย
- นอกจากคำถามพยายามหลอกเราแล้ว choice ก็พยายามหลอกเราด้วย ระวังดีๆ
- ดูเวลาสม่ำเสมอนะ เวลาผ่านไปเร็วมาก
- พยายามอ่านแล้วให้เข้าใจในครั้งเดียว หรือสองครั้งแรก เพราะไม่งั้นจะเสียเวลามาก ข้อหลังๆจะยิ่งยากขึ้น และคะแนนเยอะด้วย โดยเฉพาะข้อสุดท้าย ในข้อนี้สามารถพัฒนาได้ด้วยการอ่านบทความภาษาอังกฤษบ่อยๆ เช่น https://www.nationalgeographic.com/, https://www.nationalgeographic.com/ เป็นต้น
LISTENING
- ยากมากสำหรับเรา เพราะเราหลุดโฟกัสจากเสียงคนอื่นพูดที่บอกไป อันนี้เพื่อนๆอาจฝึกได้โดยการทำข้อสอบ listening ตามร้านกาแฟ หรือที่ที่มีเสียงรบกวนบ้าง เพื่อให้เราชิน และโฟกัสให้ถูกจุด
- เราทำแทบไม่ทัน 17 ข้อ 10 นาที ตอนที่ลองทำข้อสอบ ไม่เคยได้ทำต่อกันระหว่าง Reading กับ listening ไง พอ reading ทำไม่ทัน มันเลยเครียด+ตื่นเต้น listening มาต่อเลยแถมเสียงก็ดังอีก บู๊มมมมมม!!!! เป็นโกโก้ครั้นช์ TT อยากให้เพื่อนๆไม่เป็นแบบเรานี้ จับเวลาตอนทำตลอดเลยนะ จะช่วยมากๆ
- ฝึกหา main idea***
- ฟังแล้วจดเยอะๆ บางทีเค้าถามจุดที่เล็กมากๆเลย แบบฟังผ่านเลยไปแล้วก้ลืมละ
SPEAKING
- ไม่รู้ตอนนั้นพูดอะไรออกไปบ้าง จนตอนนี้ยังจำไม่ได้เลย มันตื่นเต้นมาก เวลาผ่านไปเร็วมากจริงๆพาร์ทนี้
- ควรท่อง template ให้แม่น ให้เปีะ แล้วพูดไปอย่าหยุด อย่าให้มี dead air
- การฝึกเยอะๆ จะช่วยตรงที่ เราจะพูดจาก reflex เลย
WRITING
- template สำคัญมาก ท่องไปเลย แล้วเติมคำจากช่องว่างเอา
- คำถามแรก notetaking สำคัญมาก เพราะต้องจดทุกอย่างที่ได้ยิน ยิ่งเขียนจากที่ได้ยินเยอะ คะแนนจะเยอะตาม
- คำถามที่สอง เขียนจากความจริงจะง่ายกว่าสำหรับเรา เพราะไม่ต้องคิดอะไรเยอะ ไม่ต้องจินตนาการสร้างเรื่องราว
จบแล้วสำหรับการรีวิวครั้งนี้
ดีใจที่มีโอกาสมาแชร์ แม้ว่าคะแนนไม่ได้เยอะ แต่เราเตรียมมาเท่านี้เราได้เท่านี้ เราดีใจมากๆแล้ว อยากให้เพื่อนที่กำลังเตรียมตัวสอบมีกำลังใจ ขอให้สอบผ่านกันทุกคนนะ