ฮัลโหลลล สวัสดีค่าสาวๆทุกคนค่าาา ข้าวมาอีกแล้ววว
วันนี้ข้าวจะมาเปิดกรุรีวิวโทนเนอร์เด็ดๆ ของตัวเองให้ทุกคนฟัง
เพราะใช้ไปใช้มา ก็มีโทนเนอร์เต็มโต๊ะซะแล้ว 5555
เหมือนเห็นอะไรที่เขาว่าดีก็อยากลองไปซะหมด ลองซะเต็มโต๊ะเลย
แต่ละอันจะเป็นยังไงบ้าง ไปดูเลยค่า
ให้ดูรูปหมู่ทั้ง 6 ตัวที่จะเอามารีวิวในวันนี้ก่อนเลยยยย
คนอะไรใช้โทนเนอร์ทีเดียว 6 ตัวววว
นี่มี 6 หน้าเหรอออ (อยากตีมือตัวเองที่ซื้อมา 555)
ขอพูดเรื่องสภาพผิวของข้าวก่อน
ข้าวเป็นคนผิวค่อนข้างแห้งค่ะ ผิวไม่มันเลยยย
มีสิวขึ้นบ้าง โดยเฉพาะสิวอุดตัน ที่หน้าผาก
แต่ไม่ค่อยมีสิวอักเสบขึ้นสักเท่าไหร่ค่ะ
สำหรับโทนเนอร์ที่ข้าวใช้ ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องความชุ่มชื่นซะเป็นส่วนใหญ่
ก็ผิวแห้งอะเนาะ 555
แต่ที่ช่วยด้านอื่นๆก็มีเหมือนกัน
แต่เนื่องจากที่เอามารีวิววันนี้ 4 ใน 6 ตัวจะเน้นเรื่องความชุ่มชื่นซะเป็นส่วนใหญ่
ข้าวจะเริ่มจาก ที่ไม่ได้เน้นเรื่องความชุ่มชื่นก่อนละกันเนาะ
ตัวแรก ข้าวขอพูดถึงตัวนี้เลย
Pixi Glow Tonic
ข้าวรู้สึกว่ามันดังมากกกก ทั้งๆที่ก็ไม่มีขายในไทย เป็นแบรนด์มาจากอังกฤษ
รู้จักครั้งแรกเพราะพี่โมเมพูดถึง จากนั้นก็ได้ยิน Blogger พูดถึงอีกหลายๆคน
ทำให้เหมือนโดนสะกดจิตด้วยชื่อนี้เลยจ้า และสุดท้ายก็พรีมาในที่สุด ฮือออ
คำเคลมจากทางแบรนด์
เป็น Exfoliating Toner คือเหมือนช่วยเรื่องการผลัดเซลล์ผิว
ส่วนผสมหลักคือ Glycolic Acid หรือ AHA ผสมอยู่ 5%
ซึ่งเขาเขียนว่าจะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เผยผิวที่โกลวสวยแข็งแรงงี้
ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีพาราเบน แถมไม่ทดลองในสัตว์ด้วยนะเออออ
(มันเขียนบอกไว้หลังขวดแหละ)
ผลการใช้
กลิ่นหอมแบบแปลกๆ หอมเหมือนแป้งๆ แต่กลิ่นหอมจนฉุนเลย
ใครที่ไม่ชอบน้ำหอมหรือ skincare กลิ่นแรงๆนี่อาจจะต้องคิดหนักหน่อย
ตอนใช้แรกๆ ข้าวแสบหน้าแบบแสบยิบๆๆเลย
แต่ไม่ได้แสบนานนะ เหมือนพอเช็ดผ่านหน้าไป มันก็จะแสบตามที่เช็ดเลย
คงเพราะมันเป็นกรด จะไปช่วยผลัดเซลล์ผิวไรงี้
แต่ข้าวไม่ได้แพ้นะ แต่ถ้าคนผิวแพ้ง่ายอาจจะต้องระวังนิดนึง
รู้สึกมันเช็ดได้สะอาดหมดจดมากกกกกกกก
ปกติเช็ดแล้วสำลีไม่ค่อยมีอะไรดำๆติดเลย
พอใช้อันนี้ บางทีก็แอบมีอะไรติดๆ อาจจะเป็นซากผิวที่ตายแล้ว 5555
ใช้แล้วรู้สึกว่าหน้าใสจริง เรียบเนียน สิวไม่ค่อยมี
แต่หยุดใช้ไปช่วงนึงเพราะหน้าไปแพ้น้ำยาย้อมผม แล้วผื่นขึ้น
ใช้ตัวนี้แล้วเหมือนแรงเกิน แสบตรงผื่นยิบๆ
ข้าวว่าเหมาะกับคนที่ผิวหน้าแข็งแรงหน่อย
ช่วยให้ผิวโกลว หน้าใส ผลัดเซลล์ผิวได้ดีจริง
แต่เรื่องความชุ่มชื่นไรงี้ ข้าวว่าก็เฉยๆนะ
หาซื้อยากนิดนึง ขนาด 250ml ซื้อตามร้านหิ้วน่าจะประมาณ 1000 บาท
ตัวถัดมา เป็นตัวที่ช่วยเรื่องสิว ข้าวจัดมันมาอยู่ในประเภทโทนเนอร์เลยละกัน
เพราะมันใช้เช็ดหน้าหลังล้างหน้า
คือ
Brown Lab Mild-s Daily Peeling Pads เป็นแผ่นเช็ดหน้ารักษาสิว
มันจะมาเป็นแผ่นๆที่มีน้ำโทนเนอร์ชุบอยู่แล้วเลย
เวลาใช้ก็เอาออกมาแผ่นนึง มาเช็ดๆให้ทั่วหน้า
ซึ่งความเก๋ของมันคือ สำลีมันจะมีด้านนึงเป็นปุ่มๆนูนๆขึ้นมาเลย
เวลาเอามาเช็ดๆแล้วรู้สึกเหมือนได้ขัดหน้าดี 5555
คำเคลมจากทางแบรนด์
ใช้เช็ดหลังล้างหน้า ผสมสารสกัดจาก willow tree ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ
ยับยั้งแบคทีเรีย ต้นเหตุของการเกิดสิว ช่วยรักษาสิวอุดตัน ลดการอักเสบของสิว
ให้ผิวสะอาดกระจ่างใส
ผลการใช้
ข้าวใช้เช็ดหน้าช่วงที่เป็นสิว รู้สึกเป็นโทนเนอร์ที่เช็ดหน้าได้สะอาดมากๆอีกแล้ว
เช็ดเสร็จหน้าสะอาดเว่อร์
แต่ไม่ชุ่มชื่นเลย เช็ดละเหมือนมีอะไรเคลือบๆหน้าแปลกๆอยู่เหมือนกัน
ไม่ได้รู้สึกว่าช่วยให้สิวหายเร็วขึ้นนะ แต่ช่วยให้สิวไม่อักเสบไปมากกว่าเดิม
แถมช่วงที่ใช้อันนี้ ก็ไม่มีสิวอุดตันขึ้นเท่าไหร่เหมือนกัน
คนเป็นสิวน่าจะชอบเลย แต่มันไม่ค่อยชุ่มชื่น ข้าวเลยไม่ค่อยใช้
หยิบมาใช้แต่ช่วงที่เป็นสิว
อ้อ แล้วข้าวก็รู้สึกว่าราคาแอบแรงอยู่นะ
790 บาท ได้มา 75 แผ่น ใช้ 2 เดือนก็หมดแล้วมั้ยง่ะ
เหมือนมัน fix ขนาดมาเลย (ปกติข้าวใช้โทนเนอร์เฉพาะตอนกลางคืน)
ตัวถัดมา เข้าสู่โทนเนอร์ให้ความชุ่มชื่นบ้าง
ข้าวเป็นคนที่จิตอ่อนกับอะไรที่บอกว่าจะช่วยเติมน้ำให้ผิวมาก
4 ใน 6 ของโทนเนอร์ที่ใช้ก็เป็นตัวที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นหมดเลย
ตัวแรกเลย
The Body Shop Vitamin E Hydrating Toner
ให้ความชุ่มชื่นได้ดีเลย ตัว texture มันจะไม่ได้เป็นน้ำใสๆนะ
จะมีความข้นอยู่นี้ดดดดดนึง
กลิ่นหอมดี เป็นกลิ่นหอมอ่อนๆแบบผู้ดีมากกกก
คำเคลมจากทางแบรนด์
เป็นโทนเนอร์ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว
และทำความสะอาดคราบสิ่งสกปรกและเมคอัพที่ตกค้างอยู่
พร้อมช่วยกระชับรูขุมขน
ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
ผลการใช้
เช็ดแล้วจะซึมช้าอยู่นิดนึง ในบรรดาโทนเนอร์ทั้งหมดนี้ ตัวนี้ซึมช้าสุดละ
แต่ไม่ได้เหนียวนะ แค่ซึมช้าหน่อย
แต่ให้ความชุ่มชื่นได้ดีมาก ในฐานะโทนเนอร์อะนะ
อ่อนโยน เช็ดแล้วไม่แสบไม่ไรเลย
แต่เรื่องความสะอาดนี่ สู้ 2 ตัวบนไม่ได้
คือ 2 ตัวบนอะ พอข้าวล้างหน้าอะไรเสร็จแล้ว (ซึ่งข้าวก็ว่าล้างสะอาดละนะ)
แต่พอเช็ดแล้วมันจะชอบแอบมีคราบๆนี้ดดดดนึง ติดออกมา
อาจจะเป็นพวกเซลล์ผิวที่ตายแล้วอะไรงี้หรือเปล่า
แต่ตัวนี้ไม่มีเลย เลยรู้สึกว่ายังทำความสะอาดได้ไม่เท่า 2 ตัวบน
ใช้อย่างบ้าคลั่งไป 1 ขวด และระหว่างกำลังใช้ขวดที่ 2 ก็เริ่มลองตัวอื่นๆ
จนลืมมันไปเลย 555
ราคาค่อนข้างแพงนะ 650 บาท 250ml
ตัวถัดมา เป็น
Mamonde Rose Water
จิตอ่อนอีกแล้ว เหมือนมีช่วงนึงเห็นคนรีวิวหลายคน
บวก blogger หลายๆคนพูดถึง เลยไปพรีมาจากเกาหลี 555
ตอนนั้นเหมือนมันยังไม่เข้าไทยเลย ไปถามที่เคาน์เตอร์ เขาบอกไม่มี
มีแต่ต้องซื้อเป็น set รวมกับอย่างอื่น (แต่ตอนนี้มีแล้วเน้อ)
ด้วยความอยากได้มาก ตอนนั้นเลยพรีมาเลยจ้า (ทำไมโดนป้ายยาง่ายขนาดนี้ 5555)
คำเคลมจากทางแบรนด์
ส่วนผสมเขาบอกว่ามี Rose Water ถึง 90.89% เลย
คือใช้น้ำกุหลาบแทนน้ำเลย สกัดจากดอกกุหลาบบัลแกเรีย
ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น มีกลิ่นหอมอ่อนให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สดชื่น
ใช้วิธีการสกัดที่อุณหภูมิต่ำและความดันที่สูงเป็นพิเศษ
ช่วยลดความเสื่อมสภาพของส่วนผสมให้คงมีประสิทธิภาพใช้งานอย่างสม่ำเสมอ
ผลการใช้
ใช้แล้วก็ให้ความชุ่มชื่นได้ดีเลย แถมไม่มีความเหนียวเหนอะหนะ
แต่ข้าวก็ยังคิดว่าตัว The Body Shop ดีกว่าหน่อยนะ
กลิ่นหอมกุหลาบดีมากกกกกกกก เช็ดไปแล้วก็ฟินดีค่ะ
เช็ดไปดมไป
รู้สึกผ่อนคลาย อโรม่า เทอราพีไปอีกกกก
ขวดค่อนข้างใหญ่ 500ml (ตอนแรกคิดว่าใหญ่มาก จนมาเจออีกตัวในกระทู้นี้)
แต่ราคาในไทยค่อนข้างแรงมวากกก
250ml 750 บาท
เหมือนในไทยจะไม่มีไซส์ 500ml แบบที่ข้าวพรีมาด้วยนะ
ตัวถัดมา ตัวนี้ก็ดังในช่วงนี้เหมือนกัน
หาซื้อในไทยยากอีกแล้ว
ทำไมข้าวชอบซื้ออะไรแปลกๆมาใช้ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน 5555
กับ
Theyers Witch Hazel Toner สูตร Rose Petal
คำเคลมจากทางแบรนด์
เป็นโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมหลักเป็น Witch Hazel และ Aloe Vera
ซึ่งเจ้า Witch Hazel เนี่ยเป็นสาร antioxidant
ช่วยลดการระคายเคือง และกระชับผิว
ส่วน Aloe Vera ช่วยให้ความชุ่มชื้น
จริงๆเขามีหลายสูตรนะ แต่ที่ข้าวซื้อมาลองเป็นสูตร Rose Petal คือผสมน้ำกุหลาบ ช่วยลดการอักเสบของผิว และเติมน้ำให้ผิว
แถมไม่มีน้ำหอม ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีพาราเบน ไม่มีสารกันเสีย ไม่มีอะไรเลยยยย (ไม่ใช่ละ 555)
เลยควรรีบใช้ให้หมดภายใน 6 เดือน หลังเปิดใช้แล้วนะคะ
ผลการใช้
นางมีกลิ่นหอมเหมือนกุหลาบเลย
แต่เป็นคนละกลิ่นกับ Mamonde อะ เหมือนเป็นกุหลาบคนละพันธุ์
เหมือนมีกลิ่นอื่นผสมอยู่ด้วย บอกไม่ถูก แต่หอมมากกกกอีกตัว
ให้ความชุ่มชื่นได้ค่อนข้างดี
ใช้แล้วเหมือนหน้าสะอาด และไม่ถึงขนาดมีอะไรติดออกมาเหมือน 2 ตัวข้างบนนู้น
แถมรู้สึกว่าทำให้สิวอุดตันที่อยู่ใต้ผิวดันตัวออกมา
คือข้าวมีสิวอุดตันอยู่ที่ตรงคิ้ว เป็นเม็ดๆแข็งๆ แล้วก็คันๆ
แต่มันก็ไม่ยอมขึ้นมาซะที
แต่พอใช้ตัวนี้แล้วมันขึ้นมาเลยอะ 555555
สรุปคือมันสามารถให้ความชุ่มชื้นได้โอเคเลย
แถมช่วยเรื่องสิวได้แบบคาดไม่ถึง
ราคานี่แล้วแต่ร้านมาก
ไซส์ 355ml ร้าน All About You ขายอยู่ที่ 890 บาทค่า
แต่ถ้าซื้อตามร้านพรีก็อาจจะถูกกว่านี้นะ
ตัวสุดท้ายยยยย ตัวนี้ภูมิใจนำเสนอ 5555
FIXNTOX Giant Waterlock Toner
เพราะมันราคาดีม้ากกกกก
ขวดใหญ่เบิ้มมาก 1000ml แต่ราคาเบาๆแค่ 550 บาท
เป็นแบรนด์ใหม่จากเกาหลี เห็นวางอยู่ที่ eveandboy ก็คว้ามาด้วยความไร้สติเลยจ้า (เห็นไซส์แล้วรู้สึกว่าต้องลอง 55)
คำเคลมจากทางแบรนด์
ช่วยล๊อคความชุ่มชื้นให้กับผิว
มี PH 5-6 ใช้ได้แม้ผิวบอบบางแพ้ง่าย
แถมไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม พาราเบน
ผลการใช้
นางให้ความชุ่มชื้นได้ค่อนข้างดีเลย
อาจจะน้อยกว่า The Body Shop หน่อย
จริงๆข้าวว่าในหมวดโทนเนอร์ให้ความชุ่มชื่น The Body Shop ทำได้ดีสุด
ส่วนอีก 3 ตัวนี้ก็คือพอๆกันนะ
แล้วนางเคลมตัวเองว่าเป็น Multi Toner ซึ่งนอกจากจะใช้เช็ดหน้าเป็นโทนเนอร์แล้ว
ก็เอามาใส่ขวดสเปรย์ฉีดระหว่างวัน หรือหยดใส่สำลีแปะเป็นมาส์กหน้าได้
ข้าวชอบเอามาหยดใส่สำลีแล้วเอามามาส์กหน้ามากกกกก
ใช้กับสำลี Silcot คือเวิร์คโครตตตตต
คือเพราะมันราคาไม่แพงมากอะ ถ้าเทียบกับขนาด แบบใหญ่มากกกก 55555
เลยกล้าเอามามาส์ก ตัวอื่นๆปกติไม่ค่อยกล้าใช้ เพราะมันแพง
นั่นแหละ หยดใส่สำลีเอามาแปะหน้าเป็นมาส์ก
จริงๆเขาเขียนว่า 5 นาที
แต่ปกติข้าวใช้สำลีของ Silcot แปะไว้ 10 นาทียังชุ่มอยู่เลย 5555
ถ้ามีเวลาก็นอนแปะไว้ 10-15 นาที
ลอกออกละนวดๆนิดนึง แล้วมันจะซึมเข้าผิวหมดเลยยย ไม่เหนียวเหนอะหนะเลย
แถมให้ความชุ่มชื่นได้ดีมากกกก ผิวฟูเด้งมาก
ใช้ละแอบรู้สึกว่ารูขุมขนกระชับขึ้นหน่อย
แต่ข้าวว่าหลักๆเพราะเอามาแปะเป็นมาส์กนี่แหละ มันทำให้เหมือนผิวฟูอิ่มน้ำ
กลิ่นหอมแบบเปรี้ยวๆสดชื่นๆหน่อย
คือข้าวพลิกดูส่วนผสม (จริงๆนี่ก็ไร้ซึ่งความรู้เรื่องนี้นะที่จริง 555)
แต่เห็นว่าเขาใส่พวกสารสกัดจากผลไม้มาเยอะมากๆ มีทั้ง Apple Orange Lemon Bergamot ซึ่งข้าวว่ามันเลยทำให้มีกลิ่นเหมือนผลไม้สดชื่นๆหน่อย
เอาใส่ขวดไปฉีดระหว่างวันก็ได้
คือขวดมันใหญ่มาก ข้าวเลยใช้แบบทั้งมาส์ก ทั้งฉีด ทั้งเช็ด 555
เทียบกับขนาดและความคุ้มค่าแล้ว
ข้าวให้เต็มสิบเลยยยย โครตดีอะ ถูกและดีที่แท้ทรู
หมดแล้วววว สำหรับรีวิวโทนเนอร์ที่ข้าวชอบทั้ง 6 ตัว
หวังว่าทุกคนจะชอบกัน และไปซื้อตามกันน้า 55555
ใครมีอะไรงุนงง สงสัย อยากเม้ามอยก็เม้นด้านล่างได้เลย
(ป้ายยาข้าวก็ได้นะ ข้าวจิตอ่อน 55555)
วันนี้ข้าวไปแล้ว บ้ายบายจ้า > <
[CR] REVIEW :: เปิดกรุรีวิวโทนเนอร์ตัวเด็ดประจำปี 2018
ฮัลโหลลล สวัสดีค่าสาวๆทุกคนค่าาา ข้าวมาอีกแล้ววว
วันนี้ข้าวจะมาเปิดกรุรีวิวโทนเนอร์เด็ดๆ ของตัวเองให้ทุกคนฟัง
เพราะใช้ไปใช้มา ก็มีโทนเนอร์เต็มโต๊ะซะแล้ว 5555
เหมือนเห็นอะไรที่เขาว่าดีก็อยากลองไปซะหมด ลองซะเต็มโต๊ะเลย
แต่ละอันจะเป็นยังไงบ้าง ไปดูเลยค่า
ให้ดูรูปหมู่ทั้ง 6 ตัวที่จะเอามารีวิวในวันนี้ก่อนเลยยยย
คนอะไรใช้โทนเนอร์ทีเดียว 6 ตัวววว
นี่มี 6 หน้าเหรอออ (อยากตีมือตัวเองที่ซื้อมา 555)
ขอพูดเรื่องสภาพผิวของข้าวก่อน
ข้าวเป็นคนผิวค่อนข้างแห้งค่ะ ผิวไม่มันเลยยย
มีสิวขึ้นบ้าง โดยเฉพาะสิวอุดตัน ที่หน้าผาก
แต่ไม่ค่อยมีสิวอักเสบขึ้นสักเท่าไหร่ค่ะ
สำหรับโทนเนอร์ที่ข้าวใช้ ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องความชุ่มชื่นซะเป็นส่วนใหญ่
ก็ผิวแห้งอะเนาะ 555
แต่ที่ช่วยด้านอื่นๆก็มีเหมือนกัน
แต่เนื่องจากที่เอามารีวิววันนี้ 4 ใน 6 ตัวจะเน้นเรื่องความชุ่มชื่นซะเป็นส่วนใหญ่
ข้าวจะเริ่มจาก ที่ไม่ได้เน้นเรื่องความชุ่มชื่นก่อนละกันเนาะ
ตัวแรก ข้าวขอพูดถึงตัวนี้เลย
Pixi Glow Tonic
ข้าวรู้สึกว่ามันดังมากกกก ทั้งๆที่ก็ไม่มีขายในไทย เป็นแบรนด์มาจากอังกฤษ
รู้จักครั้งแรกเพราะพี่โมเมพูดถึง จากนั้นก็ได้ยิน Blogger พูดถึงอีกหลายๆคน
ทำให้เหมือนโดนสะกดจิตด้วยชื่อนี้เลยจ้า และสุดท้ายก็พรีมาในที่สุด ฮือออ
คำเคลมจากทางแบรนด์
เป็น Exfoliating Toner คือเหมือนช่วยเรื่องการผลัดเซลล์ผิว
ส่วนผสมหลักคือ Glycolic Acid หรือ AHA ผสมอยู่ 5%
ซึ่งเขาเขียนว่าจะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เผยผิวที่โกลวสวยแข็งแรงงี้
ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีพาราเบน แถมไม่ทดลองในสัตว์ด้วยนะเออออ
(มันเขียนบอกไว้หลังขวดแหละ)
ผลการใช้
กลิ่นหอมแบบแปลกๆ หอมเหมือนแป้งๆ แต่กลิ่นหอมจนฉุนเลย
ใครที่ไม่ชอบน้ำหอมหรือ skincare กลิ่นแรงๆนี่อาจจะต้องคิดหนักหน่อย
ตอนใช้แรกๆ ข้าวแสบหน้าแบบแสบยิบๆๆเลย
แต่ไม่ได้แสบนานนะ เหมือนพอเช็ดผ่านหน้าไป มันก็จะแสบตามที่เช็ดเลย
คงเพราะมันเป็นกรด จะไปช่วยผลัดเซลล์ผิวไรงี้
แต่ข้าวไม่ได้แพ้นะ แต่ถ้าคนผิวแพ้ง่ายอาจจะต้องระวังนิดนึง
รู้สึกมันเช็ดได้สะอาดหมดจดมากกกกกกกก
ปกติเช็ดแล้วสำลีไม่ค่อยมีอะไรดำๆติดเลย
พอใช้อันนี้ บางทีก็แอบมีอะไรติดๆ อาจจะเป็นซากผิวที่ตายแล้ว 5555
ใช้แล้วรู้สึกว่าหน้าใสจริง เรียบเนียน สิวไม่ค่อยมี
แต่หยุดใช้ไปช่วงนึงเพราะหน้าไปแพ้น้ำยาย้อมผม แล้วผื่นขึ้น
ใช้ตัวนี้แล้วเหมือนแรงเกิน แสบตรงผื่นยิบๆ
ข้าวว่าเหมาะกับคนที่ผิวหน้าแข็งแรงหน่อย
ช่วยให้ผิวโกลว หน้าใส ผลัดเซลล์ผิวได้ดีจริง
แต่เรื่องความชุ่มชื่นไรงี้ ข้าวว่าก็เฉยๆนะ
หาซื้อยากนิดนึง ขนาด 250ml ซื้อตามร้านหิ้วน่าจะประมาณ 1000 บาท
ตัวถัดมา เป็นตัวที่ช่วยเรื่องสิว ข้าวจัดมันมาอยู่ในประเภทโทนเนอร์เลยละกัน
เพราะมันใช้เช็ดหน้าหลังล้างหน้า
คือ Brown Lab Mild-s Daily Peeling Pads เป็นแผ่นเช็ดหน้ารักษาสิว
มันจะมาเป็นแผ่นๆที่มีน้ำโทนเนอร์ชุบอยู่แล้วเลย
เวลาใช้ก็เอาออกมาแผ่นนึง มาเช็ดๆให้ทั่วหน้า
ซึ่งความเก๋ของมันคือ สำลีมันจะมีด้านนึงเป็นปุ่มๆนูนๆขึ้นมาเลย
เวลาเอามาเช็ดๆแล้วรู้สึกเหมือนได้ขัดหน้าดี 5555
คำเคลมจากทางแบรนด์
ใช้เช็ดหลังล้างหน้า ผสมสารสกัดจาก willow tree ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ
ยับยั้งแบคทีเรีย ต้นเหตุของการเกิดสิว ช่วยรักษาสิวอุดตัน ลดการอักเสบของสิว
ให้ผิวสะอาดกระจ่างใส
ผลการใช้
ข้าวใช้เช็ดหน้าช่วงที่เป็นสิว รู้สึกเป็นโทนเนอร์ที่เช็ดหน้าได้สะอาดมากๆอีกแล้ว
เช็ดเสร็จหน้าสะอาดเว่อร์
แต่ไม่ชุ่มชื่นเลย เช็ดละเหมือนมีอะไรเคลือบๆหน้าแปลกๆอยู่เหมือนกัน
ไม่ได้รู้สึกว่าช่วยให้สิวหายเร็วขึ้นนะ แต่ช่วยให้สิวไม่อักเสบไปมากกว่าเดิม
แถมช่วงที่ใช้อันนี้ ก็ไม่มีสิวอุดตันขึ้นเท่าไหร่เหมือนกัน
คนเป็นสิวน่าจะชอบเลย แต่มันไม่ค่อยชุ่มชื่น ข้าวเลยไม่ค่อยใช้
หยิบมาใช้แต่ช่วงที่เป็นสิว
อ้อ แล้วข้าวก็รู้สึกว่าราคาแอบแรงอยู่นะ
790 บาท ได้มา 75 แผ่น ใช้ 2 เดือนก็หมดแล้วมั้ยง่ะ
เหมือนมัน fix ขนาดมาเลย (ปกติข้าวใช้โทนเนอร์เฉพาะตอนกลางคืน)
ตัวถัดมา เข้าสู่โทนเนอร์ให้ความชุ่มชื่นบ้าง
ข้าวเป็นคนที่จิตอ่อนกับอะไรที่บอกว่าจะช่วยเติมน้ำให้ผิวมาก
4 ใน 6 ของโทนเนอร์ที่ใช้ก็เป็นตัวที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นหมดเลย
ตัวแรกเลย
The Body Shop Vitamin E Hydrating Toner
ให้ความชุ่มชื่นได้ดีเลย ตัว texture มันจะไม่ได้เป็นน้ำใสๆนะ
จะมีความข้นอยู่นี้ดดดดดนึง
กลิ่นหอมดี เป็นกลิ่นหอมอ่อนๆแบบผู้ดีมากกกก
คำเคลมจากทางแบรนด์
เป็นโทนเนอร์ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว
และทำความสะอาดคราบสิ่งสกปรกและเมคอัพที่ตกค้างอยู่
พร้อมช่วยกระชับรูขุมขน
ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
ผลการใช้
เช็ดแล้วจะซึมช้าอยู่นิดนึง ในบรรดาโทนเนอร์ทั้งหมดนี้ ตัวนี้ซึมช้าสุดละ
แต่ไม่ได้เหนียวนะ แค่ซึมช้าหน่อย
แต่ให้ความชุ่มชื่นได้ดีมาก ในฐานะโทนเนอร์อะนะ
อ่อนโยน เช็ดแล้วไม่แสบไม่ไรเลย
แต่เรื่องความสะอาดนี่ สู้ 2 ตัวบนไม่ได้
คือ 2 ตัวบนอะ พอข้าวล้างหน้าอะไรเสร็จแล้ว (ซึ่งข้าวก็ว่าล้างสะอาดละนะ)
แต่พอเช็ดแล้วมันจะชอบแอบมีคราบๆนี้ดดดดนึง ติดออกมา
อาจจะเป็นพวกเซลล์ผิวที่ตายแล้วอะไรงี้หรือเปล่า
แต่ตัวนี้ไม่มีเลย เลยรู้สึกว่ายังทำความสะอาดได้ไม่เท่า 2 ตัวบน
ใช้อย่างบ้าคลั่งไป 1 ขวด และระหว่างกำลังใช้ขวดที่ 2 ก็เริ่มลองตัวอื่นๆ
จนลืมมันไปเลย 555
ราคาค่อนข้างแพงนะ 650 บาท 250ml
ตัวถัดมา เป็น Mamonde Rose Water
จิตอ่อนอีกแล้ว เหมือนมีช่วงนึงเห็นคนรีวิวหลายคน
บวก blogger หลายๆคนพูดถึง เลยไปพรีมาจากเกาหลี 555
ตอนนั้นเหมือนมันยังไม่เข้าไทยเลย ไปถามที่เคาน์เตอร์ เขาบอกไม่มี
มีแต่ต้องซื้อเป็น set รวมกับอย่างอื่น (แต่ตอนนี้มีแล้วเน้อ)
ด้วยความอยากได้มาก ตอนนั้นเลยพรีมาเลยจ้า (ทำไมโดนป้ายยาง่ายขนาดนี้ 5555)
คำเคลมจากทางแบรนด์
ส่วนผสมเขาบอกว่ามี Rose Water ถึง 90.89% เลย
คือใช้น้ำกุหลาบแทนน้ำเลย สกัดจากดอกกุหลาบบัลแกเรีย
ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น มีกลิ่นหอมอ่อนให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สดชื่น
ใช้วิธีการสกัดที่อุณหภูมิต่ำและความดันที่สูงเป็นพิเศษ
ช่วยลดความเสื่อมสภาพของส่วนผสมให้คงมีประสิทธิภาพใช้งานอย่างสม่ำเสมอ
ผลการใช้
ใช้แล้วก็ให้ความชุ่มชื่นได้ดีเลย แถมไม่มีความเหนียวเหนอะหนะ
แต่ข้าวก็ยังคิดว่าตัว The Body Shop ดีกว่าหน่อยนะ
กลิ่นหอมกุหลาบดีมากกกกกกกก เช็ดไปแล้วก็ฟินดีค่ะ
เช็ดไปดมไป
รู้สึกผ่อนคลาย อโรม่า เทอราพีไปอีกกกก
ขวดค่อนข้างใหญ่ 500ml (ตอนแรกคิดว่าใหญ่มาก จนมาเจออีกตัวในกระทู้นี้)
แต่ราคาในไทยค่อนข้างแรงมวากกก
250ml 750 บาท
เหมือนในไทยจะไม่มีไซส์ 500ml แบบที่ข้าวพรีมาด้วยนะ
ตัวถัดมา ตัวนี้ก็ดังในช่วงนี้เหมือนกัน
หาซื้อในไทยยากอีกแล้ว
ทำไมข้าวชอบซื้ออะไรแปลกๆมาใช้ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน 5555
กับ Theyers Witch Hazel Toner สูตร Rose Petal
คำเคลมจากทางแบรนด์
เป็นโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมหลักเป็น Witch Hazel และ Aloe Vera
ซึ่งเจ้า Witch Hazel เนี่ยเป็นสาร antioxidant
ช่วยลดการระคายเคือง และกระชับผิว
ส่วน Aloe Vera ช่วยให้ความชุ่มชื้น
จริงๆเขามีหลายสูตรนะ แต่ที่ข้าวซื้อมาลองเป็นสูตร Rose Petal คือผสมน้ำกุหลาบ ช่วยลดการอักเสบของผิว และเติมน้ำให้ผิว
แถมไม่มีน้ำหอม ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีพาราเบน ไม่มีสารกันเสีย ไม่มีอะไรเลยยยย (ไม่ใช่ละ 555)
เลยควรรีบใช้ให้หมดภายใน 6 เดือน หลังเปิดใช้แล้วนะคะ
ผลการใช้
นางมีกลิ่นหอมเหมือนกุหลาบเลย
แต่เป็นคนละกลิ่นกับ Mamonde อะ เหมือนเป็นกุหลาบคนละพันธุ์
เหมือนมีกลิ่นอื่นผสมอยู่ด้วย บอกไม่ถูก แต่หอมมากกกกอีกตัว
ให้ความชุ่มชื่นได้ค่อนข้างดี
ใช้แล้วเหมือนหน้าสะอาด และไม่ถึงขนาดมีอะไรติดออกมาเหมือน 2 ตัวข้างบนนู้น
แถมรู้สึกว่าทำให้สิวอุดตันที่อยู่ใต้ผิวดันตัวออกมา
คือข้าวมีสิวอุดตันอยู่ที่ตรงคิ้ว เป็นเม็ดๆแข็งๆ แล้วก็คันๆ
แต่มันก็ไม่ยอมขึ้นมาซะที
แต่พอใช้ตัวนี้แล้วมันขึ้นมาเลยอะ 555555
สรุปคือมันสามารถให้ความชุ่มชื้นได้โอเคเลย
แถมช่วยเรื่องสิวได้แบบคาดไม่ถึง
ราคานี่แล้วแต่ร้านมาก
ไซส์ 355ml ร้าน All About You ขายอยู่ที่ 890 บาทค่า
แต่ถ้าซื้อตามร้านพรีก็อาจจะถูกกว่านี้นะ
ตัวสุดท้ายยยยย ตัวนี้ภูมิใจนำเสนอ 5555
FIXNTOX Giant Waterlock Toner
เพราะมันราคาดีม้ากกกกก
ขวดใหญ่เบิ้มมาก 1000ml แต่ราคาเบาๆแค่ 550 บาท
เป็นแบรนด์ใหม่จากเกาหลี เห็นวางอยู่ที่ eveandboy ก็คว้ามาด้วยความไร้สติเลยจ้า (เห็นไซส์แล้วรู้สึกว่าต้องลอง 55)
คำเคลมจากทางแบรนด์
ช่วยล๊อคความชุ่มชื้นให้กับผิว
มี PH 5-6 ใช้ได้แม้ผิวบอบบางแพ้ง่าย
แถมไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม พาราเบน
ผลการใช้
นางให้ความชุ่มชื้นได้ค่อนข้างดีเลย
อาจจะน้อยกว่า The Body Shop หน่อย
จริงๆข้าวว่าในหมวดโทนเนอร์ให้ความชุ่มชื่น The Body Shop ทำได้ดีสุด
ส่วนอีก 3 ตัวนี้ก็คือพอๆกันนะ
แล้วนางเคลมตัวเองว่าเป็น Multi Toner ซึ่งนอกจากจะใช้เช็ดหน้าเป็นโทนเนอร์แล้ว
ก็เอามาใส่ขวดสเปรย์ฉีดระหว่างวัน หรือหยดใส่สำลีแปะเป็นมาส์กหน้าได้
ข้าวชอบเอามาหยดใส่สำลีแล้วเอามามาส์กหน้ามากกกกก
ใช้กับสำลี Silcot คือเวิร์คโครตตตตต
คือเพราะมันราคาไม่แพงมากอะ ถ้าเทียบกับขนาด แบบใหญ่มากกกก 55555
เลยกล้าเอามามาส์ก ตัวอื่นๆปกติไม่ค่อยกล้าใช้ เพราะมันแพง
นั่นแหละ หยดใส่สำลีเอามาแปะหน้าเป็นมาส์ก
จริงๆเขาเขียนว่า 5 นาที
แต่ปกติข้าวใช้สำลีของ Silcot แปะไว้ 10 นาทียังชุ่มอยู่เลย 5555
ถ้ามีเวลาก็นอนแปะไว้ 10-15 นาที
ลอกออกละนวดๆนิดนึง แล้วมันจะซึมเข้าผิวหมดเลยยย ไม่เหนียวเหนอะหนะเลย
แถมให้ความชุ่มชื่นได้ดีมากกกก ผิวฟูเด้งมาก
ใช้ละแอบรู้สึกว่ารูขุมขนกระชับขึ้นหน่อย
แต่ข้าวว่าหลักๆเพราะเอามาแปะเป็นมาส์กนี่แหละ มันทำให้เหมือนผิวฟูอิ่มน้ำ
กลิ่นหอมแบบเปรี้ยวๆสดชื่นๆหน่อย
คือข้าวพลิกดูส่วนผสม (จริงๆนี่ก็ไร้ซึ่งความรู้เรื่องนี้นะที่จริง 555)
แต่เห็นว่าเขาใส่พวกสารสกัดจากผลไม้มาเยอะมากๆ มีทั้ง Apple Orange Lemon Bergamot ซึ่งข้าวว่ามันเลยทำให้มีกลิ่นเหมือนผลไม้สดชื่นๆหน่อย
เอาใส่ขวดไปฉีดระหว่างวันก็ได้
คือขวดมันใหญ่มาก ข้าวเลยใช้แบบทั้งมาส์ก ทั้งฉีด ทั้งเช็ด 555
เทียบกับขนาดและความคุ้มค่าแล้ว
ข้าวให้เต็มสิบเลยยยย โครตดีอะ ถูกและดีที่แท้ทรู
หมดแล้วววว สำหรับรีวิวโทนเนอร์ที่ข้าวชอบทั้ง 6 ตัว
หวังว่าทุกคนจะชอบกัน และไปซื้อตามกันน้า 55555
ใครมีอะไรงุนงง สงสัย อยากเม้ามอยก็เม้นด้านล่างได้เลย
(ป้ายยาข้าวก็ได้นะ ข้าวจิตอ่อน 55555)
วันนี้ข้าวไปแล้ว บ้ายบายจ้า > <
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้