คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
อย่าเอาปัญหามาสะสมรวมกันนะครับ
เอาเรื่องเรียนก่อน ตอนนี้ไม่ทราบว่าเรียนถึงส่วนไหนแล้ว ใกล้จบหรือยัง ควรลืมทุกสิ่งอย่างแล้วโฟกัสเรื่องเรียนให้สำเร็จ เพราะเราได้เริ่มต้นเรียนมาแล้วควรทำต่อไป พยายามทำความเข้าใจกับเนื้อหาให้มากที่สุด ถ้ากำลังทำทีสิธอยู่ก็ปลดปล่อยทุกอย่างออกให้หมดทำให้หัวว่างๆ แล่วทุกอย่างจะคิดออกเอง แต่ถ้าเรียนไม่ไหวแล้ว ลองหยุดก่อนครับเพราะว่าถ้าฝืนไปมันกดดันตัวเองจนทำให้เราเป็นอยู่ ณ ปัจจุบันมันหาความสุขไม่เจอครับ
เรื่องงานที่รออยู่ อย่าเอามาคิดให้เป็นแรงกดดันเราครับ คิดไว้ตั้งใจเรียนให้จบเดี๋ยวเราก็สามารถหางานในสายงานนี้ได้เอง
เรื่องสุขภาพ ตอนนี้คุณยอมรับตัวเองว่าเครียด ก็หาเวลาไปพักผ่อน ผ่อนคลายตัวเองจากเรื่องเรียนแล้วค่อยกลับมาตั้งใจใหม่ การได้ไปพักผ่อนในยามที่เราเครียดและมีปัญหาจะช่วยได้เยอะเลยนะครับ
คุณเรียนและทำงานจนได้มาถึงจุดนี้ความสามารถของคุณคงไม่ธรรมดา ตั้งใจและพยายามทำแบบที่ผมบอก ผมคิดว่าคุณจะผ่านจุดนี้ไปได้นะครับ
เอาเรื่องเรียนก่อน ตอนนี้ไม่ทราบว่าเรียนถึงส่วนไหนแล้ว ใกล้จบหรือยัง ควรลืมทุกสิ่งอย่างแล้วโฟกัสเรื่องเรียนให้สำเร็จ เพราะเราได้เริ่มต้นเรียนมาแล้วควรทำต่อไป พยายามทำความเข้าใจกับเนื้อหาให้มากที่สุด ถ้ากำลังทำทีสิธอยู่ก็ปลดปล่อยทุกอย่างออกให้หมดทำให้หัวว่างๆ แล่วทุกอย่างจะคิดออกเอง แต่ถ้าเรียนไม่ไหวแล้ว ลองหยุดก่อนครับเพราะว่าถ้าฝืนไปมันกดดันตัวเองจนทำให้เราเป็นอยู่ ณ ปัจจุบันมันหาความสุขไม่เจอครับ
เรื่องงานที่รออยู่ อย่าเอามาคิดให้เป็นแรงกดดันเราครับ คิดไว้ตั้งใจเรียนให้จบเดี๋ยวเราก็สามารถหางานในสายงานนี้ได้เอง
เรื่องสุขภาพ ตอนนี้คุณยอมรับตัวเองว่าเครียด ก็หาเวลาไปพักผ่อน ผ่อนคลายตัวเองจากเรื่องเรียนแล้วค่อยกลับมาตั้งใจใหม่ การได้ไปพักผ่อนในยามที่เราเครียดและมีปัญหาจะช่วยได้เยอะเลยนะครับ
คุณเรียนและทำงานจนได้มาถึงจุดนี้ความสามารถของคุณคงไม่ธรรมดา ตั้งใจและพยายามทำแบบที่ผมบอก ผมคิดว่าคุณจะผ่านจุดนี้ไปได้นะครับ
แสดงความคิดเห็น
ทำร้ายตัวเองนิดหน่อย เพราะความเครียด ใครเคยเป็นบ้าง
ส่วนตัวเครียดเรื่องการเรียนมาก เรียนกลัวเรียนไม่จบ มีงานมารอแล้วแต่ไม่จบสักที
เอาจริงๆก่อนที่จะมาเรียน ป.เอก ตอนที่เตรียมตัวก็เครียดแล้ว เวลาเครียดตอนนั้นจะกัดข้อมือตัวเอง
กัดจนเป็นรอย เอาความเครียดทั้งหมดปล่อยเป็นพลังกัดให้แรงที่สุด แต่เมื่อถึงเวลาเจ็บจนทนไม่ไหวก็จะปล่อยเอง
ตอนหลังๆรู้สึกว่ามันแรงไป อีกอย่างคือเหมือนมีปัญหาที่เลือดยังไงไม่รู้ เวลากัดแล้วสักพักตรงรอยกัดจะคันมาก
ก็เลยพยายามหาวิธีอื่น
ตอนนี้หลายปีนี้คือการตบหัวตัวเองแรงๆอ่ะค่ะ มันเครียดจนทนไม่ไหวไม่จริงๆ หายใจหอบ เหมือนว่าอะไรๆก็ไม่ทำไม่ได้ดั่งใจ
นานมากแล้วที่ได้หัวเราะแบบมีความสุข เอาจริงๆคือจำไม่ได้แล้วว่ายิ้มหรือหัวเราะเพราะตัวเองมีความสุขและสบายอย่างแท้จริงมันเมื่อไหร่กันแน่
หลังๆเวลาถ่ายรูปน้องบอกว่ายิ้มเจื่อนมากทั้งๆที่พยายามยิ้มถ่ายรูปให้ดูดี หน้าตาก็ทรุดโทรม เครียดก็เครียด แต่ก็พยายามดูละครดูทีวีฟังเพลงแก้เครียด
แต่พอดูเสร็จเหมือนไปกินเวลาทำงาน เครียดเหมือนเดิม แล้วก็ตบหัวตัวเอง
ปัญหาคือระยะหวังๆ เวลาตบหัว ตาขวามันจะขยับ คือรู้สึกได้ถึงความสั่นสะเทือน ตอนแรกไม่ได้คิดอะไร มันก็สมองอ่ะนะที่ทุบไป
ช่วงนี้มาดูกระจกเหมือนว่าหน้ามันหย่อนไปข้างนึง ไม่อยากตบหัวตัวเองแล้ว แต่มันไม่มีทางระบายจริงๆ ทุบโต๊ะตะโกน ก็ไม่อยากทำเพราะไม่อยากให้คนรอบข้างต้องได้ยินแล้วเป็นห่วง
นับวันยิ่งอยู่ในโลกของตัวเอง รอคอยวันไหนเมื่อไหร่จะหลุดพ้น แต่ตวามทุกข์มันไม่ได้ทำให้ขยันขึ้น มันทำให้อยากผ่อนคลายอยากทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่เรื่องเรียนไปแล้ว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเเข้าข่ายโรคซึมเศร้ามั้ยเพราะไม่อยากกระโตกกระตากไปหาหมอ
เมื่อก่อนตอนเริ่มกัดข้อมือตัวเองแรกๆ เคยโทรสายปรึกษาสุขภาพจิตบอกเขาทุกอย่างเรื่องที่เรากังวล ร้องไห้หนักมาก เขาเป็นผู้ฟังที่ดีมาก
แต่คำแนะนำของพี่ๆคือให้ออกกำลังกาย ให้คิดว่าตัวเองจะทำทำไม บอกตามตรงว่ามันคิดไม่ได้แล้วอ่ะค่ะ ถ้าคิดได้ คงไม่ทำมาหลายปี
ความเครียดมันน่ากลัวมากน่ะ แต่เอาจริงๆหาที่ระบายที่ไหนไม่ได้เลย จริงๆอยากมีความสุข อยากยิ้มหัวเราะได้ เกลียดที่ตัวเองเป็นคนคิดมาก คิดฟุ้งซ่าน
ใครก็ได้บอกทีว่าควรทำยังไง ในโลกที่แคบมากๆไปไหนก็ไม่ได้ เพราะยังไงก็ต้องเรียนให้จบให้ได้ถึงจะปลดพันธนาการ แต่มันแทบจะก้าวเท้าเดินไม่ไหว ใครๆก็บอกว่ามันเป็นหนทางดี มีอนาคต เอาจริงๆเถอะ ตัววัดบรรทัดฐาน คนที่ตัดสินคือตัวเรา เราพลาดไปที่ยอมทำตาม ทนทุกข์มาถึงเวลานี้