COURTESY OF WARNER BROS.
ตำนานของฉลามยักษ์ยุคดึกดำบรรพ์ "เม็กกาโลดอน" ที่มีขนาดมหึมาและล่าวาฬเป็นอาหาร กลับมาอยู่ในความสนใจของผู้คนอีกครั้ง หลังภาพยนตร์แนวสยองขวัญเรื่อง The Meg ออกฉาย แต่ภาพลักษณ์และเรื่องราวของฉลามที่สูญพันธ์ไปแล้วหลายล้านปีนี้ ถูกนำเสนอใหม่โดยไม่ตรงกับข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์นัก
สูญพันธุ์ไปแล้วแน่หรือ ?
มีหลักฐานยืนยันว่าเม็กกาโลดอนซึ่งเรียกได้ว่าเป็นไดโนเสาร์แห่งเผ่าพันธุ์ฉลาม ได้สูญพันธุ์ไปจากโลกเมื่อราว 2.6 ล้านปีก่อน แต่ก็ยังคงมีข่าวเล่าลือในยุคปัจจุบันว่ามีผู้พบเห็นฉลามขนาดใหญ่ผิดสังเกตในน่านน้ำหลายแห่ง ซึ่งภาพยนตร์เรื่อง The Meg ได้นำมาเป็นท้องเรื่องที่เล่าขานว่า ยังคงมีเม็กกาโลดอนรอดชีวิตและดำรงเผ่าพันธุ์มาจนถึงปัจจุบัน โดยหลบซ่อนอยู่ในมหาสมุทรลึกนอกชายฝั่งของประเทศจีน
Image copyrightCOURTESY OF WARNER BROS.
ในภาพยนตร์เรื่อง The Meg ฉลามยักษ์ดึกดำบรรพ์เม็กกาโลดอนยังคงมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ดร. คาตาลีนา ปีเมียนโต ผู้เชี่ยวชาญทางบรรพชีวินวิทยาจากมหาวิทยาลัยสวอนซีของสหราชอาณาจักรบอกว่า เม็กกาโลดอนนั้นได้สูญพันธุ์ไปแล้วอย่างสิ้นเชิง โดยไม่ต้องสงสัยเลยว่าข่าวเรื่องการพบเห็นฉลามยักษ์นั้นล้วนเป็นเรื่องโกหกหลอกลวงทั้งสิ้น
"เรามีหลักฐานที่ชี้ว่าเม็กกาโลดอนน่าจะอาศัยและหากินในน้ำตื้นใกล้ชายฝั่ง โดยเฉพาะส่วนที่ลึกไม่เกิน 200 เมตร ซึ่งหากพวกมันยังคงมีชีวิตอยู่จริง จะต้องมีผู้พบเห็นได้บ่อยครั้งกว่านี้ และเห็นได้ชัดเจนจนสามารถบันทึกภาพไว้ได้แล้ว" ดร. ปีเมียนโตกล่าว
"เม็กกาโลดอนไม่ได้หลบซ่อนตัวอยู่แต่ในส่วนลึกของมหาสมุทรอย่างที่คนทั่วไปเข้าใจกัน พวกมันใช้บริเวณน้ำตื้นอย่างเช่นอ่าวปานามาเป็นแหล่งอนุบาลลูกที่ยังเล็กอยู่ด้วย โดยเราพบฟอสซิลฟันของเม็กกาโลดอนที่ยังไม่โตเต็มวัยจำนวนมากในน้ำตื้น"
Getty Images
ฉลามวาฬอาจโตเต็มที่จนมีขนาดเท่ากับเม็กกาโลดอนได้ แต่พวกมันกินแพลงก์ตอนเป็นอาหารเท่านั้น
ตัวใหญ่แค่ไหนกันแน่ ?
เรื่องราวในภาพยนตร์ระบุว่าเม็กกาโลดอนมีขนาดใหญ่ราว 22-27 เมตร ซึ่งเกินความเป็นจริงไปมาก เนื่องจากการคาดคะเนขนาดและรูปร่างของมันจากฟอสซิลฟันขนาดใหญ่ที่สุดที่เหลืออยู่ ซึ่งมีความยาว 16.8 เซนติเมตร ทำให้ประมาณได้ว่าเม็กกาโลดอนน่าจะมีขนาด 16-18 เมตร เท่ากับรถบัสสองชั้นจำนวนสองคันต่อกัน และอาจมีน้ำหนักได้ถึง 100 ตัน
การที่โครงกระดูกของฉลามส่วนใหญ่เป็นกระดูกอ่อน ทำให้แทบไม่หลงเหลืออวัยวะที่แข็งพอจนสามารถกลายเป็นฟอสซิลให้เราศึกษาได้ การคาดคะเนว่าเม็กกาโลดอนมีรูปร่างอย่างไรแน่จึงทำได้ยาก แม้คนส่วนใหญ่และภาพยนตร์ฮอลลีวูดจะจินตนาการให้มันมีลักษณะคล้ายฉลามขาว (Great white shark) ที่ตัวใหญ่ขึ้น 30 เท่า แต่ก็อาจจะไม่ถูกต้องนัก
แผนภาพแสดงขนาดฉลามเม็กกาโลดอน
เม็กกาโลดอนกินคนหรือเปล่า ?
หลักฐานจากรอยกัดบนฟอสซิลกระดูกวาฬและโลมาที่มีชีวิตอยู่ในยุคเดียวกับเม็กกาโลดอนชี้ว่า พวกมันคืออาหารของฉลามยักษ์ดึกดำบรรพ์นี้อย่างแน่นอน ซึ่งดร.ปีเมียนโตเห็นว่าเม็กกาโลดอนมีความสามารถในการหาอาหารที่น่าทึ่ง เพราะร่างกายที่ใหญ่โตต้องการอาหารปริมาณมากในแต่ละวัน
อย่างไรก็ตาม ดร. ปีเมียนโตคาดว่าขนาดตัวที่ใหญ่มหึมา ไม่น่าจะทำให้เม็กกาโลดอนมีนิสัยเป็นผู้ล่าที่ว่องไวมากนัก แต่อาจจะเป็นนักกินซากตัวฉกาจมากกว่า "ฉลามเป็นเผ่าพันธุ์นักฉวยโอกาส ถ้ามันเจอสัตว์ที่ล่าได้ก็จะล่า แต่ถ้าเจอซากก็ไม่ลังเลที่จะกินเหมือนกัน หากเม็กกาโลดอนยังมีชีวิตอยู่ มนุษย์อาจเป็นมื้ออาหารที่เล็กน้อยเกินไปจนไม่คุ้มที่จะใช้พลังงานออกล่า"
ทำไมจึงสูญพันธุ์ ?
หลายคนอาจคิดว่าขนาดตัวที่ใหญ่เกินไปทำให้เม็กกาโลดอนหมดไปจากโลก แต่ที่จริงแล้วนักบรรพชีวินวิทยาพบว่า เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ระดับน้ำทะเลเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันเมื่อหลายล้านปีก่อนมากกว่า
การที่ระดับน้ำทะเลลดลงส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบนิเวศชายฝั่งที่เม็กกาโลดอนอาศัยอยู่ ทำให้พื้นที่ในการหาอาหารมีไม่เพียงพอ จนสัตว์ทะเลยุคโบราณ 36% ซึ่งรวมถึงฉลาม เต่า วาฬและโลมาหลายชนิดพันธุ์ต้องตายลง หลังเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นไม่กี่ล้านปี เปิดทางให้ฉลามขาวมีวิวัฒนาการขึ้นมาแทนจนเป็นยอดนักล่าแห่งท้องทะเลในปัจจุบัน
BBC/NEWS/ไทย
4 เรื่องจริงของฉลามยักษ์ “เม็กกาโลดอน” ที่ต่างจากหนังดังอย่างสิ้นเชิง
COURTESY OF WARNER BROS.
ตำนานของฉลามยักษ์ยุคดึกดำบรรพ์ "เม็กกาโลดอน" ที่มีขนาดมหึมาและล่าวาฬเป็นอาหาร กลับมาอยู่ในความสนใจของผู้คนอีกครั้ง หลังภาพยนตร์แนวสยองขวัญเรื่อง The Meg ออกฉาย แต่ภาพลักษณ์และเรื่องราวของฉลามที่สูญพันธ์ไปแล้วหลายล้านปีนี้ ถูกนำเสนอใหม่โดยไม่ตรงกับข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์นัก
สูญพันธุ์ไปแล้วแน่หรือ ?
มีหลักฐานยืนยันว่าเม็กกาโลดอนซึ่งเรียกได้ว่าเป็นไดโนเสาร์แห่งเผ่าพันธุ์ฉลาม ได้สูญพันธุ์ไปจากโลกเมื่อราว 2.6 ล้านปีก่อน แต่ก็ยังคงมีข่าวเล่าลือในยุคปัจจุบันว่ามีผู้พบเห็นฉลามขนาดใหญ่ผิดสังเกตในน่านน้ำหลายแห่ง ซึ่งภาพยนตร์เรื่อง The Meg ได้นำมาเป็นท้องเรื่องที่เล่าขานว่า ยังคงมีเม็กกาโลดอนรอดชีวิตและดำรงเผ่าพันธุ์มาจนถึงปัจจุบัน โดยหลบซ่อนอยู่ในมหาสมุทรลึกนอกชายฝั่งของประเทศจีน
Image copyrightCOURTESY OF WARNER BROS.
ในภาพยนตร์เรื่อง The Meg ฉลามยักษ์ดึกดำบรรพ์เม็กกาโลดอนยังคงมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ดร. คาตาลีนา ปีเมียนโต ผู้เชี่ยวชาญทางบรรพชีวินวิทยาจากมหาวิทยาลัยสวอนซีของสหราชอาณาจักรบอกว่า เม็กกาโลดอนนั้นได้สูญพันธุ์ไปแล้วอย่างสิ้นเชิง โดยไม่ต้องสงสัยเลยว่าข่าวเรื่องการพบเห็นฉลามยักษ์นั้นล้วนเป็นเรื่องโกหกหลอกลวงทั้งสิ้น
"เรามีหลักฐานที่ชี้ว่าเม็กกาโลดอนน่าจะอาศัยและหากินในน้ำตื้นใกล้ชายฝั่ง โดยเฉพาะส่วนที่ลึกไม่เกิน 200 เมตร ซึ่งหากพวกมันยังคงมีชีวิตอยู่จริง จะต้องมีผู้พบเห็นได้บ่อยครั้งกว่านี้ และเห็นได้ชัดเจนจนสามารถบันทึกภาพไว้ได้แล้ว" ดร. ปีเมียนโตกล่าว
"เม็กกาโลดอนไม่ได้หลบซ่อนตัวอยู่แต่ในส่วนลึกของมหาสมุทรอย่างที่คนทั่วไปเข้าใจกัน พวกมันใช้บริเวณน้ำตื้นอย่างเช่นอ่าวปานามาเป็นแหล่งอนุบาลลูกที่ยังเล็กอยู่ด้วย โดยเราพบฟอสซิลฟันของเม็กกาโลดอนที่ยังไม่โตเต็มวัยจำนวนมากในน้ำตื้น"
Getty Images
ฉลามวาฬอาจโตเต็มที่จนมีขนาดเท่ากับเม็กกาโลดอนได้ แต่พวกมันกินแพลงก์ตอนเป็นอาหารเท่านั้น
ตัวใหญ่แค่ไหนกันแน่ ?
เรื่องราวในภาพยนตร์ระบุว่าเม็กกาโลดอนมีขนาดใหญ่ราว 22-27 เมตร ซึ่งเกินความเป็นจริงไปมาก เนื่องจากการคาดคะเนขนาดและรูปร่างของมันจากฟอสซิลฟันขนาดใหญ่ที่สุดที่เหลืออยู่ ซึ่งมีความยาว 16.8 เซนติเมตร ทำให้ประมาณได้ว่าเม็กกาโลดอนน่าจะมีขนาด 16-18 เมตร เท่ากับรถบัสสองชั้นจำนวนสองคันต่อกัน และอาจมีน้ำหนักได้ถึง 100 ตัน
การที่โครงกระดูกของฉลามส่วนใหญ่เป็นกระดูกอ่อน ทำให้แทบไม่หลงเหลืออวัยวะที่แข็งพอจนสามารถกลายเป็นฟอสซิลให้เราศึกษาได้ การคาดคะเนว่าเม็กกาโลดอนมีรูปร่างอย่างไรแน่จึงทำได้ยาก แม้คนส่วนใหญ่และภาพยนตร์ฮอลลีวูดจะจินตนาการให้มันมีลักษณะคล้ายฉลามขาว (Great white shark) ที่ตัวใหญ่ขึ้น 30 เท่า แต่ก็อาจจะไม่ถูกต้องนัก
แผนภาพแสดงขนาดฉลามเม็กกาโลดอน
เม็กกาโลดอนกินคนหรือเปล่า ?
หลักฐานจากรอยกัดบนฟอสซิลกระดูกวาฬและโลมาที่มีชีวิตอยู่ในยุคเดียวกับเม็กกาโลดอนชี้ว่า พวกมันคืออาหารของฉลามยักษ์ดึกดำบรรพ์นี้อย่างแน่นอน ซึ่งดร.ปีเมียนโตเห็นว่าเม็กกาโลดอนมีความสามารถในการหาอาหารที่น่าทึ่ง เพราะร่างกายที่ใหญ่โตต้องการอาหารปริมาณมากในแต่ละวัน
อย่างไรก็ตาม ดร. ปีเมียนโตคาดว่าขนาดตัวที่ใหญ่มหึมา ไม่น่าจะทำให้เม็กกาโลดอนมีนิสัยเป็นผู้ล่าที่ว่องไวมากนัก แต่อาจจะเป็นนักกินซากตัวฉกาจมากกว่า "ฉลามเป็นเผ่าพันธุ์นักฉวยโอกาส ถ้ามันเจอสัตว์ที่ล่าได้ก็จะล่า แต่ถ้าเจอซากก็ไม่ลังเลที่จะกินเหมือนกัน หากเม็กกาโลดอนยังมีชีวิตอยู่ มนุษย์อาจเป็นมื้ออาหารที่เล็กน้อยเกินไปจนไม่คุ้มที่จะใช้พลังงานออกล่า"
ทำไมจึงสูญพันธุ์ ?
หลายคนอาจคิดว่าขนาดตัวที่ใหญ่เกินไปทำให้เม็กกาโลดอนหมดไปจากโลก แต่ที่จริงแล้วนักบรรพชีวินวิทยาพบว่า เรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ระดับน้ำทะเลเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันเมื่อหลายล้านปีก่อนมากกว่า
การที่ระดับน้ำทะเลลดลงส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบนิเวศชายฝั่งที่เม็กกาโลดอนอาศัยอยู่ ทำให้พื้นที่ในการหาอาหารมีไม่เพียงพอ จนสัตว์ทะเลยุคโบราณ 36% ซึ่งรวมถึงฉลาม เต่า วาฬและโลมาหลายชนิดพันธุ์ต้องตายลง หลังเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นไม่กี่ล้านปี เปิดทางให้ฉลามขาวมีวิวัฒนาการขึ้นมาแทนจนเป็นยอดนักล่าแห่งท้องทะเลในปัจจุบัน
BBC/NEWS/ไทย