เด็กหญิง 5 ขวบพูดได้ 3 ภาษา ช่วยแม่ขายของหน้าหาดคลองแห้ง จ.กระบี่ เผยชอบที่ได้ออกมาช่วยแม่ขายของ ไม่เคยบ่นว่าเหนื่อย ถ้ามีเงินจะส่งให้พี่เรียนวันนี้ (13 ส.ค.) ที่บริเวณหาดคลองแห้ง หรือหาดนพรัตน์ธารา ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ได้มีแม่ค้าตัวน้อยวัยแค่ 5 ขวบ เดินหิ้วตะกร้า 2 ใบ พร้อมกระเป๋าสะพาย ตระเวนขายผลไม้ น้ำปลาหวาน ขนม แก่นักท่องเที่ยวตามแนวร่มไม้ บริเวณชายหาดอย่างสนุกสนาน
ซึ่งเด็กหญิงคนดังกล่าวเป็นคนที่น่ารักน่าเอ็นดู จะคอยแนะนำสินค้า และ สามารถคิดคำนวณ และทอนเงินให้ลูกค้าได้อย่างถูกต้อง และยังสามารถสื่อสารกับชาวต่างชาติ ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษามลายู และภาษาจีน ได้เป็นที่น่าชื่นชมของผู้พบเห็น
จากการสอบถามเด็กหญิงคนดังกล่าว ทราบชื่อคือ น้องเฟิร์น หรือ ด.ญ.วรัสยา ปฏิมินต์ อายุ 5 ขวบ มาช่วยแม่ขายของบริเวณดังกล่าว ซึ่งเปิดเป็นร้านขายเครื่องดื่มจำพวกน้ำปั่น และผลไม้ อยู่บริเวณใกล้เคียงโดยน้องเฟิร์น จะหิ้วตะกร้าไปคอยแนะนำว่ามีอะไรขายบ้าง ส่วนชาวต่างชาติ น้องเฟิร์นทก็จะกล่าวทักทายเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมแนะนำสินค้าเป็นภาษาอังกฤษ เป็นที่ถูกใจของนักท่องเที่ยว ช่วยกันอุดหนุนไม่ขาดสาย ด้าน น.สสุณีย์ ปฏิมินทร์ อายุ 45 ปี แม่ของน้องเฟิร์น เล่าว่า ปัจจุบันน้องเฟิร์น เรียนอยู่ที่โรงเรียนกิติวิทยานุสรณ์ ชั้นอนุบาล 3/3 เป็นคนร่าเริง พูดเก่ง ช่างสังเกต ติดตามแม่ค้าขายมาตั้งแต่เล็ก มักจะชอบแอบฟังแม่เวลาพูดกับลูกค้า จึงขออาสาช่วยขายของให้แม่ พอให้ลองทำดู ปรากฏว่า ลูกสามารถขายได้ ที่สำคัญน้องเฟิร์นสามารถฟัง และเข้าใจได้เร็ว รวมถึงสามารถสื่อสารกับชาวต่างชาติได้ โดยน้องเฟิร์น ได้เรียนภาษาที่โรงเรียนเพราะมีการสอน 3 ภาษา ประกอบด้วย ภาษา มลายู อังกฤษ จีน โดยเฉพาะภาษามลายู น้องเฟิร์นจะได้มาจากประสบการณ์ที่อยู่หน้าร้าน ซึ่งบ่อยครั้งที่มีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียมาท่องเที่ยวชายหาด น้องเฟิร์นก็จะพูดโต้ตอบกับนักท่องเที่ยวได้ ส่วนภาษาอังกฤษ และจีนได้มาจากการเรียนรู้ในห้องเรียนน.ส.สุณีย์ เปิดเผยอีกว่า ปัจจุบันตนต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพัง และมีลูก 2 คน คือน้องเฟิร์น และพี่ชายน้องเฟิร์น อีก 1 คน เนื่องจากสามีได้แยกทางไปตั้งแต่น้องเฟิร์นยังเล็ก ตนจึงยึดอาชีพค้าขายเลี้ยงครอบครัว ส่วนตัวไม่อยากให้ลูกมาเดินขายของ เพราะไม่ใช่งานของเด็ก กลัวลูกเหนื่อย อยากให้ลูกได้เล่นกับเพื่อนเหมือนเด็กทั่วไป แต่น้องเฟิร์น คะยั้นคะยออาสาช่วย จึงให้ลองทำดู ปรากฏว่า ลูกสามารถขายได้ จึงไม่อยากขัดใจลูก เนื่องจากเห็นว่าลูกสนุกกับการค้าขายไม่เคยบ่นว่าเหนื่อยจึงต้องปล่อยไป แต่ก็ไม่ให้ไปไกลสายตา หรือห่างจากร้านมากนัก นอกจากนี้ ยังย้ำเตือนลูกเสมอ ห้ามรบกวนนักท่องเที่ยว ห้ามขออาหารนักท่องเที่ยวกิน แม้แต่เพื่อนแม่ ซึ่งน้องเฟิร์น ก็เชื่อฟังเป็นอย่างดีทั้งนี้ น้องเฟิร์นมักใช้เวลาช่วงหลังเลิกเรียน หรือช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ มาช่วยแม่ขายของ โดยไม่ให้กระทบต่อการเรียน และเวลาในการทำการบ้านแต่อย่างใด ขณะที่ น้องเฟิร์น กล่าวว่า เวลาขายของจะบอกลูกค้าว่าอร่อยนะ ถ้าทานแล้วไม่อร่อย สามารถคืนได้นะคะ แต่ส่วนใหญ่ลูกค้าซื้อแล้วซื้อเลย ส่วนที่เดินขาของนั้นต้องการช่วยแม่หารายได้เพิ่ม เนื่องจากที่ร้านต้องรอลูกค้ามาหาขายได้บ้างไม่ได้บ้าง ส่วนของตนมักจะขายได้อยู่บ่อยครั้ง บางวันช่วงวันหยุดยาวนักท่องเที่ยวเยอะ ขายได้ขั้นต่ำอยู่ที่ประมาณ 500-700 บาท อีกทั้งสนุกกับการเดินขายของ ไม่รู้สึกเหนื่อย และชอบมาก หากมีเงินเยอะๆ ก็จะได้นำไปจ่ายค่าเทอม นอกจากนี้ จะได้ส่งให้พี่ชายเรียน แล้วเมื่อพี่เรียนจบก็จะได้ส่งน้องเฟิร์นเรียนต่ออีก
ขอบคุณความกตัญญูช่วยคุณแม่ทำงาน พร้อมพูดได้ 3 ภาษา จ.กระบี่
ซึ่งเด็กหญิงคนดังกล่าวเป็นคนที่น่ารักน่าเอ็นดู จะคอยแนะนำสินค้า และ สามารถคิดคำนวณ และทอนเงินให้ลูกค้าได้อย่างถูกต้อง และยังสามารถสื่อสารกับชาวต่างชาติ ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษามลายู และภาษาจีน ได้เป็นที่น่าชื่นชมของผู้พบเห็น
จากการสอบถามเด็กหญิงคนดังกล่าว ทราบชื่อคือ น้องเฟิร์น หรือ ด.ญ.วรัสยา ปฏิมินต์ อายุ 5 ขวบ มาช่วยแม่ขายของบริเวณดังกล่าว ซึ่งเปิดเป็นร้านขายเครื่องดื่มจำพวกน้ำปั่น และผลไม้ อยู่บริเวณใกล้เคียงโดยน้องเฟิร์น จะหิ้วตะกร้าไปคอยแนะนำว่ามีอะไรขายบ้าง ส่วนชาวต่างชาติ น้องเฟิร์นทก็จะกล่าวทักทายเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมแนะนำสินค้าเป็นภาษาอังกฤษ เป็นที่ถูกใจของนักท่องเที่ยว ช่วยกันอุดหนุนไม่ขาดสาย ด้าน น.สสุณีย์ ปฏิมินทร์ อายุ 45 ปี แม่ของน้องเฟิร์น เล่าว่า ปัจจุบันน้องเฟิร์น เรียนอยู่ที่โรงเรียนกิติวิทยานุสรณ์ ชั้นอนุบาล 3/3 เป็นคนร่าเริง พูดเก่ง ช่างสังเกต ติดตามแม่ค้าขายมาตั้งแต่เล็ก มักจะชอบแอบฟังแม่เวลาพูดกับลูกค้า จึงขออาสาช่วยขายของให้แม่ พอให้ลองทำดู ปรากฏว่า ลูกสามารถขายได้ ที่สำคัญน้องเฟิร์นสามารถฟัง และเข้าใจได้เร็ว รวมถึงสามารถสื่อสารกับชาวต่างชาติได้ โดยน้องเฟิร์น ได้เรียนภาษาที่โรงเรียนเพราะมีการสอน 3 ภาษา ประกอบด้วย ภาษา มลายู อังกฤษ จีน โดยเฉพาะภาษามลายู น้องเฟิร์นจะได้มาจากประสบการณ์ที่อยู่หน้าร้าน ซึ่งบ่อยครั้งที่มีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียมาท่องเที่ยวชายหาด น้องเฟิร์นก็จะพูดโต้ตอบกับนักท่องเที่ยวได้ ส่วนภาษาอังกฤษ และจีนได้มาจากการเรียนรู้ในห้องเรียนน.ส.สุณีย์ เปิดเผยอีกว่า ปัจจุบันตนต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพัง และมีลูก 2 คน คือน้องเฟิร์น และพี่ชายน้องเฟิร์น อีก 1 คน เนื่องจากสามีได้แยกทางไปตั้งแต่น้องเฟิร์นยังเล็ก ตนจึงยึดอาชีพค้าขายเลี้ยงครอบครัว ส่วนตัวไม่อยากให้ลูกมาเดินขายของ เพราะไม่ใช่งานของเด็ก กลัวลูกเหนื่อย อยากให้ลูกได้เล่นกับเพื่อนเหมือนเด็กทั่วไป แต่น้องเฟิร์น คะยั้นคะยออาสาช่วย จึงให้ลองทำดู ปรากฏว่า ลูกสามารถขายได้ จึงไม่อยากขัดใจลูก เนื่องจากเห็นว่าลูกสนุกกับการค้าขายไม่เคยบ่นว่าเหนื่อยจึงต้องปล่อยไป แต่ก็ไม่ให้ไปไกลสายตา หรือห่างจากร้านมากนัก นอกจากนี้ ยังย้ำเตือนลูกเสมอ ห้ามรบกวนนักท่องเที่ยว ห้ามขออาหารนักท่องเที่ยวกิน แม้แต่เพื่อนแม่ ซึ่งน้องเฟิร์น ก็เชื่อฟังเป็นอย่างดีทั้งนี้ น้องเฟิร์นมักใช้เวลาช่วงหลังเลิกเรียน หรือช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ มาช่วยแม่ขายของ โดยไม่ให้กระทบต่อการเรียน และเวลาในการทำการบ้านแต่อย่างใด ขณะที่ น้องเฟิร์น กล่าวว่า เวลาขายของจะบอกลูกค้าว่าอร่อยนะ ถ้าทานแล้วไม่อร่อย สามารถคืนได้นะคะ แต่ส่วนใหญ่ลูกค้าซื้อแล้วซื้อเลย ส่วนที่เดินขาของนั้นต้องการช่วยแม่หารายได้เพิ่ม เนื่องจากที่ร้านต้องรอลูกค้ามาหาขายได้บ้างไม่ได้บ้าง ส่วนของตนมักจะขายได้อยู่บ่อยครั้ง บางวันช่วงวันหยุดยาวนักท่องเที่ยวเยอะ ขายได้ขั้นต่ำอยู่ที่ประมาณ 500-700 บาท อีกทั้งสนุกกับการเดินขายของ ไม่รู้สึกเหนื่อย และชอบมาก หากมีเงินเยอะๆ ก็จะได้นำไปจ่ายค่าเทอม นอกจากนี้ จะได้ส่งให้พี่ชายเรียน แล้วเมื่อพี่เรียนจบก็จะได้ส่งน้องเฟิร์นเรียนต่ออีก