วันนี้แม่บ้านชานเรือน จะมาแนะนำอาการของคนท้อง สัญญาณของการเป็นแม่คนให้คุณแม่ๆ ได้ลองสังเกตอาการตัวเองว่าอาการที่คุณเป็นอยู่นั้น เหมือนอย่างที่เราบอกมั้ยนะคะ
การตั้งครรภ์สัปดาห์แรกอาจยังไม่รู้ตัว หากเคยดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ แต่ถ้ารู้ว่าตั้งครรภ์ ควรเลิกดื่มนะคะ
พอมาสัปดาห์ที่สองแล้วจะมีอาการต่างๆ เกิดขึ้น หากคุณกำลังสงสัยว่าตัวเองท้อง ลองสังเกตอาการดูค่ะ
อาการแบบนี้ใช่อาการคนท้องหรือไม่ ที่สมาชิกอาจจะสงสัยกัน ลองเช็คดูอาการเหล่านี้ดูนะคะ
อาการเริ่มแรกของคุณแม่ตั้งครรภ์ คือ
1. ประจำเดือนขาด
2. จมูกไวต่อกลิ่น
3. คลื่นไส้ อาเจียน มักมีอาการช่วงเช้าหรือมีอาการมากในช่วงเช้า
4. วิงเวียน หน้ามืด
5. อยากทานอาหารแปลกๆ
6. มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หายใจถี่ อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย เศร้าง่าย โมโหง่าย
7. ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้น ร้อนง่าย อึดอัด เหงื่อออก
8. อาจปวดศีรษะบ่อยขึ้น
9. มีการเปลี่ยนแปลงของเต้านม เต้านมและหัวนมขยายใหญ่ขึ้น อาจทำให้รู้สึกเจ็บ บวม ตึง บริเวณเต้านมและหัวนม
10. ปัสสาวะบ่อยๆ มีสีเข้มขึ้น เกิดจากการทำงานของไตมากขึ้นกว่าปกติ เนื่องจากปริมาณของเลือดในร่างกายเพิ่มมากขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ จึงทำให้เลือดผ่านไปที่ไตมากกว่าเดิม บริเวณเชิงกรานมีเลือดมาหล่อเลี้ยงมากยิ่งขึ้นเพราะว่าตัวอ่อนต้องการเลือดมาหล่อเลี้ยง ซึ่งทำให้ขนาดมดลูกโตขึ้นจึงกดเบียดทับกระเพาะปัสสาวะกระตุ้นให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น
11. ท้องผูกกว่าปกติ เนื่องจากว่าถ้าหากมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นมาแล้วจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายคือจะเริ่มมีการบีบตัวของลำไส้ลดลงมา และทับมดลูก ซึ่งการทับมดลูกนั้นยังลามไปถึงการทับลำไส้ใหญ่อีกด้วย จึงทำให้คุณแม่เกิดอาการท้องผูกมากขึ้น แก้ไขอาการดังกล่าวได้ จาการทานผักผลไม้ที่เส้นใยสูง ดื่มน้ำให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ
12. เมื่อมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น อาจจะมีเลือดไหลออกมาจากทางมดลูก แต่นั่นไม่ใช่ประจำเดือน เพราะว่าจะมีสีชมพูออกมาในปริมาณเพียงเล็กน้อยเป็นระยะเวลา 1-2 วัน อาการเลือดล้างหน้าเด็กอาจไม่เกิดกับผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ทุกคน
13. มีตกขาว ตกขาวนี้เกิดขึ้นเพราะว่ามีเลือดมาคลั่งในบริเวณช่องคลอด คอมดลูก และบริเวณต่างๆจึงทำให้มีการผลิตน้ำออกมาจากช่องคลอดมากขึ้น และอาจจะทำให้แบคทีเรียมีการเปลี่ยนแปลงทำให้เซลล์บริเวณรอบๆ หลุดลอกออกมา และกลายเป็นตกขาวขุ่น เหนียว แต่จะไม่มีอาการคัน ถ้าหากว่ามีสี มีกลิ่นที่ผิดปกติควรที่จะปรึกษาแพทย์ว่ามีการติดเชื้อหรือไม่
เมื่อทราบว่าตั้งครรภ์แล้ว ควรทำยังไงดี?
เมื่อมีการตั้งครรภ์แล้วควรทำอย่างไรบ้างระหว่างการตั้งครรภ์
1.
การหาสถานที่สำหรับการฝากครรภ์
เมื่อคุณแม่ตรวจพบได้ว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นมา ควรที่จะหาสถานที่ฝากครรภ์ โรงพยาบาลหรือสถานที่ที่คุณแม่ฝากครรภ์นั้น จะตรวจสอบร่างกายของคุณแม่ตรวจเลือดหาโรคแทรกซ้อนต่างๆ เช่น ตรวจเลือดหาพาหะธาลัสซีเมีย บางโรงพยาบาลอาจจตรวจทั้งคุณพ่อคุณแม่ หรือบางโรงพยาบาลตรวจแค่คุณแม่ และอาจมีการฉีดวัคซีนกันบาดทะยักให้กับคุณแม่อีกด้วย โดยคุณหมอจะวินิจฉัยและนัดคุณแม่เป็นช่วงๆ เพื่อป้องกันอันตรายต่อคุณแม่และทารกในครรภ์ บางโรงพยาบาลคุณหมอจะสั่งยาบำลุงเลือด โฟลิก วิตามินรวม และแคลเซียมให้ คุณแม่ควรตรวจสอบสิทธิ์ที่มีเพื่อเลือกสถานพยาบาลด้วยนะคะ
2.
ควรออกกำลังกายระหว่างการตั้งครรภ์
การตั้งครรภ์สามารถที่จะออกกำลังกายได้ เพราะคนท้องไม่ใช่คนป่วย คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถออกกำลังกายได้แบบเบาๆ หรือจะโยคะเบาๆ ก็ได้ แต่อย่าหักโหมเกินไปนะคะ การออกกำลังกายจะช่วยให้ระบบเลือดไหลเวียนได้ดี ลดอาการตะคริวและปวดเมื่อย ควบคุมน้ำหนักทำให้น้ำหนักเพิ่มไม่มาก ลดอาการท้องผูก ยังมีโอกาสคลอดลูกได้ง่ายค่ะ หลังคลอดยังฟื้นตัวได้ไวอีกด้วยค่ะ การออกกำลังกายของคุณแม่ตั้งครรภ์ควรมีคนใกล้ชิดอยู่ดูแลด้วยเสมอนะคะ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึงได้ หรือปรึกษาสูติ-นรีแพทย์ให้ช่วยแนะนำการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับคุณแม่แต่ละคนค่ะ
3.
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์สำหรับการบำรุงครรภ์
คุณแม่ตั้งครรภ์ควรรับประทานสารอาหารที่มีประโยชน์ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ อาหารที่มีประโยชน์จะช่วยให้คุณแม่มีสุขภาพที่ดีแล้ว ยังช่วยให้ทารกภายในครรภ์มีการบำรุงที่ดีอีกด้วย แต่อย่าโด๊ปเกินไป ทานมากไปก็ไม่ดีนะคะ
4.
ควรรับประทานอาหารที่มีกากอาหาร
เส้นใยหรือกากอาหารนับเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากในระหว่างการตั้งครรภ์ เพราะว่าการตั้งครรภ์จะมีโอกาสท้องผูกได้อย่างมาก จึงจำเป็นที่ต้องรับประทานอาหารที่มีใยอาการเพื่อที่จะส่งผลให้มีการขับถ่ายที่ดีค่ะ
5.
หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ สารเสพติด ของหมักดอง อาหารสุกๆดิบๆ อาหารปิ้งย่างที่ไหม้เกรียม เป็นของต้องห้ามของคนท้องควรหลีกเลี่ยงค่ะ
หากมีอาการดังกล่าวข้างต้นแล้ว และสงสัยว่าจะตั้งครรภ์ อาจตรวจยืนยันการตั้งครรภ์เองได้โดยการไปซื้อชุดตรวจการตั้งครรภ์มาตรวจ ซึ่งหลังจากตรวจ ถ้าพบว่าแถบขึ้น 2 ขีด แสดงว่ามีการตั้งครรภ์ ในกรณีที่ไม่แน่ใจควรรีบไปพบสูติ-นรีแพทย์ เพื่อตรวจเช็ค หรือถ้าตั้งครรภ์ควรรีบฝากครรภ์นะคะ
*อาการบางอาการคุณแม่บางท่านก็มีอาการ บางท่านก็อาจไม่มีอาการดังกล่าวก็เป็นได้ค่ะ
หรือว่าคุณแม่ท่านใดที่มีอาการอื่น ลองมาพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันได้นะคะ
อาการเริ่มแรกที่จะบ่งบอกว่าคุณคือแม่คน!!!
อาการแบบนี้ใช่อาการคนท้องหรือไม่ ที่สมาชิกอาจจะสงสัยกัน ลองเช็คดูอาการเหล่านี้ดูนะคะ
1. ประจำเดือนขาด
2. จมูกไวต่อกลิ่น
3. คลื่นไส้ อาเจียน มักมีอาการช่วงเช้าหรือมีอาการมากในช่วงเช้า
4. วิงเวียน หน้ามืด
5. อยากทานอาหารแปลกๆ
6. มีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย หายใจถี่ อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย เศร้าง่าย โมโหง่าย
7. ร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้น ร้อนง่าย อึดอัด เหงื่อออก
8. อาจปวดศีรษะบ่อยขึ้น
9. มีการเปลี่ยนแปลงของเต้านม เต้านมและหัวนมขยายใหญ่ขึ้น อาจทำให้รู้สึกเจ็บ บวม ตึง บริเวณเต้านมและหัวนม
10. ปัสสาวะบ่อยๆ มีสีเข้มขึ้น เกิดจากการทำงานของไตมากขึ้นกว่าปกติ เนื่องจากปริมาณของเลือดในร่างกายเพิ่มมากขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ จึงทำให้เลือดผ่านไปที่ไตมากกว่าเดิม บริเวณเชิงกรานมีเลือดมาหล่อเลี้ยงมากยิ่งขึ้นเพราะว่าตัวอ่อนต้องการเลือดมาหล่อเลี้ยง ซึ่งทำให้ขนาดมดลูกโตขึ้นจึงกดเบียดทับกระเพาะปัสสาวะกระตุ้นให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น
11. ท้องผูกกว่าปกติ เนื่องจากว่าถ้าหากมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นมาแล้วจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายคือจะเริ่มมีการบีบตัวของลำไส้ลดลงมา และทับมดลูก ซึ่งการทับมดลูกนั้นยังลามไปถึงการทับลำไส้ใหญ่อีกด้วย จึงทำให้คุณแม่เกิดอาการท้องผูกมากขึ้น แก้ไขอาการดังกล่าวได้ จาการทานผักผลไม้ที่เส้นใยสูง ดื่มน้ำให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ
12. เมื่อมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น อาจจะมีเลือดไหลออกมาจากทางมดลูก แต่นั่นไม่ใช่ประจำเดือน เพราะว่าจะมีสีชมพูออกมาในปริมาณเพียงเล็กน้อยเป็นระยะเวลา 1-2 วัน อาการเลือดล้างหน้าเด็กอาจไม่เกิดกับผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ทุกคน
13. มีตกขาว ตกขาวนี้เกิดขึ้นเพราะว่ามีเลือดมาคลั่งในบริเวณช่องคลอด คอมดลูก และบริเวณต่างๆจึงทำให้มีการผลิตน้ำออกมาจากช่องคลอดมากขึ้น และอาจจะทำให้แบคทีเรียมีการเปลี่ยนแปลงทำให้เซลล์บริเวณรอบๆ หลุดลอกออกมา และกลายเป็นตกขาวขุ่น เหนียว แต่จะไม่มีอาการคัน ถ้าหากว่ามีสี มีกลิ่นที่ผิดปกติควรที่จะปรึกษาแพทย์ว่ามีการติดเชื้อหรือไม่
เมื่อทราบว่าตั้งครรภ์แล้ว ควรทำยังไงดี?
เมื่อมีการตั้งครรภ์แล้วควรทำอย่างไรบ้างระหว่างการตั้งครรภ์
1. การหาสถานที่สำหรับการฝากครรภ์
เมื่อคุณแม่ตรวจพบได้ว่ามีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นมา ควรที่จะหาสถานที่ฝากครรภ์ โรงพยาบาลหรือสถานที่ที่คุณแม่ฝากครรภ์นั้น จะตรวจสอบร่างกายของคุณแม่ตรวจเลือดหาโรคแทรกซ้อนต่างๆ เช่น ตรวจเลือดหาพาหะธาลัสซีเมีย บางโรงพยาบาลอาจจตรวจทั้งคุณพ่อคุณแม่ หรือบางโรงพยาบาลตรวจแค่คุณแม่ และอาจมีการฉีดวัคซีนกันบาดทะยักให้กับคุณแม่อีกด้วย โดยคุณหมอจะวินิจฉัยและนัดคุณแม่เป็นช่วงๆ เพื่อป้องกันอันตรายต่อคุณแม่และทารกในครรภ์ บางโรงพยาบาลคุณหมอจะสั่งยาบำลุงเลือด โฟลิก วิตามินรวม และแคลเซียมให้ คุณแม่ควรตรวจสอบสิทธิ์ที่มีเพื่อเลือกสถานพยาบาลด้วยนะคะ
2. ควรออกกำลังกายระหว่างการตั้งครรภ์
การตั้งครรภ์สามารถที่จะออกกำลังกายได้ เพราะคนท้องไม่ใช่คนป่วย คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถออกกำลังกายได้แบบเบาๆ หรือจะโยคะเบาๆ ก็ได้ แต่อย่าหักโหมเกินไปนะคะ การออกกำลังกายจะช่วยให้ระบบเลือดไหลเวียนได้ดี ลดอาการตะคริวและปวดเมื่อย ควบคุมน้ำหนักทำให้น้ำหนักเพิ่มไม่มาก ลดอาการท้องผูก ยังมีโอกาสคลอดลูกได้ง่ายค่ะ หลังคลอดยังฟื้นตัวได้ไวอีกด้วยค่ะ การออกกำลังกายของคุณแม่ตั้งครรภ์ควรมีคนใกล้ชิดอยู่ดูแลด้วยเสมอนะคะ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึงได้ หรือปรึกษาสูติ-นรีแพทย์ให้ช่วยแนะนำการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับคุณแม่แต่ละคนค่ะ
3. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์สำหรับการบำรุงครรภ์
คุณแม่ตั้งครรภ์ควรรับประทานสารอาหารที่มีประโยชน์ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ อาหารที่มีประโยชน์จะช่วยให้คุณแม่มีสุขภาพที่ดีแล้ว ยังช่วยให้ทารกภายในครรภ์มีการบำรุงที่ดีอีกด้วย แต่อย่าโด๊ปเกินไป ทานมากไปก็ไม่ดีนะคะ
4. ควรรับประทานอาหารที่มีกากอาหาร
เส้นใยหรือกากอาหารนับเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากในระหว่างการตั้งครรภ์ เพราะว่าการตั้งครรภ์จะมีโอกาสท้องผูกได้อย่างมาก จึงจำเป็นที่ต้องรับประทานอาหารที่มีใยอาการเพื่อที่จะส่งผลให้มีการขับถ่ายที่ดีค่ะ
5. หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ สารเสพติด ของหมักดอง อาหารสุกๆดิบๆ อาหารปิ้งย่างที่ไหม้เกรียม เป็นของต้องห้ามของคนท้องควรหลีกเลี่ยงค่ะ
หรือว่าคุณแม่ท่านใดที่มีอาการอื่น ลองมาพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันได้นะคะ