ก่อนพูดถึง Artsakh (อาร์ตซัค) ผมจะเล่านิทานเรื่องหนึ่งให้ท่านฟังก่อน
นิทานเรื่องนี้พูดถึงชาวอาร์มีเนีย...
ชาวอาร์มีเนียตั้งถิ่นฐานอยู่แถบเทือกเขาคอเคซัส พวกเขาเป็นฝรั่งที่ถูกนับถือว่ามีหน้าตาสวยงาม จนมีการเอาคำว่า "คอเคเซียน" ไปใช้เรียกเผ่าพันธุ์ฝรั่งทั้งหมด
อาร์มีเนียเคยมีเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ มีดินแดนกว้างขวางจนได้ชื่อว่า "เมืองสองทะเล" คือมีอาณาเขตตั้งแต่ทะเลเมดิเตอเรเนียน ไปจรดทะเลแคสเปียน นอกจากนั้นยังเป็นชาติแรกที่ยกศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติ
อาร์มีเนียยุครุ่งเรือง ราวสองพันปีก่อน
...เป็นเวลานับพันปีที่ฝรั่งนับถือคริสต์ได้ช่วงชิงความเป็นใหญ่กับแขกนับถืออิสลาม อาร์มีเนียซึ่งอยู่ปลายสุดของฝ่ายฝรั่งนั้นเคยเป็นหัวหอกของในการต่อสู้กับหมู่แขกอย่างกล้าหาญ
...แต่เมื่อพันปีก่อน พรมแดนระหว่างคริสต์กับอิสลามนั้นไม่เหมือนกับปัจจุบัน...
เมื่อพันปีก่อนดินแดนที่เป็นประเทศตุรกีซึ่งติดกับอาร์มีเนียทุกวันนี้เคยเป็นอาณาจักรไบแซนไทน์อันยิ่งใหญ่ของชาวฝรั่ง
หลังฝรั่งรบแพ้แขกในสงครามครูเสด อาณาจักรไบแซนไทน์ก็อ่อนแอจนย่อยยับดับสูญ ถูกแทนที่โดยอาณาจักรออตโตมันของแขกเติร์ก
...และอาร์มีเนียก็พบว่าตัวเองถูกปล่อยเกาะแล้ว...
หลายร้อยปีหลังแพ้สงครามครูเสด อาร์มีเนียจึงถูกมวลแขกผลัดกันมารุมยำ ผู้คนล้มตาย อาณาเขตหดหาย แตกเป็นหลายเสี่ยง ตกเป็นเมืองขึ้นของแขกชาติต่างๆ
...และบั้นปลายของการรังแกนั้น พวกเติร์กออตโตมันได้ตัดสินใจว่า "ไม่อาจไว้วางใจชาวคริสต์อาร์มีเนียได้ จะฆ่าล้างชาวอาร์เมียให้หมด"
...มันฟังดูเหมือนแผนการสุดชั่วร้าย ในหนังฮีโร่...
...อนิจจา ไม่มีฮีโร่คนไหนมาช่วยอาร์มีเนีย...
ปี 1915 ฝ่ายเติร์กอาศัยช่วงความวุ่นวายของสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำการสังหารหมู่ชาวอาร์มีเนียไปนับล้านคน ...อย่างเป็นระบบ
อาร์เมเนียตะวันตกสิ้นชาติสูญพันธุ์ถูกผนวกเป็นดินแดนตุรกี ปัจจุบันแม้เมืองหลวงโบราณที่เปรียบเหมือน อยุธยา-สุโขทัย ของอาร์มีเนียก็อยู่ในฝั่งเติร์ก และโบราณสถานมากมายถูกทำลายจนคล้ายไม่เคยมีชนชาตินี้อยู่
พวกที่รอดมา คืออาร์มีเนียตะวันออกที่อยู่ในดินแดนแคบๆ มีขนาดเพียงหนึ่งในสิบของอาณาจักรเดิม
...การถูกฆ่าล้างของชาติเล็กอย่างพวกเขาไม่มีใครจดจำเหมือนการสังหารหมู่ชาวยิว
...ไม่มีมหาอำนาจชาติไหนยื่นมือมาช่วย แม้ปัจจุบันตุรกีก็ปฏิเสธว่าไม่เคยมีสิ่งนี้เกิดขึ้น
ผู้นำพวกอาร์มีเนียประกาศว่า “แผ่นดินอาร์มีเนียเหมือนซุปชามใหญ่ ชาติมหาอำนาจต่างๆ ให้สัญญาว่าจะช่วยเหลือดูแลมัน แต่พวกเขาไม่เคยรักษาสัญญาเหล่านั้น ตรงกันข้ามพวกเขาล้วนใช้กระบวยเหล็กแย่งกันตักซุปไปมากที่สุด ส่วนฉันมีแต่กระบวยกระดาษ (คือกระดาษสัญญาของมหาอำนาจ) ทำให้แย่งอะไรมาไม่ได้เลย...
...ต่อไปนี้เรามีแต่ต้องพึ่งตนเอง ไม่ใช่พึ่งคำหวานของคนนอก และเราจะไม่เชื่อถือในกระดาษอีกต่อไปแล้ว
เราจะต้องเชื่อในเหล็ก!
มีแต่ต้องสู้ด้วยเหล็ก เราจึงจะอยู่รอด!”
นับแต่นั้นชาวอาร์เมเนียที่ถูกกวาดล้างจนเหลือเพียงน้อยนิดก็มีความอำมหิตดุร้าย ต่อสู้ป้องกันตนเองอย่างกล้าหาญไม่เห็นแก่ชีวิต…
ช่วงปี 1920-1921 ชาติคอเคซัสได้แก่ จอร์เจีย อาร์มีเนีย อาร์เซอร์ไบจานต่างถูกผนวกเข้ากับสหภาพโซเวียตพร้อมกัน โซเวียตได้ยกดินแดนนากอร์โน-คาราบัค (Nagorno-Karabakh) หรืออีกชื่อคือ “อาร์ตซัค” ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ชาวอาร์มีเนียอาศัยอยู่แห่งท้ายๆ ให้อยู่ในเขตปกครองอาร์เซอร์ไบจาน เพื่อดำเนินนโยบายแบ่งแยกแล้วปกครอง และแสดงไมตรีต่อตุรกี (ชาวอาร์เซอร์ไบจานเป็นชาติเติร์กเหมือนตุรกี การเอาใจอาร์เซอร์ไบจานจึงเป็นการเอาใจตุรกีด้วย)
แน่นอนว่าพวกอาร์มีเนียประท้วงอย่างรุนแรง แต่ก็ไม่เคยได้ผล...
ปี 1991 เมื่อโซเวียตล่มสลาย อาร์มีเนีย และอาร์เซอร์ไบจานต่างประกาศเอกราช แต่ปัญหาอยู่ที่ดินแดนอาร์ตซัคนี้ควรเป็นของใคร?
ตามกฎหมายสากลมันควรอยู่กับอาร์เซอร์ไบจาน
สหประชาชาติตัดสินใจให้มันอยู่กับอาร์เซอร์ไบจาน
นานาประเทศยอมรับว่ามันเป็นของอาร์เซอร์ไบจาน
...มีแต่ชาวอาร์มีเนียในอาร์ตซัคไม่ยอมรับสิ่งนี้...
...และพวกเขาออกไปต่อสู้...
เรื่องราวการต่อสู้ และสงครามของพวกเขา เป็นเนื้อหาหลักของบทความนี้ ซึ่งผมจะได้บรรยายแก่ท่านโดยพิสดาร
...จากประสบการณ์ที่ผมได้ท่องเที่ยวสถานที่แห่งนี้มา...
*** Artsakh ประเทศที่ไม่มีอยู่จริง ***
ก่อนพูดถึง Artsakh (อาร์ตซัค) ผมจะเล่านิทานเรื่องหนึ่งให้ท่านฟังก่อน
นิทานเรื่องนี้พูดถึงชาวอาร์มีเนีย...
ชาวอาร์มีเนียตั้งถิ่นฐานอยู่แถบเทือกเขาคอเคซัส พวกเขาเป็นฝรั่งที่ถูกนับถือว่ามีหน้าตาสวยงาม จนมีการเอาคำว่า "คอเคเซียน" ไปใช้เรียกเผ่าพันธุ์ฝรั่งทั้งหมด
อาร์มีเนียเคยมีเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ มีดินแดนกว้างขวางจนได้ชื่อว่า "เมืองสองทะเล" คือมีอาณาเขตตั้งแต่ทะเลเมดิเตอเรเนียน ไปจรดทะเลแคสเปียน นอกจากนั้นยังเป็นชาติแรกที่ยกศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติ
อาร์มีเนียยุครุ่งเรือง ราวสองพันปีก่อน
...เป็นเวลานับพันปีที่ฝรั่งนับถือคริสต์ได้ช่วงชิงความเป็นใหญ่กับแขกนับถืออิสลาม อาร์มีเนียซึ่งอยู่ปลายสุดของฝ่ายฝรั่งนั้นเคยเป็นหัวหอกของในการต่อสู้กับหมู่แขกอย่างกล้าหาญ
...แต่เมื่อพันปีก่อน พรมแดนระหว่างคริสต์กับอิสลามนั้นไม่เหมือนกับปัจจุบัน...
เมื่อพันปีก่อนดินแดนที่เป็นประเทศตุรกีซึ่งติดกับอาร์มีเนียทุกวันนี้เคยเป็นอาณาจักรไบแซนไทน์อันยิ่งใหญ่ของชาวฝรั่ง
หลังฝรั่งรบแพ้แขกในสงครามครูเสด อาณาจักรไบแซนไทน์ก็อ่อนแอจนย่อยยับดับสูญ ถูกแทนที่โดยอาณาจักรออตโตมันของแขกเติร์ก
...และอาร์มีเนียก็พบว่าตัวเองถูกปล่อยเกาะแล้ว...
หลายร้อยปีหลังแพ้สงครามครูเสด อาร์มีเนียจึงถูกมวลแขกผลัดกันมารุมยำ ผู้คนล้มตาย อาณาเขตหดหาย แตกเป็นหลายเสี่ยง ตกเป็นเมืองขึ้นของแขกชาติต่างๆ
...และบั้นปลายของการรังแกนั้น พวกเติร์กออตโตมันได้ตัดสินใจว่า "ไม่อาจไว้วางใจชาวคริสต์อาร์มีเนียได้ จะฆ่าล้างชาวอาร์เมียให้หมด"
...มันฟังดูเหมือนแผนการสุดชั่วร้าย ในหนังฮีโร่...
...อนิจจา ไม่มีฮีโร่คนไหนมาช่วยอาร์มีเนีย...
ปี 1915 ฝ่ายเติร์กอาศัยช่วงความวุ่นวายของสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำการสังหารหมู่ชาวอาร์มีเนียไปนับล้านคน ...อย่างเป็นระบบ
อาร์เมเนียตะวันตกสิ้นชาติสูญพันธุ์ถูกผนวกเป็นดินแดนตุรกี ปัจจุบันแม้เมืองหลวงโบราณที่เปรียบเหมือน อยุธยา-สุโขทัย ของอาร์มีเนียก็อยู่ในฝั่งเติร์ก และโบราณสถานมากมายถูกทำลายจนคล้ายไม่เคยมีชนชาตินี้อยู่
พวกที่รอดมา คืออาร์มีเนียตะวันออกที่อยู่ในดินแดนแคบๆ มีขนาดเพียงหนึ่งในสิบของอาณาจักรเดิม
...การถูกฆ่าล้างของชาติเล็กอย่างพวกเขาไม่มีใครจดจำเหมือนการสังหารหมู่ชาวยิว
...ไม่มีมหาอำนาจชาติไหนยื่นมือมาช่วย แม้ปัจจุบันตุรกีก็ปฏิเสธว่าไม่เคยมีสิ่งนี้เกิดขึ้น
ผู้นำพวกอาร์มีเนียประกาศว่า “แผ่นดินอาร์มีเนียเหมือนซุปชามใหญ่ ชาติมหาอำนาจต่างๆ ให้สัญญาว่าจะช่วยเหลือดูแลมัน แต่พวกเขาไม่เคยรักษาสัญญาเหล่านั้น ตรงกันข้ามพวกเขาล้วนใช้กระบวยเหล็กแย่งกันตักซุปไปมากที่สุด ส่วนฉันมีแต่กระบวยกระดาษ (คือกระดาษสัญญาของมหาอำนาจ) ทำให้แย่งอะไรมาไม่ได้เลย...
...ต่อไปนี้เรามีแต่ต้องพึ่งตนเอง ไม่ใช่พึ่งคำหวานของคนนอก และเราจะไม่เชื่อถือในกระดาษอีกต่อไปแล้ว
เราจะต้องเชื่อในเหล็ก!
มีแต่ต้องสู้ด้วยเหล็ก เราจึงจะอยู่รอด!”
นับแต่นั้นชาวอาร์เมเนียที่ถูกกวาดล้างจนเหลือเพียงน้อยนิดก็มีความอำมหิตดุร้าย ต่อสู้ป้องกันตนเองอย่างกล้าหาญไม่เห็นแก่ชีวิต…
ช่วงปี 1920-1921 ชาติคอเคซัสได้แก่ จอร์เจีย อาร์มีเนีย อาร์เซอร์ไบจานต่างถูกผนวกเข้ากับสหภาพโซเวียตพร้อมกัน โซเวียตได้ยกดินแดนนากอร์โน-คาราบัค (Nagorno-Karabakh) หรืออีกชื่อคือ “อาร์ตซัค” ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ชาวอาร์มีเนียอาศัยอยู่แห่งท้ายๆ ให้อยู่ในเขตปกครองอาร์เซอร์ไบจาน เพื่อดำเนินนโยบายแบ่งแยกแล้วปกครอง และแสดงไมตรีต่อตุรกี (ชาวอาร์เซอร์ไบจานเป็นชาติเติร์กเหมือนตุรกี การเอาใจอาร์เซอร์ไบจานจึงเป็นการเอาใจตุรกีด้วย)
แน่นอนว่าพวกอาร์มีเนียประท้วงอย่างรุนแรง แต่ก็ไม่เคยได้ผล...
ปี 1991 เมื่อโซเวียตล่มสลาย อาร์มีเนีย และอาร์เซอร์ไบจานต่างประกาศเอกราช แต่ปัญหาอยู่ที่ดินแดนอาร์ตซัคนี้ควรเป็นของใคร?
ตามกฎหมายสากลมันควรอยู่กับอาร์เซอร์ไบจาน
สหประชาชาติตัดสินใจให้มันอยู่กับอาร์เซอร์ไบจาน
นานาประเทศยอมรับว่ามันเป็นของอาร์เซอร์ไบจาน
...มีแต่ชาวอาร์มีเนียในอาร์ตซัคไม่ยอมรับสิ่งนี้...
...และพวกเขาออกไปต่อสู้...
เรื่องราวการต่อสู้ และสงครามของพวกเขา เป็นเนื้อหาหลักของบทความนี้ ซึ่งผมจะได้บรรยายแก่ท่านโดยพิสดาร
...จากประสบการณ์ที่ผมได้ท่องเที่ยวสถานที่แห่งนี้มา...