ช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมานี้ เราจะเห็นโพสในเฟสบุ๊คเป็นวีดิโอที่เกี่ยวกับสถานที่เที่ยวแห่งใหม่ของเวียดนาม คือสะพานที่เป็นมือยักษ์ทอดยาวบนยอดเขา ซึ่งคนแชร์กันเยอะมาก ดูไปดูมาก็รู้ว่ามันคือ Bana Hills ที่เมืองดานัง ประเทศเวียดนาม ประจวบเหมาะกับมีวันหยุดยาวในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม เราก็เลยตัดสินใจกันอย่างด่วนๆ ว่าที่นี่แหละคือที่ที่พวกเราจะไปกัน โดยก่อนหน้านี้เราก็ยังไม่เคยไปเยือนเมืองนี้มาก่อน โดยแผนของเราคือ ต้องไปก่อนวันหยุด 1 วัน และกลับก่อนวันหยุด 1 วันเพื่อเลี่ยงนักเที่ยวทั้งขาเข้าและขาออก เราเลยตัดสินใจใช้เวลา 4 วัน 3 คืนสำหรับทริปนี้ อุปสรรคสำคัญคือเราไปกับแม่ แก๊งของพี่สาว และแฟน ซึ่งรวมแล้ว 6 คน จะพาทั้งหมดไปขึ้นรถไฟรถเมล์หรือ Grab ก็น่าจะยาก เลยตัดสินใจหาข้อมูลรถเช่าพร้อมคนขับ เห็นในพันทิพมีคนแนะนำ Huebookingtour ก็เลยลองติดต่อไปดู โดยการส่งเมล์ไปสอบถาม ซึ่งเจ้าของบริษัทก็ตอบกลับมาเร็วมาก และแนะนำโปรแกรมมาประมาณนี้
Day 1 (26/7/2018): DMK – DAD ถึงสนามบิน ประมาณ 11.30 AM รถมารับที่สนามบินดานัง เดินทางไป Bana Hills นอน BanaHills
Day 2 (27/7/2018): 11 โมง คนขับรถมารอรับที่ TocTien Bana Hills station ไป HoiAn เที่ยว Dragon bridge, Han river, Linh Ung pagoda, Marble mountain and Hoi An city นอน HoiAn
Day 3 (28/7/2018) 8 โมงเช้าออกจาก รร ไป Hue city ผ่าน Hải Van pass, LangCo bay Imperial city, ThienMu pagoda, Khaidinh, Minh Mang tombs. กลับมานอน DaNang
Day 4 (29/7/2018) 9 โมงเช้า Check out ไป Han market และกลับ DaNang airport.
ซึ่งโปรแกรมก็คล้ายกับที่เราอยากไป ก็เลยตกลงราคากัน เราต่อได้นิดหน่อย และก็ทำการคอนเฟิร์มโดยการโอนเงินไปตามขั้นตอนที่ทางบริษัทส่งเมล์แจ้งไว้ โดยเราแจ้งว่าเราอยากได้คนขับที่พูดภาษาอังกฤษได้ด้วย เจ้าของบริษัทก็รับปากว่าจะพยายามหาให้แต่ไม่รับปาก เพราะเป็นวันหยุดยาวซึ่งคนไปเที่ยวเยอะมาก หลังจากนั้นก็เริ่มหาที่พักใน agoda
Day 1 (26/7/2018): DMK – DAD ถึงสนามบิน ประมาณ 11.30 AM รถมารับที่สนามบินดานัง เดินทางไป Bana Hills นอน Banahills
วันแรกจากดอนเมืองไปดานัง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที ก็มาถึงสนามบินดานัง พอผ่าน ตม. ออกมาก็มีคนมาถือป้ายยืนรอรับและพาไปที่รถ ซึ่งวันแรก รถมาหรูหรามาก ตามภาพเลย จากนั้นเราก็บอกคนขับรถว่าให้พาไปแลกเงิน ปกติเราไปเวียดนาม เราจะแลกเงิน USD ไปแล้วไปหาแลกตามร้านทอง จะได้เรทดีกว่าแลกตามเค้าน์เตอร์ในสนามบิน แต่คนขับรถวันนี้พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย 5555
ตอนแรกก็ว่าจะจัดอาหารทะเลสดๆ มื้อใหญ่ก่อนไป Bana Hills เราบอกคนขับรถด้วยภาษามือว่ากินข้าว และพูดซีฟู๊ด คนขับพาเราไปที่ร้านใหญ่ริมชายหาดดานัง แต่พอไปถึงพนักงานในร้านไม่พูดอังกฤษ เราก็ยืนงงกันสนุกสนาน และตัดสินใจว่า วันแรกอย่าเพิ่งเสี่ยงเลย ไปกินข้าวกลางวันกันบนเขาดีกว่า ก็เลยบอกคนขับว่าไปเลยละกัน โดยเราจองที่พักไว้ที่ Mercure Danang French Village Bana Hills รถก็พาเราไปที่ TocTien Bana Hills station ซึ่งเป็นสถานี cable car ที่ตรงไปที่เช็คอินของโรงแรมโดยตรง ราคาผู้ใหญ่เราจำไม่ได้ว่า 400,000 VND รึเปล่า แต่ไม่หนีราคานี้แหละ ซึ่งเป็นราคาพิเศษสำหรับคนที่พัก Mercure ใช้เวลาขึ้นประมาณ 20 นาทีก็จะถึงยอดเขา ตลอดที่ไต่ขึ้นไปจะเห็นน้ำตก และวิวเมืองดานังทั้งหมด ซึ่งๅ cable car นี้ได้รับการบันทึกจากกินเนสบุ๊คว่า “เป็น cable car สลิงเส้นเดียวที่ยาวที่สุดในโลก ”
พอมาถึงก็เข้าเช็คอิน พนักงานพาเราไปที่ห้องพัก ดูหรูหรา แต่แอบเล็กไปหน่อย
หลังจากเก็บของเรียบร้อย ก็ได้เวลาเดินเล่นใน French Village แล้ว ซึ่งต้องบอกว่า ตอนกลางวันคนเยอะมากกกกกก แล้วส่วนใหญ่เป็นคนเวียดนามซะด้วย นักท่องเที่ยวน้อยกว่าคนเวียดนามซะอีก แต่ก็สวยงามตามท้องเรื่อง French Village เป็น Theme Park ที่สร้างมาตั้งแต่ปี 1920 ตั้งแต่สมัยฝรั่งเศสยังปกครอง เป็นที่พักตากอากาศของชาวฝรั่งเศสในสมัยในยุคที่เวียดนามอยู่ภายใต้การปกครอง และก็ถูกปรับปรุงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในเวลาต่อมา
ขนมไข่หงษ์ ลูกเท่าลูกเทนนิส มีขายข้างบน ลูกละ 35,000 VND เดินกันสักพักก็ได้เวลากินข้าว เราตามรีวิวไปที่ร้าน L'Eatable ซึ่งตามรีวิวเป็นอาหารเวียดนามประยุกต์ ดูน่ากินมาก และคนรีวิวบอกว่าอร่อย แต่พอเราเข้าไป เหลือแต่อาหารเซ็ตแบบฝรั่ง มีแค่เฝอที่ไม่อร่อยเท่าไหร่ และราคาก็แพงพอสมควร เลยไม่ได้ถ่ายรูปมา
หลังจากที่เดินกันสักพัก เราก็นั่ง cable car ต่อไปที่วัดพระใหญ่ และสะพานมือยักษ์ด้านบนยอดเขา ต้องนั่งต่อไปอีกประมาณ 10 นาที
มาถึงยอดเขา เราก็เดินกันไปที่สะพานมือยักษ์กันก่อนเลย เป็นสถานที่ที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ หรือชื่อเต็มๆ ว่า สะพาน Cau Vang (Golden Bridge) นี้อยู่ที่เทียนไทการ์เดน ในรีสอร์ทบนภูเขาบานาฮิลล์
ตลอดทางเดินก็จะเป็นสวนดอกไม้สวยงาม มีอยู่จุดนึงเค้าทำเป็นเขาวงกตด้วย รู้สึกจะมีป้ายบอกว่าเป็น Maze Garden แต่เราขึ้นไปสี่โมงครึ่งแล้ว กลัวจะมืดก่อนได้ไหว้พระใหญ่ เลยไม่ได้เข้าไปเล่น
แล้วก็มาถึงวัดพระใหญ่บนยอดเขา
เดินข้างบนจนเย็น เราก็นั่ง cable car กลับลงมาข้างล่าง พอลงมาถึงหกโมงเย็น คนที่เคยแน่นเป็นมด หายไปหมดเลย
หลังจากเดินสักพัก ก็ได้เวลาอาหารเย็น เป็นบุฟเฟ่ต์ของโรงแรม ราคาหัวละ 400,000 VND ซึ่งอาหารก็เป็นอาหารทั่วไป ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก ที่อร่อยที่สุดน่าจะเป็นปอเปี๊ยะทอด และเฝอ ที่เหลือก็เฉยๆ นะ ไม่ค่อยคุ้มราคาเท่าไหร่ พอกินอิ่มเราก็เดินไปดูอาคารสระว่ายน้ำกัน เป็นสระที่ใหญ่และหรูหรามาก น้ำเป็นน้ำอุ่นด้วย มีทั้งโซนสระเด็กและสระผู้ใหญ่ ซึ่งสระเด็กใหญ่กว่าของผู้ใหญ่ซะะอีก ซึ่งไม่ได้ตั้งใจจะเล่นหรอก เพราะอากาศข้างนอกหนาวมาก และจากอาคารสระว่ายน้ำกลับไปห้องพักก็ไกลพอสมควร ถ้าเล่นสงสัยจะกลับห้องไม่ได้ หนาวตายอยู่กลางทาง
จบวันแรก พักผ่อนอย่างสบายใจ แต่ตอนกลางคืนหนาวมากขอบอก
เช่ารถเที่ยว ดานัง บานาฮิลล์ ฮอยอัน เว้ 4 วัน 3 คืน แบบ Private Group มีทั้งความชอบและความเสียดาย
Day 1 (26/7/2018): DMK – DAD ถึงสนามบิน ประมาณ 11.30 AM รถมารับที่สนามบินดานัง เดินทางไป Bana Hills นอน BanaHills
Day 2 (27/7/2018): 11 โมง คนขับรถมารอรับที่ TocTien Bana Hills station ไป HoiAn เที่ยว Dragon bridge, Han river, Linh Ung pagoda, Marble mountain and Hoi An city นอน HoiAn
Day 3 (28/7/2018) 8 โมงเช้าออกจาก รร ไป Hue city ผ่าน Hải Van pass, LangCo bay Imperial city, ThienMu pagoda, Khaidinh, Minh Mang tombs. กลับมานอน DaNang
Day 4 (29/7/2018) 9 โมงเช้า Check out ไป Han market และกลับ DaNang airport.
ซึ่งโปรแกรมก็คล้ายกับที่เราอยากไป ก็เลยตกลงราคากัน เราต่อได้นิดหน่อย และก็ทำการคอนเฟิร์มโดยการโอนเงินไปตามขั้นตอนที่ทางบริษัทส่งเมล์แจ้งไว้ โดยเราแจ้งว่าเราอยากได้คนขับที่พูดภาษาอังกฤษได้ด้วย เจ้าของบริษัทก็รับปากว่าจะพยายามหาให้แต่ไม่รับปาก เพราะเป็นวันหยุดยาวซึ่งคนไปเที่ยวเยอะมาก หลังจากนั้นก็เริ่มหาที่พักใน agoda
Day 1 (26/7/2018): DMK – DAD ถึงสนามบิน ประมาณ 11.30 AM รถมารับที่สนามบินดานัง เดินทางไป Bana Hills นอน Banahills
วันแรกจากดอนเมืองไปดานัง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 40 นาที ก็มาถึงสนามบินดานัง พอผ่าน ตม. ออกมาก็มีคนมาถือป้ายยืนรอรับและพาไปที่รถ ซึ่งวันแรก รถมาหรูหรามาก ตามภาพเลย จากนั้นเราก็บอกคนขับรถว่าให้พาไปแลกเงิน ปกติเราไปเวียดนาม เราจะแลกเงิน USD ไปแล้วไปหาแลกตามร้านทอง จะได้เรทดีกว่าแลกตามเค้าน์เตอร์ในสนามบิน แต่คนขับรถวันนี้พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย 5555
ตอนแรกก็ว่าจะจัดอาหารทะเลสดๆ มื้อใหญ่ก่อนไป Bana Hills เราบอกคนขับรถด้วยภาษามือว่ากินข้าว และพูดซีฟู๊ด คนขับพาเราไปที่ร้านใหญ่ริมชายหาดดานัง แต่พอไปถึงพนักงานในร้านไม่พูดอังกฤษ เราก็ยืนงงกันสนุกสนาน และตัดสินใจว่า วันแรกอย่าเพิ่งเสี่ยงเลย ไปกินข้าวกลางวันกันบนเขาดีกว่า ก็เลยบอกคนขับว่าไปเลยละกัน โดยเราจองที่พักไว้ที่ Mercure Danang French Village Bana Hills รถก็พาเราไปที่ TocTien Bana Hills station ซึ่งเป็นสถานี cable car ที่ตรงไปที่เช็คอินของโรงแรมโดยตรง ราคาผู้ใหญ่เราจำไม่ได้ว่า 400,000 VND รึเปล่า แต่ไม่หนีราคานี้แหละ ซึ่งเป็นราคาพิเศษสำหรับคนที่พัก Mercure ใช้เวลาขึ้นประมาณ 20 นาทีก็จะถึงยอดเขา ตลอดที่ไต่ขึ้นไปจะเห็นน้ำตก และวิวเมืองดานังทั้งหมด ซึ่งๅ cable car นี้ได้รับการบันทึกจากกินเนสบุ๊คว่า “เป็น cable car สลิงเส้นเดียวที่ยาวที่สุดในโลก ”
พอมาถึงก็เข้าเช็คอิน พนักงานพาเราไปที่ห้องพัก ดูหรูหรา แต่แอบเล็กไปหน่อย
หลังจากเก็บของเรียบร้อย ก็ได้เวลาเดินเล่นใน French Village แล้ว ซึ่งต้องบอกว่า ตอนกลางวันคนเยอะมากกกกกก แล้วส่วนใหญ่เป็นคนเวียดนามซะด้วย นักท่องเที่ยวน้อยกว่าคนเวียดนามซะอีก แต่ก็สวยงามตามท้องเรื่อง French Village เป็น Theme Park ที่สร้างมาตั้งแต่ปี 1920 ตั้งแต่สมัยฝรั่งเศสยังปกครอง เป็นที่พักตากอากาศของชาวฝรั่งเศสในสมัยในยุคที่เวียดนามอยู่ภายใต้การปกครอง และก็ถูกปรับปรุงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในเวลาต่อมา
ขนมไข่หงษ์ ลูกเท่าลูกเทนนิส มีขายข้างบน ลูกละ 35,000 VND เดินกันสักพักก็ได้เวลากินข้าว เราตามรีวิวไปที่ร้าน L'Eatable ซึ่งตามรีวิวเป็นอาหารเวียดนามประยุกต์ ดูน่ากินมาก และคนรีวิวบอกว่าอร่อย แต่พอเราเข้าไป เหลือแต่อาหารเซ็ตแบบฝรั่ง มีแค่เฝอที่ไม่อร่อยเท่าไหร่ และราคาก็แพงพอสมควร เลยไม่ได้ถ่ายรูปมา
หลังจากที่เดินกันสักพัก เราก็นั่ง cable car ต่อไปที่วัดพระใหญ่ และสะพานมือยักษ์ด้านบนยอดเขา ต้องนั่งต่อไปอีกประมาณ 10 นาที
มาถึงยอดเขา เราก็เดินกันไปที่สะพานมือยักษ์กันก่อนเลย เป็นสถานที่ที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ หรือชื่อเต็มๆ ว่า สะพาน Cau Vang (Golden Bridge) นี้อยู่ที่เทียนไทการ์เดน ในรีสอร์ทบนภูเขาบานาฮิลล์
ตลอดทางเดินก็จะเป็นสวนดอกไม้สวยงาม มีอยู่จุดนึงเค้าทำเป็นเขาวงกตด้วย รู้สึกจะมีป้ายบอกว่าเป็น Maze Garden แต่เราขึ้นไปสี่โมงครึ่งแล้ว กลัวจะมืดก่อนได้ไหว้พระใหญ่ เลยไม่ได้เข้าไปเล่น
แล้วก็มาถึงวัดพระใหญ่บนยอดเขา
เดินข้างบนจนเย็น เราก็นั่ง cable car กลับลงมาข้างล่าง พอลงมาถึงหกโมงเย็น คนที่เคยแน่นเป็นมด หายไปหมดเลย
หลังจากเดินสักพัก ก็ได้เวลาอาหารเย็น เป็นบุฟเฟ่ต์ของโรงแรม ราคาหัวละ 400,000 VND ซึ่งอาหารก็เป็นอาหารทั่วไป ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากนัก ที่อร่อยที่สุดน่าจะเป็นปอเปี๊ยะทอด และเฝอ ที่เหลือก็เฉยๆ นะ ไม่ค่อยคุ้มราคาเท่าไหร่ พอกินอิ่มเราก็เดินไปดูอาคารสระว่ายน้ำกัน เป็นสระที่ใหญ่และหรูหรามาก น้ำเป็นน้ำอุ่นด้วย มีทั้งโซนสระเด็กและสระผู้ใหญ่ ซึ่งสระเด็กใหญ่กว่าของผู้ใหญ่ซะะอีก ซึ่งไม่ได้ตั้งใจจะเล่นหรอก เพราะอากาศข้างนอกหนาวมาก และจากอาคารสระว่ายน้ำกลับไปห้องพักก็ไกลพอสมควร ถ้าเล่นสงสัยจะกลับห้องไม่ได้ หนาวตายอยู่กลางทาง
จบวันแรก พักผ่อนอย่างสบายใจ แต่ตอนกลางคืนหนาวมากขอบอก