🌸🌸🌸 "อาชีพ" 🌸🌸🌸

หน้าร้อนปีนี้ดูท่าจะร้อนมากกว่าปีที่แล้ว ด้วยแสงแดดที่แรงกล้าจนดูระยิบระยับเมื่อมองฝ่าแดดออกไปนอกร้าน.....

      รัชนีสวมเสื้อแขนยาวสีขาวชายสอดในกระโปรงรัดรูปสีดำยาวเหนือเข่าเข้ากับเสื้อสูทซึ่งสวม แต่วันนี้เธอถอดเสื้อสูทออกด้วยรู้ว่าไม่มีลูกค้าต่างชาติฝ่าแดดร้อนมาเข้าร้านแน่ๆและมิใช่ช่วงหน้าไฮซีซั่นด้วย  แต่เธอก็ยืนเกาะตู้จิวเวลรี่ที่กระจกใสอุ่นร้อนเพราะการส่องแสงไฟของหลอดฮาโลเจ้นทั้งสี่มุมตู้กระจก ที่เรียงรายด้วยเครื่องประดับเพชรและพลอยสีต่างๆ ที่แข่งกันสะท้อนแสงแวววาว โดยเฉพาะแหวนเพชรประดับด้วยเพชรลูก และเพชรเรียงเม็ดขนาดย่อม รวมทั้งต่างหูและจี้คอรูปร่างน่ารัก ทุกชิ้นมีราคามากที่สุดไม่เกินแสนบาทที่วางในตู้ที่เธอเป็นคนขาย ส่วนเพชรลูกเม็ดใหญ่เป็นกะรัตย่อมเก็บไว้ด้านในใส่กุญแจนิรภัยอย่างปลอดภัย เพราะจะมีโอกาสได้นำเสนอก็ต้องมีการนัดหมายจากลูกค้าก่อน

      รัชนีอายุ 25 ปีเข้าวัยเบญจเพส ตามความเชื่อว่ามักจะมีสิ่งที่เปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น  เธอเกิดเดือนกรกฎาคม หาพลอยประจำเดือนเกิดคือทับทิมมาทำหัวแหวนใส่แล้ว ตอนไปเรียนรู้เกี่ยวกับอัญมณีและเครื่องประดับจนได้วุฒิบัตรสถาบัน GIT มานั้นก็ได้พบกับกมลที่จบ ปวส แล้วไปเรียนการออกแบบเครื่องประดับด้วยคอมพิวเตอร์ โปรแกรม Jewel CAD ซึ่งกมลเรียน Auto CAD มาก่อนแล้วจึงเสียค่าเรียนสองหมื่นบาท ในขณะที่เธอไม่รู้จักอัญมณีเลยต้องจ่ายค่าเรียนห้าหมื่นบาท แต่ก็ได้เงินค่าคอมมิชชั่นคืนมาในเวลาไม่ถึงปี การค้าเครื่องประดับราคาแพงค่าคอมมิชชั่นจะดีกว่าทิปบริการทั้งหลาย และที่เธอชอบมากตรงพบเจอแต่คนมีฐานะดีทั้งนั้น เห็นเงินวิ่งผ่านตาไปมา ยิ่งกว่านั้นชาวต่างชาติก็มาเดินกันขวักไขว่ในถนนสายอัญมณีแถบภูมิภาคเอเชียโดยเฉพาะงานการประกวดออกแบบเครื่องประดับครั้งที่ผ่านไป (GIT Gem and  Jewelry Design Award) Hugo เป็นชายชาวเบลเยี่ยมที่ถือว่าเป็นประเทศที่ผลิตเพชรที่มีชื่อที่สุด แต่เหมืองเพชรแหล่งอาร์ไกล์ (Argyle) ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย

      ที่นั่นฮูโก้เข้ามาถามหา Information counter  จากเธอว่าอยู่ที่ไหน เขาอยากได้โบรชัวร์ และการจัดครั้งหน้า เธอก็ไม่รู้แต่ถามคนอื่นอีกสองคนแล้วจึงพาเขาเดินไป ก็ลักษณะฮูโก้ดูสุภาพและหน้าตาดี ผิวพรรณสะอาดเหมือนคนขายเพชรก็ไม่ปาน เธอสนใจคนอาชีพเดียวกันเพื่อความก้าวหน้าในสายนี้ แต่ฮูโก้มิได้ขอบคุณในน้ำใจของเธออย่างเดียว หากให้นามบัตรไว้และบอกว่าเขาพักโรงแรมหนึ่งก่อนบินไปออสเตรเลีย ที่นักท่องเที่ยวนิยมซื้อเครื่องประดับเป็นสินค้าอันดับต้นๆกลับไปด้วย เช่นโอปอ (Opal) และมุกเซ้าท์ซี

      รัชนีคิดว่าเธอไม่ได้เสียอะไรนอกจากค่าโทรศัพท์ เมื่อวันรุ่งขึ้นเธอไม่เห็นเขาทั้งที่งานประกวดยังไม่จบจึงหาเหตุโทรถาม และเหตุนั้นก็เป็นเหตุให้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีกหลายอย่าง จะด้วยเหตุที่ฮูโก้รู้มาว่าสาวไทยใจง่าย หรือเพราะเหตุความสวยสดใสรูปร่างน่ามองของเธอก็เป็นได้ ฮูโก้คิดว่าการมีเพื่อนเป็นเจ้าของบ้านมันสร้างความอบอุ่นให้ผู้มาเยือนเมืองไทยยิ่งนัก

เดือนเมษาทุกปีเป็นช่วงที่เงียบเหงา เพราะครอบครัวมักจะพาลูกหลานไปท่องเที่ยวกันตอนปิดเทอม ไม่มีใครสนใจแต่งกายเครื่องประดับมีค่าเหมือนฤดูการฉลองตอนสิ้นปีในอากาศเริ่มหนาวเย็น

      จำเป็นอยู่เองที่ร้านจิวเวลรี่ทั้งหลายไม่ยอมซบเซาตามกระแสเศรษฐกิจ  กมลเป็นเซลล์ของร้านเขา วิ่งหาลูกค้าด้วยมอเตอร์ไซด์ส่วนตัว ท่ามกลางแสงแดดร้อนระอุทุกบ่ายคล้อย เขาจะกลับเข้ามาที่ร้านเมื่อปลดหมวกกันน็อคและเป้สะพายวางลงที่มุมด้านหนึ่งของหลังตู้และถอดเสื้อแจ็คเก็ตสีเทาที่สวมทับเสื้อแขนยาวผูกเน็คไทตัวในออกมาสวมลงที่พนักเก้าอี้สำหรับนั่งคุยกับลูกค้ามุมหนึ่ง เช็ดหน้าด้วยผ้าขนหนูสี่เหลี่ยมผืนเล็ก เดินตรงไปรอลมแอร์คอนดิชั่นที่พุ่งมาปะทะตัว

รัชนีรอให้กมลเอ่ยก่อนทุกครั้ง

      "มีแขกเข้าร้านมั้ย"  กมลเอ่ยถามคำแรก

      " มีสองสาว ทานข้าวเสร็จแวะมาดูหน่อยนึง" รัชนีหมายถึงสุขุมวิท 31 ที่มีซอยเชื่อมกันขายอาหารหลายร้านย่านนี้

      " งั้นก็สบาย ว่างสินะ เอ้าดูนี่หน่อย" กมลหยิบเป้สะพายมา รูดซิปเปิดเอาซองพลาสติกที่มีกระดาษสเก็ตรูป และแกะซองที่มีสำลีหุ้มโอปอออกมาวางบนตู้ที่รัชนียืนเท้าแขนอยู่

      "โอ้โฮ สวยจัง สีสดดีนะ เขาคงเก็บดี นี่แบบตามนี้เรอะ" เธอนึกถึงว่าโอปอต้องเก็บใกล้ความชื้นตามที่ได้เรียนการดูเพชรพลอยมา

      "ใช่ วาดสามรูป ลูกค้าเลือกอันนี้"

      "เสนอไปเท่าไรล่ะ"

      "ห้าถึงหกหมื่น แล้วแต่ขนาดของเพชรด้วย"

      "ดีจัง ใครล่ะ"

       "แม่บ้าน ว่างๆเอาโอปอมาดูแล้วอยากทำ เขาว่าร้อนจนไม่อยากออกไปไหน รื้อโน่นนี่เจอเลยอยากใส่ "

       "มลพบเขาได้ไงล่ะ "

       " เพื่อนโทรมาเรียก ดีนะ ม่ายงั้นแย่เดือนนี้ อ้อ เสนอบุษราคัมไปด้วย บอกมีเม็ดใหญ่เหมาะทำแหวน เห็นพี่แกใส่แหวนหัวโตเขียวส่องอยู่เลยเสนอไป คราวหน้านีบอกพี่เขายืมเอาไปให้ลูกค้าดูด้วยนะ แล้วจะเลี้ยงมื้อนึง"

      " ถ้าสำเร็จก็ต้องสองมื้อนะมล"

   กมลเหลือบตาเหล่รัชนีอย่างขำในโอกาสที่เธอรีบฉวย

       " เลี้ยงหนังเลย"

        กมลหยอดมั่ง ถือเป็นความสนุกสนานพึงหาได้กับเพื่อนร่วมงาน รัชนียิ้มเฉย ก็เธอเฝ้ามองแหวนเพชรทุกวัน อยากจะเป็นเจ้าของสักวง ไม่ต้องถึงกะรัตหรอกสักห้าสิบสตางค์ก็พอใจแล้ว

        กมลควักเอาเม็ดพลอยหลากสี เป็นตัวอย่างสำหรับให้ลูกค้าดู มาคืนให้รัชนีเก็บ และกำชับว่าพรุ่งนี้เขาจะเข้ามาอีกหนหลังจากเอางานนี้ไปปรึกษาช่างของร้านเพื่อดำเนินการต่อไป

        เมื่อกมลเดินออกจากร้านพร้อมภาพสเก็ตและโอปอของลูกค้า รัชนีได้แต่มองตามด้วยความคิดคำนึง เวลาเลิกงานที่ไม่ตรงกัน ทำให้ทั้งสองเลิกงานไม่พร้อมกัน โอกาสที่จะไปไหนด้วยกันจึงไม่มี


       เช้านี้ ไม่ใช่สิ สายแล้ว เอ..ทำไมร้านยังไม่เปิด กมลจอดรถที่หน้าร้านรีบโทรหารัชนี แต่ไม่มีสัญญาณเรียก จึงโทรหาคุณรัตนา ก็ได้ยินเสียงบอกว่า

      "กมลเรอะ รัชนีโทรมาลาว่าป่วยนะ เดี๋ยวพี่ไปเปิดร้านจะรีบไป จะรอมั้ย.."

       กมลรับฟังแล้วคิดตามคำบอกของคุณรัตนา ก็วันนี้เขานัดลูกค้าจะเอาไพลินรูปเหลี่ยมไปให้ลูกค้าทำแหวนให้สามี นี่จะเอายังไงดี พลอยไพลินนั่นคงอยู่ที่รัชนีแน่ๆ คงเบิกมาก่อนหน้านี้แล้ว เขาตัดสินใจบอกคุณรัตนาไปว่า

      "คงไม่รอละครับ มีลูกค้าใหม่ เดี๋ยวผิดนัดไม่ดี " เขาบอกแล้วก็ปิดสายโทรศัพท์แล้วรีบโทรหารัชนีสองหนสายเงียบเช่นเดิม จึงจำเป็นต้องคว้ามอเตอร์ไซด์ขี่ตรงไปหาลูกค้าพร้อมกับคิดสงสัยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

        เมื่อจบงานกับลูกค้ารายแรก ก็จำเป็นต้องไปพบลูกค้าเดิม พร้อมทั้งผลัดวันงานเสร็จว่าช่างไม่สบาย คิดว่าวันมะรืนจะเอางานมาส่ง พรุ่งนี้จะให้ช่างอื่นทำงานแทนคนที่ป่วย

        กลับถึงที่พัก กมลทำธุระสำคัญส่วนตัวเสร็จก็ขับรถดิ่งตรงไปคอนโดในซอยย่านชานเมืองจังหวัดนนท์  เขาขึ้นลิฟต์สำหรับตึกแปดชั้นไปที่ชั้นสี่ ผ่านเข้าไปแล้วจึงเคาะประตูสองครั้ง สองคู่ ประตูจึงถูกเปิดออกพร้อมคำถามเบาๆ

       " ทำไมมาวันนี้?"

       " มีอะไร ไม่บอกก่อนล่ะ"

       "บอกก็ไม่สมจริงสิ" เธอพูดพร้อมถอยหลังเข้าไป กมลเดินเข้าแล้วปิดประตู

        "เฮ้อ..ทำไมต้องเป็นทั้งสองคน"

        "คนเดียวหรือสองคนมันก็พอกันแหละ"

       รัชนี นั่งลงบนเตียงที่มีกระเป๋าใส่เสื้อผ้าวางอยู่ข้างเตียงแล้ว กมลเหลือบตามอง

        "แล้วทำไมปิดโทรศัพท์"

       "ทำให้ขาดการติดต่อไง"

        กมลนิ่งรับฟัง

        ล็อคเก็ตโอปอล้อมเพชรยังอยู่ที่เขาพร้อมเงินมัดจำสองหมื่น เขาเอาทั้งหมดส่งให้รัชนี พร้อมทั้งกำชับว่า

       "อย่าบอกใครเป็นอันขาดว่าอยู่ที่ไหน ใช้โทรสาธารณะอย่างเดียวในสองวันนี้  แล้วจะตามไปนะ"

        พูดจบเขาก็กอดรัชนีโดยเร็วและรีบผลุนผลันออกจากห้องไปด้วยแว่นตาสีดำพร้อมหมวกสวมกันน็อคปิดบังใบหน้า  มาขึ้นขับมอเตอร์ไซด์ออกไป


       สามทุ่ม เป็นเวลาที่รัชนีหิ้วกระเป๋าเดินทางใบขนาดย่อมออกจากคอนโดไปยังสถานีหมอชิต เธอนั่งรถโดยสารลงใต้ สวนทางตรงข้ามกับที่อยู่ภูมิลำเนาเดิม เธอซื้อตั๋วและซื้อแซนวิซและน้ำดื่มก่อนจะเข้าห้องน้ำและขึ้นไปรอในรถเป็นคนแรก

       เมื่อรถเคลื่อนออกจากสถานี เธอก็เอนพิงพนัก หลับตาทบทวนเรื่องราวเมื่อวานซืนเย็นที่เบิกพลอยไพลินราคาห้าหมื่นจากคุณรัตนาที่รีบแวะมาร้าน ให้ลูกค้าที่สั่งทำโอปอล้อมเพชรจะทำแหวนให้สามีดู พร้อมพลอยเม็ดเล็กอื่นอีกอ้างเป็นตัวอย่างให้ลูกค้ารายใหม่ที่กมลต้องไปพบวันนี้ เธอรู้ว่ากมลเก็บค่ามัดจำเพชรมาแล้ว ส่วนงานส่งลูกค้าคนก่อนโน้นก็ยังไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นทั้งที่เก็บเงินมัดจำสองหมื่นห้ามาแล้ว รัชนีคำนวณไปมาครั้งนี้เธอได้เงินราวสี่แสน รวมกับแหวนพลอยจากในตู้อีก เธอยิ้มเมื่อคิดว่าจำนวนจะเพิ่มมากขึ้นอีก ถ้ากมลเอาส่วนของเขามารวมด้วย แต่ถึงไม่รวมเธอก็ไม่ว่าอะไร เพราะรู้ว่ากมลต้องเอาตัวรอดด้วยคุณสมบัติของเซลล์อยู่แล้วในเหตุการณ์ที่จะเกิดหลังจากวันนี้  สำคัญที่ตัวเธอจะไปพบฮูโก้ที่หมั่นมาหาเธอบ่อยๆที่ร้านโดยไม่มีใครรู้เห็น เพราะเธออยู่ร้านคนเดียว เธอนัดพบกับเขาที่อำเภอเบตงก่อนไปมาเลเซียด้วยกัน

        รัชนีนึกถึงอากาศเย็นสบายที่เบลเยี่ยมตามที่ฮูโก้เล่าให้ฟังด้วยดวงตาสีเทาใส

        จุดนั้นทำให้เธอลืมวันเวลาที่มีอย่างปิดบังกับกมลไปเสียสิ้น

        การไม่เปิดเผยก็ดีไปอย่าง เธอยิ้มกับตัวเอง

         ลาก่อนนะกมล...

                                                                          
                                 จบ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
ชอบอ่านเรื่องสั้นแบบนี้มาก

ไม่คิดว่า .. วันหนึ่งที่สูงวัย

จะได้มาอ่านในมือถือ

ขอบคุณมาก

สนุกค่ะ  .. ชวนติดตาม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่