แม่เรามีที่ดินอยู่ติดกับยายที่ต่างจังหวัด ซึ่งเป็นคนละที่กับบ้านที่เราอยู่ในปัจจุบัน น้ามาขออยู่อาศัยขอปลูกบ้านในที่ของแม่ก็ให้อยู่
เวลาผ่านไปสิบกว่าปี เขาอยากได้ที่ของเราจึงไปฟ้องครอบครองปรปักษ์เพื่อหวังได้ที่ดินของแม่เราเป็นของตัวเอง
บอกก่อนนะคะว่าที่ผ่านมาแม่เราไม่เคยเก็บค่าเช่าสักบาทเดียว มีแต่เขาขอรายเดือน5-6พันจากแม่ทุกเดือนเพราะว่ายายก็อยู่กับเขา
เขาไม่มีรายได้แน่นอน ทำร้านอาหารก็ขายไม่ดี ขายของชำ ตู้แช่ก็ได้นิดๆหน่อย ทุกๆปีช่วงเทศกาลเรากับพ่อแม่กลับบ้านมาหายายตลอด
ไม่เคยมีปัญหากับเขาเลยแม้แต่นิดอยู่แบบครอบครัวแบ่งกินแบ่งใช้ด้วยกันเสมอ เรื่องมาเกิดเมื่อเดือนสิงหาคมปี60 แม่เราเป็นครูเกษียณแล้วก็มองเห็นว่าอยากมาอยู่กับยายที่ต่างจังหวัด แม่เรามองเห็นว่าที่ดินของแม่ที่ให้น้าอยู่ด้านข้างกับบ้านน้ำที่ทำร้านอาหารมันรกร้างไม่มีอะไร เลยคิดปุ้ปปั้บว่าอยากสร้างตึกอาคารพาณิชย์เพราะที่ของเรานั้นอยู่ติดกับถนนใหญ่เลย เป็นทำเลเงินที่ดี เลยบอกน้าว่าขอให้รื้อร้านออกเขาก็ทำแต่ก็เริ่มๆมีอาการไม่พอใจแล้วล่ะ
อยู่กันแบบเขามักปิดบ้านหนีหายไปหลายวัน ช่วงนั้นพ่อเราก็มาดูแลเรื่องหาช่างหาอะไรให้ เพราะแม่เราป่วยกระเพาะปัสสาวะเข้าโรงพยาบาลพอดีช่วงนั้นเลยยุ่งๆกันหน่อย เพราะหลักแม่จะเป็นคนจัดการทุกอย่างได้ดี ส่วนน้าเรานั้นนานๆไปเยี่ยมแม่ทีแบบบอกว่ายายให้มาดูน่ะ เป็นไงบ้าง มาขอเงินอีกต่างหากหลายครั้งครั้งละพัน แม่เราก็ให้เราหยิบให้น้าไป หลังแม่ผ่าตัดแล้วออกจากโรงพยาบาลเขานิ่งเฉยไม่สนใจเราเลย เราไปหาเขาก็ปิดบ้านใส่ เราเลยต่างคนต่างอยู่เอายายมาอยู่บ้านกับเราด้วย จากนั้นสามสี่เดือนได้อาเราที่เฝ้าบ้านให้ทางนั้นก็โทรมาบอกแม่เราว่ามีหมายศาลมาหาจากชื่อน้าเราฟ้อง จึงให้ส่งให้แม่เราที่อยู่ต่างจังหวัดจึงได้รู้ว่าเขาฟ้องร้องเราแล้วจริงๆ ก็รู้สึกตกใจนะว่าเขากล้าทำแบบนี้กับเราได้ยังไง ที่ผ่านมามันยังไม่พออีกเหรอที่แม่เราให้อยู่อาศัยและปลูกบ้านทำมาหากินให้ครอบครัวเขาอยู่อย่างสุขสบาย เขารู้สึกยังไงเขาไม่มาคุยมาพูดกับเราดีๆเหมือนแต่ก่อน เขาเปลี่ยนไปเหมือนเห็นเราเป็นคนอื่นไม่ใช่คนในครอบครัวไปซะแล้วเหรอ ช่วงรอหมายนัดไปศาลแม่เรากับยายก็เดินไปคุยกับเขาเองเลยนะ เขาตะโกนใส่ไม่คุยๆ ไปคุยที่ศาลอย่างเดียวเลย แล้วปิดหน้าบ้านด่าเสียงดังออกมาอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน
ที่บ้านเราคุยกันว่าจริงๆแล้วความคิดที่เขาทำแบบนี้ไม่ได้มาจากน้าเขาหรอก แต่เป็นความคิดของแฟนน้า บอกก่อนนะ น้าเราเป็นเมียน้อยเกาะกับแฟนนี่มาตั้งแต่มาขอปลูกบ้านแล้วล่ะ ปัจจุบันเขายังไปมาหาสู่กันน้าเราไม่ได้มีลูกกับเขานะ น้าเรามีลูกสองคนกับสามีคนแรกก่อนแล้ว ทำงานแล้วเป็นพี่เราหลายปี
ส่วนแฟนน้าเราเขาก็ยังอยู่กับลูกเมียเขาเพราะเขามีหน้าที่การงานเป็นข้าราชการมีหน้ามีตาในสังคมอยู่ ความคิดที่จะเอาที่ดินแม่เราเป็นของเขานั้นก็คงมาจากแฟนน้าเรานี่แหละ พาไปทำเรื่องนั่นนี่ เอาจริงๆน้าเราไม่สามารถเก่งได้ขนาดนี้ เราก็คิดเสมอว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันไม่เคยคิดร้ายกับใครก็ใช่ว่าเขาจะคิดดีตอบแทนเรา แม่กับเราก็ไปศาลตามนัด พูดตลอดว่าเรายังให้เขาอยู่แต่ไม่ให้กรรมสิทธิ์ เขาก็ไม่ฟัง แต่งเรื่องว่าเราด่าเขารบกวนเขาทำมาหากินไม่ได้ เราบอกอยากได้จะขายให้เขาก็ไม่เอาบอกไม่มีเงิน เขาอยู่มานานเขาต้องได้
เราขอความคิดเห็นใครที่เคยเจอมีประสบการณ์เรื่องนี้บอกเราทีจะไปต่อยังไงดี เฮ้อออออ...
โดนฟ้องร้องครอบครองปรปักษ์จากคนในครอบครัวอย่างนี้ก็ได้เหรอ????
เวลาผ่านไปสิบกว่าปี เขาอยากได้ที่ของเราจึงไปฟ้องครอบครองปรปักษ์เพื่อหวังได้ที่ดินของแม่เราเป็นของตัวเอง
บอกก่อนนะคะว่าที่ผ่านมาแม่เราไม่เคยเก็บค่าเช่าสักบาทเดียว มีแต่เขาขอรายเดือน5-6พันจากแม่ทุกเดือนเพราะว่ายายก็อยู่กับเขา
เขาไม่มีรายได้แน่นอน ทำร้านอาหารก็ขายไม่ดี ขายของชำ ตู้แช่ก็ได้นิดๆหน่อย ทุกๆปีช่วงเทศกาลเรากับพ่อแม่กลับบ้านมาหายายตลอด
ไม่เคยมีปัญหากับเขาเลยแม้แต่นิดอยู่แบบครอบครัวแบ่งกินแบ่งใช้ด้วยกันเสมอ เรื่องมาเกิดเมื่อเดือนสิงหาคมปี60 แม่เราเป็นครูเกษียณแล้วก็มองเห็นว่าอยากมาอยู่กับยายที่ต่างจังหวัด แม่เรามองเห็นว่าที่ดินของแม่ที่ให้น้าอยู่ด้านข้างกับบ้านน้ำที่ทำร้านอาหารมันรกร้างไม่มีอะไร เลยคิดปุ้ปปั้บว่าอยากสร้างตึกอาคารพาณิชย์เพราะที่ของเรานั้นอยู่ติดกับถนนใหญ่เลย เป็นทำเลเงินที่ดี เลยบอกน้าว่าขอให้รื้อร้านออกเขาก็ทำแต่ก็เริ่มๆมีอาการไม่พอใจแล้วล่ะ
อยู่กันแบบเขามักปิดบ้านหนีหายไปหลายวัน ช่วงนั้นพ่อเราก็มาดูแลเรื่องหาช่างหาอะไรให้ เพราะแม่เราป่วยกระเพาะปัสสาวะเข้าโรงพยาบาลพอดีช่วงนั้นเลยยุ่งๆกันหน่อย เพราะหลักแม่จะเป็นคนจัดการทุกอย่างได้ดี ส่วนน้าเรานั้นนานๆไปเยี่ยมแม่ทีแบบบอกว่ายายให้มาดูน่ะ เป็นไงบ้าง มาขอเงินอีกต่างหากหลายครั้งครั้งละพัน แม่เราก็ให้เราหยิบให้น้าไป หลังแม่ผ่าตัดแล้วออกจากโรงพยาบาลเขานิ่งเฉยไม่สนใจเราเลย เราไปหาเขาก็ปิดบ้านใส่ เราเลยต่างคนต่างอยู่เอายายมาอยู่บ้านกับเราด้วย จากนั้นสามสี่เดือนได้อาเราที่เฝ้าบ้านให้ทางนั้นก็โทรมาบอกแม่เราว่ามีหมายศาลมาหาจากชื่อน้าเราฟ้อง จึงให้ส่งให้แม่เราที่อยู่ต่างจังหวัดจึงได้รู้ว่าเขาฟ้องร้องเราแล้วจริงๆ ก็รู้สึกตกใจนะว่าเขากล้าทำแบบนี้กับเราได้ยังไง ที่ผ่านมามันยังไม่พออีกเหรอที่แม่เราให้อยู่อาศัยและปลูกบ้านทำมาหากินให้ครอบครัวเขาอยู่อย่างสุขสบาย เขารู้สึกยังไงเขาไม่มาคุยมาพูดกับเราดีๆเหมือนแต่ก่อน เขาเปลี่ยนไปเหมือนเห็นเราเป็นคนอื่นไม่ใช่คนในครอบครัวไปซะแล้วเหรอ ช่วงรอหมายนัดไปศาลแม่เรากับยายก็เดินไปคุยกับเขาเองเลยนะ เขาตะโกนใส่ไม่คุยๆ ไปคุยที่ศาลอย่างเดียวเลย แล้วปิดหน้าบ้านด่าเสียงดังออกมาอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน
ที่บ้านเราคุยกันว่าจริงๆแล้วความคิดที่เขาทำแบบนี้ไม่ได้มาจากน้าเขาหรอก แต่เป็นความคิดของแฟนน้า บอกก่อนนะ น้าเราเป็นเมียน้อยเกาะกับแฟนนี่มาตั้งแต่มาขอปลูกบ้านแล้วล่ะ ปัจจุบันเขายังไปมาหาสู่กันน้าเราไม่ได้มีลูกกับเขานะ น้าเรามีลูกสองคนกับสามีคนแรกก่อนแล้ว ทำงานแล้วเป็นพี่เราหลายปี
ส่วนแฟนน้าเราเขาก็ยังอยู่กับลูกเมียเขาเพราะเขามีหน้าที่การงานเป็นข้าราชการมีหน้ามีตาในสังคมอยู่ ความคิดที่จะเอาที่ดินแม่เราเป็นของเขานั้นก็คงมาจากแฟนน้าเรานี่แหละ พาไปทำเรื่องนั่นนี่ เอาจริงๆน้าเราไม่สามารถเก่งได้ขนาดนี้ เราก็คิดเสมอว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกันไม่เคยคิดร้ายกับใครก็ใช่ว่าเขาจะคิดดีตอบแทนเรา แม่กับเราก็ไปศาลตามนัด พูดตลอดว่าเรายังให้เขาอยู่แต่ไม่ให้กรรมสิทธิ์ เขาก็ไม่ฟัง แต่งเรื่องว่าเราด่าเขารบกวนเขาทำมาหากินไม่ได้ เราบอกอยากได้จะขายให้เขาก็ไม่เอาบอกไม่มีเงิน เขาอยู่มานานเขาต้องได้
เราขอความคิดเห็นใครที่เคยเจอมีประสบการณ์เรื่องนี้บอกเราทีจะไปต่อยังไงดี เฮ้อออออ...