สวัสดีค่า วันนี้จะมารีวิวตัวช่วยทำความสะอาดบ้านที่ฮิตกันสุดๆ ณ ตอนนี้ให้ชมกันนะคะ นั่นก็คือหุ่นยนต์ดูดฝุ่นนั่นเองค่า ^_^
ที่จริงแรงบันดาลใจของการรีวิวครั้งนี้เกิดมาจาก เวลาใครต่อใครมาที่บ้าน แล้วเห็นเจ้าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นวางจอดเอาไว้
มักจะถามกันว่า "ไอ้นี่มันใช้งานได้จริงหรอ" คือแทบจะทุกคนเลยที่รู้สึกแปลกใจว่าทำไมเราใช้เครื่องนี้ทำความสะอาดบ้าน 555
วันนี้ว่างๆ ก็เลยมารีวิวให้ชมกันค่ะ
หุ่นยนต์ดูดฝุ่นตัวนี้ เราซื้อเพราะว่าช่วงนั้นกำลังจะย้ายบ้านใหม่ (จากทาวน์โฮมเป็นบ้านเดี่ยว)
แล้วพอดีว่าแม่บ้านที่เคยจ้างอยู่ ขอลากลับบ้านแล้วไม่กลับมาอีกซะงั้น เราก็เลยรู้ละว่าเราต้องทำงานบ้านกันเองแล้วสินะ
เราเลยคิดว่าต้องทำยังไงดี มีตัวช่วยมั้ย จริงๆ เราเองก็ทำงานที่บ้านแหล่ะ แต่ก็ไม่ได้จะมาว่างกวาดว่างถูตลอด (ขี้เกียจด้วย)
แล้วก็ยังไม่ได้คิดจะหาแม่บ้านคนใหม่ด้วย
เราเลยนึกถึงหุ่นยนต์ดูดฝุ่นขึ้นมา (เราค่อนข้างสนใจพวกตัวช่วยทุ่นแรงอะไรแบบนี้อยู่แล้วค่ะ เป็นพวกแม่บ้านไอที สาขาอุปกรณ์ดีเด่นค่ะ 555)
เพราะเคยอ่านรีวิวแล้วเจอเค้าบอกกันว่า เหมาะกับบ้านที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงในบ้าน เพราะมันดูดขนได้ดี (เราเลี้ยงหมา 3 ตัวในบ้าน)
ประกอบกับช่วงนั้นเรากำลังรีโนเวทบ้าน เราก็จะได้ไปเดินงานพวก โฮมแฟร์บ่อยๆ เราก็เลยไปเดินดูที่งานโฮมโปรที่เมืองทองธานีค่ะ
ในงานมีให้เลือกหลายยี่ห้อมากค่ะ เราเองก็ดูแทบทุกบูธ ราคามีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลายหมื่นเลยค่ะ
เราเองไม่ได้มีสเป๊คเอาไว้ในใจ เลยไปให้เซลล์แต่ละบูธแนะนำเอา และหลังจากที่เราสำรวจเป็นที่พอใจแล้ว
เราก็มานั่งตัดสินใจกับสามีแป๊บนึงว่าจะเอายังไงดี ผลสรุปออกมาว่า
เราอยากได้ที่มันดูดฝุ่น/ขนหมาได้ (ของมันแน่อยู่แล้ว)
ราคาไม่แพงมาก รับได้ที่หมื่นต้นๆ
ไม่ต้องสั่งการด้วยมือถือได้ก็ได้ เพราะคงใช้เฉพาะตอนอยู่บ้านเท่านั้น
ระบบ Mapping (คือการจดจำทิศทางการเดิน ให้เดินอย่างทั่วถึง ไม่เดินสะเปะสะปะ)
ดีไซน์สวยงาม ไม่เทอะทะ
จึงได้มาเป็นของยี่ห้อนี้ค่ะ Mister Robot รุ่น Hybrid Mapping เพราะตรงกับความต้องการทุกอย่าง (แถมฟังก์ชันถูพื้นด้วย)
และเคยเห็นโฆษณาผ่านตาใน facebook มาบ้าง เลยคุ้นเคยกว่ายี่ห้ออื่นค่ะ
และแถมตอนนั้นเค้ามีโปรด้วย คือซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่น แถมเครื่องดูดฝุ่นปกติ และเครื่องดูดไรฝุ่น คือดีอ่ะ ซื้อ 1 ได้ถึง 3 เราก็เลยจัดเลย
เกริ่นมาซะนานเลย มาดูการใช้งานจริงกันค่ะ เริ่มตั้งแต่กล่องเลยนะคะ
** หมายเหตุ : บางรูปอาจจะสกปรกหน่อยนะคะ เพราะเราใช้มาประมาณ 6 เดือนแล้วค่ะ
มาดูอุปกรณ์แต่ละชิ้นกันค่ะ ชิ้นแรกเป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่น
แท่นชาร์จ
ถังสำหรับใส่น้ำ (ฟังก์ชันถูบ้าน)
ผ้าสำหรับถู เค้ามีมาให้ 2 ชิ้น
แผ่นกรอง หรือแผ่นฟิลเตอร์ อันนี้จะมีติดมาในเครื่อง 1 อัน แล้วก็ในกล่อง 1 อัน
แปรงหน้า 2 ชิ้น แปรงยาง 1 ชิ้น อันที่จริงถ้าใช้กับพื้นบ้านทั่วไปควรจะใช้แปรงยางมากกว่าค่ะ เพราะจริงๆ ตัวแปรงยางเป็นแปรงแบบใหม่
ช่วยเก็บเส้นผมและขนสัตว์ที่พื้นเรียบได้ดี และสามารถถอดไปทำความสะอาดได้ง่ายกว่าด้วย แต่ว่าเราใช้แปรงที่ติดมากับตัวเครื่องตั้งแต่แรก
แล้วรู้สึกชิน เลยใช้อันนั้นมาตลอดค่ะ (อันนี้เราจะมารีวิวเลยทักไปถามเค้ามาว่า ไอ้แปรงยางตัวนี้เอาไว้ทำอะไรเพราะส่วนตัวไม่เคยใช้เลย)
ส่วนแปรงตัวที่ติดมากับเครื่องเหมาะกับพื้นที่เป็นพรมค่ะ เพราะจะดึงขนออกจากพรมได้มากกว่า แต่ก็สามารถใช้กับพื้นปกติได้เหมือนกันค่ะ
ตัวที่ติดมากับเครื่องจะเป็นตัวนี้ค่ะ (อยู่ในกรอบเหลืองๆ)
รีโมท อันนี้ก็เป็นตัวที่ทำให้เราตัดสินใจซื้อเครื่องนี้ด้วยค่ะ เพราะตอนพนักงานขายเค้าสาธิตให้ดู คือเราสามารถบังคับหุ่นยนต์เองได้ด้วย
คือเราว่าอันนี้ดีนะ คือก่อนใช้เราก็กังวลว่ามันจะวิ่งไปทั่วถึงรึเปล่า แต่พอรู้ว่าเราบังคับเองได้ มันก็รู้สึกว่าเราควบคุมได้ ตรงไหนไม่สะอาดเราก็บังคับให้มันวิ่งไปทางนั้นได้
แล้วยังมีฟังก์ชันการทำงานอีกหลายๆ หมวด ตามนี้ค่ะ
ปุ่มลูกศร เอาไว้บังคับหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ให้วิ่งไปดูดตามทิศทางที่เราต้องการ
ปุ่ม Clean เอาไว้สั่งให้ทำงานหรือหยุดงาน
ปุ่ม Max ให้เครื่องดูดฝุ่นทำงานแรงกว่าปกติ ใช้ในกรณีที่ไม่ได้ทำความสะอาดเป็นเวลานาน
ปุ่ม Plan เอาไว้ตั้งเวลาให้เครื่องทำงานเอง (ต้องตั้งนาฬิกาด้วย)
ปุ่ม Clock ใช้สำหรับตั้งเวลาของตัวเครื่อง
ปุ่มที่เป็นรูป หมุนๆ วงกลม เป็นปุ่มที่ใช้ทำความสะอาดเฉพาะจุด ถ้ากดปุ่มนี้ หุ่นยนต์จะวิ่งหมุนเป็นวงกลมๆ ย้ำตรงจุดๆ นั้นค่ะ
ปุ่ม บ้าน เป็นการสั่งงานให้หุ่นยนต์วิ่งไปที่แท่นชาร์จ
ปุ่ม ลูกศรไขว้ เป็นการสั่งให้ทำงานแบบสุ่ม คือไม่ได้วิ่งเป็น Map วิ่งแบบตามใจเครื่องค่ะ
(อาจจะใช้ตอนที่เราปล่อยวิ่งแบบ Map ไปแล้วรอบนึงเพื่อเก็บความเรียบร้อยค่ะ)
แปรงทำความสะอาดตัวเครื่องและหัวแปรงต่างๆ
ต่อไปมาดูตัวเครื่องกันบ้างนะคะ ตัวถังเก็บฝุ่นจะอยู่ด้านหลังของเครื่อง สามารถถอดออกมาได้ค่ะ (ช่องนี้เป็นช่องเดียวกับที่ถังใส่น้ำจะใส่เข้าไปค่ะ)
ถอดออกมาหน้าตาก็จะประมาณนี้
เปิดออกมาดูตรงนี้จะเจอฝุ่นแล้วค่ะ พอดีอันนี้ทำความสะอาดแล้วเลยไม่เห็นฝุ่น
และตรงส่วนสีฟ้าๆ นั่นเป็นช่องใส่ฟิลเตอร์ค่ะ ดึงตรงที่จับสองข้างออกมาได้เลย
ดึงออกมาแล้วจะเจอประมาณนี้ (จริงๆ จะมีฟองน้ำก่อนถึงฟิลเตอร์อีกชั้นนึงค่ะ พอดีเราลืมถ่ายเอาไว้)
ส่วนตัวฟิลเตอร์ที่เห็นในรูปนี้ คือเราเอาอันใหม่มาเปลี่ยนเลยค่ะ ก็ถือโอกาสนี้เป็นการเปลี่ยนเป็นของใหม่ไปเลย
เพราะของเก่าค่อนข้างเขรอะค่ะ ไม่กล้าโชว์จริงๆ 555
** หมายเหตุ : จากที่เราอ่านมาในคู่มือ บอกไว้ว่าควรเปลี่ยนทุก 6 เดือน เพื่อสุขอนามัยที่ดีค่ะ **
หลังจากเปลี่ยนเสร็จแล้วก็ปิดเข้าไปให้เหมือนเดิม แล้วมาดูการใช้งานจริงกันค่ะ
เครื่องของเราก็จะวางเอาไว้แบบนี้ตลอด ถ้าจะใช้งานก็เปิดเครื่องได้เลย
วิธีการวางเครื่องที่ถูกต้องคือ ไม่ให้วางแบบทางซ้ายหรือขวาชิดผนังจนเกินไป
เพราะตอนหุ่นยนต์วิ่งกลับแท่นชาร์จเค้าจะหาแท่นชาร์จไม่เจอค่ะ
ก่อนเริ่มการใช้งานให้ดูสวิตช์ไฟก่อนค่ะ ว่ามันเปิดอยู่รึเปล่า ถ้าไม่เปิด เครื่องจะทำงานไม่ได้นะคะ สวิตช์อยู่ข้างๆ เครื่องค่ะ
ตามในรูปนี้คือเปิดอยู่ค่ะ
ข้างๆ สวิตช์จะมีช่องเสียบสายไฟ คือถ้าเราไม่สะดวกที่จะตั้งแท่นชาร์จเอาไว้ ก็สามารถเอาสายชาร์จมาเสียบเพื่อชาร์จได้เลยค่ะ
สถานะไฟที่เครื่องจะมีตามนี้ค่ะ ถ้าไม่มีไฟคือเครื่องไม่ได้เปิด สีส้มคือเครื่องพร้อมทำงาน สีเขียวคือเครื่องกำลังทำงานอยู่
วิธีการเปิดเครื่องมี 2 วิธีค่ะ คือจะกดปุ่ม Clean ที่ตัวหุ่นยนต์ก็ได้ หรือจะกดปุ่ม Clean ที่รีโมทก็ได้ค่ะ
หลังจากกดปุ่มแล้ว เครื่องก็จะวิ่งออกจากแท่นชาร์จไปทำความสะอาดค่ะ
ดูจากรูปล่าง จะเห็นว่าแปรงปัดที่อยู่ด้านหน้า ปัดได้จนเกือบเข้ามุมเลยนะคะ (อาจจะต้องสังเกตุนิดนึงเพราะว่าแปรงมันหมุนอยู่ ถ่ายไม่ค่อยติดค่ะ)
หลังจากปล่อยวิ่งไปประมาณ 5 นาที เรามาลองแกะกล่องเก็บฝุ่นกันดูนะคะ (ภาพล่าง)
เป็นยังไงคะ น่ากลัวมั้ยคะ 555 ถ้ามองด้วยตาเปล่าเราก็ไม่รู้สึกว่าบ้านเราจะมีฝุ่นและเส้นขนเยอะได้ขนาดนี้ใช่มั้ยคะ
ฝุ่นนี่มาจากในบ้านเราจริงๆ เลยนะคะ ปล่อยเครื่องทำงานไปแค่ 5 นาทีเท่านั้น ตัวเราเองยังรู้สึกตกใจเลยค่ะ ว่าทำไมมันเยอะจัง ทั้งๆ ที่เพิ่งทำความสะอาดบ้านไปเมื่อวาน
จริงๆ อยากให้ลองสังเกตุว่ามันจะมีพวกฝุ่นเล็กๆ อยู่ ซึ่งไอ้เจ้าฝุ่นพวกนั้นกวาดยังไงก็ไม่หมดจริงๆ ค่ะ ต้องใช้เครื่องดูดฝุ่นเท่านั้น
ส่วนพวกขนน้องหมานี่เลิกพูดไปได้เลยค่ะ ยิ่งกวาดยิ่งปลิว กวาดแล้วติดไม้กวาดอีก ก็ต้องใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดอีก
แต่เราก็ขี้เกียจไงคะ เครื่องดูดฝุ่นปกติทั่วไปก็ใหญ่เทอะทะอีก ขี้เกียจลาก ขี้เกียจเก็บเป็นที่สุดค่ะ
[CR] รีวิว : การใช้งานจริงของหุ่นยนต์ดูดฝุ่นยี่ห้อ Mister Robot
ที่จริงแรงบันดาลใจของการรีวิวครั้งนี้เกิดมาจาก เวลาใครต่อใครมาที่บ้าน แล้วเห็นเจ้าหุ่นยนต์ดูดฝุ่นวางจอดเอาไว้
มักจะถามกันว่า "ไอ้นี่มันใช้งานได้จริงหรอ" คือแทบจะทุกคนเลยที่รู้สึกแปลกใจว่าทำไมเราใช้เครื่องนี้ทำความสะอาดบ้าน 555
วันนี้ว่างๆ ก็เลยมารีวิวให้ชมกันค่ะ
หุ่นยนต์ดูดฝุ่นตัวนี้ เราซื้อเพราะว่าช่วงนั้นกำลังจะย้ายบ้านใหม่ (จากทาวน์โฮมเป็นบ้านเดี่ยว)
แล้วพอดีว่าแม่บ้านที่เคยจ้างอยู่ ขอลากลับบ้านแล้วไม่กลับมาอีกซะงั้น เราก็เลยรู้ละว่าเราต้องทำงานบ้านกันเองแล้วสินะ
เราเลยคิดว่าต้องทำยังไงดี มีตัวช่วยมั้ย จริงๆ เราเองก็ทำงานที่บ้านแหล่ะ แต่ก็ไม่ได้จะมาว่างกวาดว่างถูตลอด (ขี้เกียจด้วย)
แล้วก็ยังไม่ได้คิดจะหาแม่บ้านคนใหม่ด้วย
เราเลยนึกถึงหุ่นยนต์ดูดฝุ่นขึ้นมา (เราค่อนข้างสนใจพวกตัวช่วยทุ่นแรงอะไรแบบนี้อยู่แล้วค่ะ เป็นพวกแม่บ้านไอที สาขาอุปกรณ์ดีเด่นค่ะ 555)
เพราะเคยอ่านรีวิวแล้วเจอเค้าบอกกันว่า เหมาะกับบ้านที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงในบ้าน เพราะมันดูดขนได้ดี (เราเลี้ยงหมา 3 ตัวในบ้าน)
ประกอบกับช่วงนั้นเรากำลังรีโนเวทบ้าน เราก็จะได้ไปเดินงานพวก โฮมแฟร์บ่อยๆ เราก็เลยไปเดินดูที่งานโฮมโปรที่เมืองทองธานีค่ะ
ในงานมีให้เลือกหลายยี่ห้อมากค่ะ เราเองก็ดูแทบทุกบูธ ราคามีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลายหมื่นเลยค่ะ
เราเองไม่ได้มีสเป๊คเอาไว้ในใจ เลยไปให้เซลล์แต่ละบูธแนะนำเอา และหลังจากที่เราสำรวจเป็นที่พอใจแล้ว
เราก็มานั่งตัดสินใจกับสามีแป๊บนึงว่าจะเอายังไงดี ผลสรุปออกมาว่า
เราอยากได้ที่มันดูดฝุ่น/ขนหมาได้ (ของมันแน่อยู่แล้ว)
ราคาไม่แพงมาก รับได้ที่หมื่นต้นๆ
ไม่ต้องสั่งการด้วยมือถือได้ก็ได้ เพราะคงใช้เฉพาะตอนอยู่บ้านเท่านั้น
ระบบ Mapping (คือการจดจำทิศทางการเดิน ให้เดินอย่างทั่วถึง ไม่เดินสะเปะสะปะ)
ดีไซน์สวยงาม ไม่เทอะทะ
จึงได้มาเป็นของยี่ห้อนี้ค่ะ Mister Robot รุ่น Hybrid Mapping เพราะตรงกับความต้องการทุกอย่าง (แถมฟังก์ชันถูพื้นด้วย)
และเคยเห็นโฆษณาผ่านตาใน facebook มาบ้าง เลยคุ้นเคยกว่ายี่ห้ออื่นค่ะ
และแถมตอนนั้นเค้ามีโปรด้วย คือซื้อหุ่นยนต์ดูดฝุ่น แถมเครื่องดูดฝุ่นปกติ และเครื่องดูดไรฝุ่น คือดีอ่ะ ซื้อ 1 ได้ถึง 3 เราก็เลยจัดเลย
เกริ่นมาซะนานเลย มาดูการใช้งานจริงกันค่ะ เริ่มตั้งแต่กล่องเลยนะคะ
** หมายเหตุ : บางรูปอาจจะสกปรกหน่อยนะคะ เพราะเราใช้มาประมาณ 6 เดือนแล้วค่ะ
มาดูอุปกรณ์แต่ละชิ้นกันค่ะ ชิ้นแรกเป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่น
แท่นชาร์จ
ถังสำหรับใส่น้ำ (ฟังก์ชันถูบ้าน)
ผ้าสำหรับถู เค้ามีมาให้ 2 ชิ้น
แผ่นกรอง หรือแผ่นฟิลเตอร์ อันนี้จะมีติดมาในเครื่อง 1 อัน แล้วก็ในกล่อง 1 อัน
แปรงหน้า 2 ชิ้น แปรงยาง 1 ชิ้น อันที่จริงถ้าใช้กับพื้นบ้านทั่วไปควรจะใช้แปรงยางมากกว่าค่ะ เพราะจริงๆ ตัวแปรงยางเป็นแปรงแบบใหม่
ช่วยเก็บเส้นผมและขนสัตว์ที่พื้นเรียบได้ดี และสามารถถอดไปทำความสะอาดได้ง่ายกว่าด้วย แต่ว่าเราใช้แปรงที่ติดมากับตัวเครื่องตั้งแต่แรก
แล้วรู้สึกชิน เลยใช้อันนั้นมาตลอดค่ะ (อันนี้เราจะมารีวิวเลยทักไปถามเค้ามาว่า ไอ้แปรงยางตัวนี้เอาไว้ทำอะไรเพราะส่วนตัวไม่เคยใช้เลย)
ส่วนแปรงตัวที่ติดมากับเครื่องเหมาะกับพื้นที่เป็นพรมค่ะ เพราะจะดึงขนออกจากพรมได้มากกว่า แต่ก็สามารถใช้กับพื้นปกติได้เหมือนกันค่ะ
ตัวที่ติดมากับเครื่องจะเป็นตัวนี้ค่ะ (อยู่ในกรอบเหลืองๆ)
รีโมท อันนี้ก็เป็นตัวที่ทำให้เราตัดสินใจซื้อเครื่องนี้ด้วยค่ะ เพราะตอนพนักงานขายเค้าสาธิตให้ดู คือเราสามารถบังคับหุ่นยนต์เองได้ด้วย
คือเราว่าอันนี้ดีนะ คือก่อนใช้เราก็กังวลว่ามันจะวิ่งไปทั่วถึงรึเปล่า แต่พอรู้ว่าเราบังคับเองได้ มันก็รู้สึกว่าเราควบคุมได้ ตรงไหนไม่สะอาดเราก็บังคับให้มันวิ่งไปทางนั้นได้
แล้วยังมีฟังก์ชันการทำงานอีกหลายๆ หมวด ตามนี้ค่ะ
ปุ่มลูกศร เอาไว้บังคับหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ให้วิ่งไปดูดตามทิศทางที่เราต้องการ
ปุ่ม Clean เอาไว้สั่งให้ทำงานหรือหยุดงาน
ปุ่ม Max ให้เครื่องดูดฝุ่นทำงานแรงกว่าปกติ ใช้ในกรณีที่ไม่ได้ทำความสะอาดเป็นเวลานาน
ปุ่ม Plan เอาไว้ตั้งเวลาให้เครื่องทำงานเอง (ต้องตั้งนาฬิกาด้วย)
ปุ่ม Clock ใช้สำหรับตั้งเวลาของตัวเครื่อง
ปุ่มที่เป็นรูป หมุนๆ วงกลม เป็นปุ่มที่ใช้ทำความสะอาดเฉพาะจุด ถ้ากดปุ่มนี้ หุ่นยนต์จะวิ่งหมุนเป็นวงกลมๆ ย้ำตรงจุดๆ นั้นค่ะ
ปุ่ม บ้าน เป็นการสั่งงานให้หุ่นยนต์วิ่งไปที่แท่นชาร์จ
ปุ่ม ลูกศรไขว้ เป็นการสั่งให้ทำงานแบบสุ่ม คือไม่ได้วิ่งเป็น Map วิ่งแบบตามใจเครื่องค่ะ
(อาจจะใช้ตอนที่เราปล่อยวิ่งแบบ Map ไปแล้วรอบนึงเพื่อเก็บความเรียบร้อยค่ะ)
แปรงทำความสะอาดตัวเครื่องและหัวแปรงต่างๆ
ต่อไปมาดูตัวเครื่องกันบ้างนะคะ ตัวถังเก็บฝุ่นจะอยู่ด้านหลังของเครื่อง สามารถถอดออกมาได้ค่ะ (ช่องนี้เป็นช่องเดียวกับที่ถังใส่น้ำจะใส่เข้าไปค่ะ)
ถอดออกมาหน้าตาก็จะประมาณนี้
เปิดออกมาดูตรงนี้จะเจอฝุ่นแล้วค่ะ พอดีอันนี้ทำความสะอาดแล้วเลยไม่เห็นฝุ่น
และตรงส่วนสีฟ้าๆ นั่นเป็นช่องใส่ฟิลเตอร์ค่ะ ดึงตรงที่จับสองข้างออกมาได้เลย
ดึงออกมาแล้วจะเจอประมาณนี้ (จริงๆ จะมีฟองน้ำก่อนถึงฟิลเตอร์อีกชั้นนึงค่ะ พอดีเราลืมถ่ายเอาไว้)
ส่วนตัวฟิลเตอร์ที่เห็นในรูปนี้ คือเราเอาอันใหม่มาเปลี่ยนเลยค่ะ ก็ถือโอกาสนี้เป็นการเปลี่ยนเป็นของใหม่ไปเลย
เพราะของเก่าค่อนข้างเขรอะค่ะ ไม่กล้าโชว์จริงๆ 555
** หมายเหตุ : จากที่เราอ่านมาในคู่มือ บอกไว้ว่าควรเปลี่ยนทุก 6 เดือน เพื่อสุขอนามัยที่ดีค่ะ **
หลังจากเปลี่ยนเสร็จแล้วก็ปิดเข้าไปให้เหมือนเดิม แล้วมาดูการใช้งานจริงกันค่ะ
เครื่องของเราก็จะวางเอาไว้แบบนี้ตลอด ถ้าจะใช้งานก็เปิดเครื่องได้เลย
วิธีการวางเครื่องที่ถูกต้องคือ ไม่ให้วางแบบทางซ้ายหรือขวาชิดผนังจนเกินไป
เพราะตอนหุ่นยนต์วิ่งกลับแท่นชาร์จเค้าจะหาแท่นชาร์จไม่เจอค่ะ
ก่อนเริ่มการใช้งานให้ดูสวิตช์ไฟก่อนค่ะ ว่ามันเปิดอยู่รึเปล่า ถ้าไม่เปิด เครื่องจะทำงานไม่ได้นะคะ สวิตช์อยู่ข้างๆ เครื่องค่ะ
ตามในรูปนี้คือเปิดอยู่ค่ะ
ข้างๆ สวิตช์จะมีช่องเสียบสายไฟ คือถ้าเราไม่สะดวกที่จะตั้งแท่นชาร์จเอาไว้ ก็สามารถเอาสายชาร์จมาเสียบเพื่อชาร์จได้เลยค่ะ
สถานะไฟที่เครื่องจะมีตามนี้ค่ะ ถ้าไม่มีไฟคือเครื่องไม่ได้เปิด สีส้มคือเครื่องพร้อมทำงาน สีเขียวคือเครื่องกำลังทำงานอยู่
วิธีการเปิดเครื่องมี 2 วิธีค่ะ คือจะกดปุ่ม Clean ที่ตัวหุ่นยนต์ก็ได้ หรือจะกดปุ่ม Clean ที่รีโมทก็ได้ค่ะ
หลังจากกดปุ่มแล้ว เครื่องก็จะวิ่งออกจากแท่นชาร์จไปทำความสะอาดค่ะ
ดูจากรูปล่าง จะเห็นว่าแปรงปัดที่อยู่ด้านหน้า ปัดได้จนเกือบเข้ามุมเลยนะคะ (อาจจะต้องสังเกตุนิดนึงเพราะว่าแปรงมันหมุนอยู่ ถ่ายไม่ค่อยติดค่ะ)
หลังจากปล่อยวิ่งไปประมาณ 5 นาที เรามาลองแกะกล่องเก็บฝุ่นกันดูนะคะ (ภาพล่าง)
เป็นยังไงคะ น่ากลัวมั้ยคะ 555 ถ้ามองด้วยตาเปล่าเราก็ไม่รู้สึกว่าบ้านเราจะมีฝุ่นและเส้นขนเยอะได้ขนาดนี้ใช่มั้ยคะ
ฝุ่นนี่มาจากในบ้านเราจริงๆ เลยนะคะ ปล่อยเครื่องทำงานไปแค่ 5 นาทีเท่านั้น ตัวเราเองยังรู้สึกตกใจเลยค่ะ ว่าทำไมมันเยอะจัง ทั้งๆ ที่เพิ่งทำความสะอาดบ้านไปเมื่อวาน
จริงๆ อยากให้ลองสังเกตุว่ามันจะมีพวกฝุ่นเล็กๆ อยู่ ซึ่งไอ้เจ้าฝุ่นพวกนั้นกวาดยังไงก็ไม่หมดจริงๆ ค่ะ ต้องใช้เครื่องดูดฝุ่นเท่านั้น
ส่วนพวกขนน้องหมานี่เลิกพูดไปได้เลยค่ะ ยิ่งกวาดยิ่งปลิว กวาดแล้วติดไม้กวาดอีก ก็ต้องใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดอีก
แต่เราก็ขี้เกียจไงคะ เครื่องดูดฝุ่นปกติทั่วไปก็ใหญ่เทอะทะอีก ขี้เกียจลาก ขี้เกียจเก็บเป็นที่สุดค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้