ความตอนที่แล้ว >> https://ppantip.com/topic/37928377


วันนี้วันที่ 5 เมื่อคืนหลับสบาย โรงแรม Park Inn ไม่มีแอร์นะคะ ใครมาพักไม่ต้องไปหา มีแต่พัดลม 1 ตัว ตั้งอยู่ เปิดแค่พัดลมตัวเดียวก็เย็นสบายคะ อยู่มาหลายวันเริ่มปรับเวลาได้ จากที่ตื่นตีสอง-ตีสาม ก็เริ่มตื่นตีห้า-หกโมง ทำกิจพร้อมนั่งสวดมนต์ทุกวันอย่างที่เคยทำ

พอ 07.30 น. ก็ลงมาทานอาหารเช้า ที่ห้องอาหารคนแยะมากคะ โดยเฉพาะทัวร์จีน เล่นเก้าอี้ดนตรีกันแต่เช้าเลย โรงแรมจัดอาหารรองรับไว้ 2 จุด เราก็เอาซุปซองที่ขนมาจากเมืองไทยลงมาแจมด้วยทุกวัน ทุกเช้าจะรอดตัวด้วยซุปที่เตรียมมากับไข่ต้ม ขนมเค้ก และไส้กรอกที่นี่รสชาติโอเค









วันนี้นัดเจอกัน 09.30 น. รถบัสมาปล่อยลงจุดแรกที่ไปถ่ายรูปคืออนุสาวรีย์พระเจ้าปีเตอร์มหาราช พระองค์ทรงม้า และม้าก็เหยียบงูตัวใหญ่ด้วย ไกด์บอกว่างูมีความหมายถึงศัตรู เห็นอนุสาวรีย์มามาก มีอันนี้แระแปลกดี



หลังจากแชะ ๆ ๆ แล้วก็เดินกลับไปที่มหาวิหารเซนต์ไอแซค (St. Isaac’s Cathedral) ภายในงดงามมากทุกพื้นที่ในวิหารเป็นภาพเขียนวิจิตรบรรจง ถ้ามีกล้องดี ๆ จะแจ่มแจ๋วมากกว่านี้ ความงดงามของมหาวิหารฯ นี้ เราเก็บภาพมาแยะมาก ภายในมีเสาที่ทำมาจากมาคาไลต์ (สีเขียว) ลาพิส ลาซูลี (สีน้ำเงิน) ส่วนสีส้มต้นใหญ่ ๆ เป็นหินแกรนิต สร้างได้ยิ่งใหญ่มาก

จากโฉนดที่ได้รับจากทัวร์บอกไว้ว่า “มหาวิหารเซนต์ไอแซคมีโดมขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก แต่ก่อนเคยเป็นโบสถ์ไม้เก่าหลังเล็ก พอเปลี่ยนเป็นมหาวิหารหลังใหญ่ความอลังการก็ปรากฏขึ้นด้วยอาคารหลังใหญ่ที่มีเสาหินแกรนิตขนาดใหญ่ จำนวน 48 ต้น ส่วนของยอดโดมที่เป็นสีทองทำด้วยทองคำแผ่นหนักประมาณ 100 กิโลกรัม” หากใครสนใจใคร่รู้มากกว่านี้ สามารถถามอากู๋เพิ่มเติมได้คะ








































เห็นรถเปิดท้ายขายกาแฟ ดูดีเลยแชะมาฝากคะ เผื่อเป็นไอเดียดี ๆ ให้ใครได้บ้าง


ออกจากมหาวิหารฯ ก็ไปเก็บภาพอนุสาวรีย์พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่ 1 ตอนแรกจะไม่ลงแล้ว แดดแรงมาก กะถ่ายจากบนรถ แต่พอมองไปมันเป็นตูดม้า เลยต้องลงมาถ่าย และได้ภาพตามที่เห็นเนี่ยแระคะ




ท้องอิ่ม ไกด์ก็พาเดินย่อยอาหารที่ Outlet Village Pulkovo สภาพโดยรวมเป็นร้านค้าชั้นเดียว มีร้านค้าเรียงราย ไม่ได้เก็บภาพสินค้าภายในร้านมาให้ดูกัน มีรองเท้า Nike, Adidas, Puma, Lacoste, Acis, Tiger, Ecco ถ้าเทียบราคาแล้วถูกกว่าไต้หวันมาก ถ้าถูกกว่าไต้หวัน แน่นอนมันถูกกว่าบ้านเรา เราก็กะไปฟันมาซักคู่ ที่ชอบก็ไม่มี size ที่มี size ก็ไม่ชอบ ตอนไปไต้หวันซื้อ Sketcher ที่มี size มา ใส่แล้วไม่ชอบเลย ไม่น่าซื้อมาเลย ดีทีคุณชายใส่ได้ ไม่งั้นคงเสียตังค์ฟรี เข็ดเลยถ้าใส่ได้แล้วไม่ชอบ อย่าไปซื้อกลับมา กระเป๋าเดินทางและพวกกระเป๋าต่าง ๆ แนะนำ Samsonite ถ้าคิดราคาที่นี่ขาย กับส่วนลดที่ได้เพิ่ม ถูกกว่าเมืองไทยมาก ส่วนร้านอื่น ๆ ไม่ได้เข้าไปชม สรุปไปที่นี่ไม่ได้อะไรสักอย่าง




เย็นนี้เราจะไปรับประทานอาหารเย็น Gala Dinner กันที่พระราชวังนิโคลัส เราต้องเดินขึ้นบันไดไปชั้น 3 เพื่อมาลิ้มรสไข่ปลาคาเวียร์ (มาถ้วยเล็ก ๆ) และจิบแชมเปญ (1 แก้ว) ระหว่างรับประทานอาหารก็จะมีเสียงเปียโนคลอ เล่นเพลงไทยซะด้วย


อาหารที่อยู่บนโต๊ะ ขนมปังที่วางอยู่ในจาน เขาให้กินตามเมนูที่วางไว้ เราก็ไม่ได้อ่าน พอนั่งได้ก็แจกขนมปังกัน ก็ฉีกกินกัน 555 บนโต๊ะวางส้อมกับมีดไว้ 2 ชุด บอกตรง ๆ ว่าไม่เคยเข้าคอร์สอบรมมารยาทบนโต๊ะอาหารมาเลย ใช้ไม่ถูก พี่น้อยบอกว่าให้ใช้จากนอกเข้าหาใน เราเลยบอกผู้ร่วมโต๊ะให้ทำตาม มันเป็นหน้าตาของประเทศเหมือนกันนะ ตอนกินสเต๊กหมูย่าง ไกด์ก็เดินเสริฟน้ำจิ้มแจ่ว เราคนไทยมันต้องมีรสชาติเผ็ด ๆ มันถึงจะเจริญอาหาร และตบท้ายเป็นไอศกรีม






หลังจากนั้นเราก็ลงไปชั้น 2 เพื่อไปชมการแสดง เราชอบการแสดงนะ ดูสนุกสนาม นักแสดงน่าตายิ้มแย้ม ชุดที่ใส่ของสวย มันบ่งบอกถึงวิถีชิวิตของคนรัสเซีย เขาห้ามถ่ายภาพ เราเลยถ่ายมาไม่แยะ ระหว่างการแสดงเขามีพักเบรกด้วย มีไข่ปลาคาเวียร์แบบพรีเมี่ยมให้ทาน และให้ชิมแชมเปญกุหลาบ เราไม่ได้ออกไป เพราะกระเพาะเริ่มแสบหลังจากซัดแชมเปญเข้าไป 1 แก้ว อาการเหมือนกรดไหลย้อนกำลังจะกำเริบ สุขไม่กี่นาที แต่ท้องไส้ทรมานไปทั้งวัน



จบจากกาล่าดินเนอร์ก็กลับโรงแรม เพื่อให้ทุกคนไปเก็บของ พรุ่งนี้เราจะ Check out เราจะได้กลับบ้านเราแล้ว คิดถึงอาหารไทยรสชาดที่คุ้นเคย พอถึงโรงแรมก็ขอแยกตัว ตั้งใจจะไปอนุสรณ์สถานฯ ฝั่งตรงข้ามกับโรงแรมฯ มันเหมือนมีใครมาเรียกร้องอยากให้เราไปหา มาถึงแล้วก็ต้องไป เราคงไม่กลับมาอีกแล้ว ตรงนี้ไม่มีทางม้าลายข้ามไป เราต้องเดินลงอุโมงค์ข้ามแยก คนเดินน้อยมาก ถ้าดึก ๆ คงเปลี่ยวน่าดู พอแยกขวาแรกเราก็เดินไปก็จะโผล่ที่อนุสรณ์สถานฯ ยังมีคนอยู่แต่น้อยมาก ในส่วนของพิพิธถัณฑ์ปิดแล้ว เขาจะเปิดเวลา 10.00 – 17.00 น. เราก็เดินเก็บภาพโดยรอบ และอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้กล้าเหล่านี้ ซึ่งไม่ใช่แค่ทหาร แต่ยังมีประชาชนทั้งชายและหญิง อันที่จริงเราไม่รู้ว่าที่นี่เรียกว่าอะไร แต่ดูแล้วเหมือนอนุสาวรีย์ชัยฯ บ้านเรา ก็น่าจะเรียกว่าอนุสรณ์สถานฯ น่าจะเหมาะกว่า เปลวไฟที่เรามองเห็นจากโรงแรม ไม่ใช่เปลวไฟจากหลอดไฟ แต่เป็นเปลวไฟจริง ๆ ที่จุดเอาไว้ เพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้วายชนม์ เสมือนเป็นสิ่งย้ำเตือนว่าเราจะไม่มีวันลืมเลือนพวกคุณลย




รัสเซียผ่านสงครามมาเยอะ สงครามไม่เคยให้ผลดีกับใครเลย มันมีแต่ความสูญเสีย การพลัดพราก บาดแผล และความเจ็บปวดของคนที่ยังอยู่ ทุกอย่างมันจบลงไปแล้ว เราต้องมองไปข้างหน้าและต้องอยู่กับมันให้ได้ เวลาจะช่วยเยียวยาทุกอย่าง





พอเก็บภาพเสร็จก็เดินกลับ มันเกือบจะสี่ทุ่มแล้ว เดี๋ยวอุโมงค์ใต้ดินมันจะเปลี่ยว เราเป็นคนต่างถิ่นมา ก็ต้องระมัดระวังตัวเอง ไม่นำตัวเองไปอยู่ในที่ที่เสี่ยง พอเดินขึ้นจากอุโมงค์ก็เจอกับพี่น้อยพอดี ก็ชวนพี่เค้ากลับมันดึกแล้ว ไว้ดูภาพที่น้องถ่ายมาดีกว่า

โปรดติดตามตอนต่อไป >> https://ppantip.com/topic/37930506