บทความเรื่อง "หนามตำใจ" ในการปฏิบัติธรรม


บางคนอาจจะไม่เข้าใจความหมายของคำว่า  "หนามตำใจในการปฏิบัติธรรม"  นี่คืออะไร? ผมจะอธิบายให้ชัดเจน

นักปฏิบัติธรรม จะต้องมีความตรงไปตรงมาในการปฏิบัติ มีสัมมาทิฏฐิในจิต ไม่ลำเอียง  ไม่เบี่ยงเบนและบิดเบือนความจริงโดยเจตนา  
ถ้าสิ่งใดที่คนอื่นพูดถูก คุณรู้อยู่แก่ใจว่าถูก คุณจะต้องว่าถูก ยอมรับในความถูกต้องนั้น (จิตของคุณจะพัฒนาไปเรื่อยๆ)  

แต่ถ้าคุณลำเอียงมีอคติด้วยอย่างหนึ่งอย่างใด (ลำเอียง เพราะรัก,เพราะโลภ,เพราะโกรธ,เพราะหลง)
แล้วเจตนาพูดเรื่องนั้นให้บิดเบือนไป ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าผู้อื่นพูดถูกต้องแล้ว

แสดงว่าคุณกำลังเดินออกนอกเส้นทางของความมีสัมมาทิฏฐิ ออกนอกเส้นทางของนักปฏิบัติ
เพราะการตั้งใจเจตนาพูดบิดเบือน  ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจว่าผู้อื่นพูดถูกต้องแล้ว  ก็คือการตั้งใจพูดเท็จโดยเจตนา  ศีลของคุณจึงไม่บริสุทธิ์  
และเรื่องๆนั้นก็จะกลายมาเป็นหนามตำใจในการปฏิบัติธรรมของคุณ จะทำให้คุณหาความก้าวหน้าในทางธรรมได้ยาก

ยกตัวอย่างเช่น....

ถ้าคุณเคยโต้เถียงกับผู้อื่นว่าไม่ควรที่จะฝึกกสิณ เพราะเข้าใจว่าการฝึกกสิณจะทำให้เป็นบ้า เพราะตอนนั้นคุณขาดความรู้

แต่ต่อมาในภายหลังคุณรู้แล้วว่า พระพุทธเจ้า เป็นผู้สอนให้ฝึกกสิณเอง ถ้าการฝึกกสิณแล้วเป็นบ้า พระพุทธเจ้า ก็คงจะไม่สอนเอาไว้
แสดงว่าคุณมีความเข้าใจผิด เพราะขาดความรู้ เพราะรู้ไม่ถึงเอง แต่ก็พยายามจะตะแบงพูดให้คนอื่นเข้าใจว่าการฝึกกสิณไม่ดีไปซะทุกกระทู้

จะมีผลทำให้ต่อมา ถ้าวันใดคุณนึกอยากจะฝึกกสิณเพื่อให้มีทิพย์จักษุญาณขึ้นมาบ้าง แต่ติดตรงที่คุณเคยโต้เถียงตะแบงกับผู้อื่นเอาไว้ในเรื่องกสิณ
พยายามพูดบิดเบือนความจริงเอาไว้มากมายซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าการฝึกกสิณไม่ดี (ทั้งๆที่รู้ความจริงแล้วว่าดี เพราะพระพุทธเจ้าทรงสอนเอาไว้เอง)  
ใจของคุณยังตะแบงอยู่ ว่าตัวเองพูดถูกต้องในครั้งนั้น ไม่ยอมรับว่าตัวเองขาดความรู้ จึงมีความเข้าใจผิด เพราะกลัวเสียหน้า  (ใจยังตะแบงไม่เลิก)

จะมีผลทำให้ทุกๆครั้งที่คุณพยายามจะฝึกกสิณให้ได้ หนามตำใจที่คุณเคยตะแบงธรรมในเรื่องกสิณกับผู้อื่นเอาไว้ จะออกมาขวางการปฏิบัติ
คุณจะวางอารมณ์สมาธิได้ไม่ถึง จะทำอย่างไรก็ไม่ผ่าน  จนกว่าจิตของคุณจะยอมรับถึงความเข้าใจผิดของตนเองในอดีตอย่างเต็มใจ
คุณถึงจะผ่านด่านนี้ไปได้ (นักปฏิบัติธรรมจะมาเจอด่านนี้ เพราะว่าคุณจะต้องมีสัมมาทิฏฐิในทุกๆเรื่องที่คุณกำลังปฏิบัติ)

และถ้าคุณชอบโต้เถียงกับผู้อื่นมาก โต้เถียงกับผู้อื่นบ่อย  และก็ชอบตะแบงธรรมว่าตัวเองพูดถูกไปซะทุกเรื่อง  (ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองเข้าใจผิดแล้ว)
คุณจะขาดสปิริตของนักปฏิบัติธรรม  คุณจะสะสมหนามตำใจอยู่ในจิตหลายเรื่อง  จะมีผลทำให้การปฏิบัติธรรมของคุณไม่ก้าวหน้า

เพราะผลกรรมจากการเจตนาปรามาสและตะแบงธรรม  จะมาปิดกั้นความเจริญในทางธรรมของคุณเอาไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่