สวัสดีครับ เพื่อนๆชาวพันทิพย์ 👏
เนื่องจากไม่กี่วันที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปเที่ยวต่างประเทศเป็นครั้งแรก และเป้าหมายหลักของกลุ่มผม (ชายโฉด 4 นาย) คือการไปพิชิตยอดภูเขาไฟฟูจิ ภูเขาที่เป็นที่นิยมที่สุดไม่ว่าเป็นชาวไทยหรือเทศ วันนี้หลังจากกลับมานั่งทำงาน ได้ตกตะกอนความคิดแล้วจึงมาตั้งกระทู้รีวิว (ซึ่งจะออกไปแนวๆเล่าเรื่องให้ฟังเสียมากกว่า) การพิชิตภูเขาไฟฟูจิ ที่ไม่ได้ยากอย่างที่คิด (และมันช่างน่าประทับใจเสียเหลือเกิน) หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ให้กับคนที่อยากจะไป รวมถึงคนที่อยากจะไปเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน แต่ไม่รู้จะไปไหนดี ว่าแล้วก็มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ...
Part 1: การเตรียมตัว
หลักๆ เลยก็มี 4 เรื่องครับ
1. ตั๋วเครื่องบิน
เนื่องจากฟูจิซังนั้นจะเปิดให้ปีนขึ้นไปถึงยอดได้ในช่วงเดือน กรกฏาคม - กันยายน ของทุกปี ช่วงเลือกวันไปก็พยายามหลีกเลี่ยงวันที่อาจมีพายุแล้วกันนะครับ ของผมบินไปโดยสายการบิน Nok scoot จากสนามบินดอนเมืองถึงสนามบินนาริตะ และขากลับบินโดยสายการบิน Scoot ค่าเสียหายอยู่ที่ประมาณ 11,000 บาทครับผม
2. การเดินทางจากสนามบินไป fujisan 5th station
ต่อมาก็การเดินทางจาก สนามบินนาริตะ ไป สถานีชั้น 5 ของภูเขาไฟฟูจิ โดยการเดินทางนั้นเริ่มแรกจากสนามบินนาริตะ ให้นั่งรถไฟจาก Terminal ไปยังสถานีรถไฟชินจูกุ ซึ่งแนะนำว่าตอนซื้อตั๋วที่เคาท์เตอร์ ให้ซื้อแบบไปกลับเลยนะครับ จะได้ส่วนลด ประหยัดไปได้เยอะ... ต่อมาเมื่อถึงสถานีชินจูกุแล้วให้เดินมาที่สถานีขนส่งรถบัสชินจูกุ จะมีรถบัสที่พาตรงไปยัง สถานีชั้น 5 ของภูเขาไฟฟูจิเลยครับ แต่รถบัสนี้ต้องจองมาจากประเทศไทยนะครับ(ไม่งั้นเต็ม) จองได้ที่เว็บไซต์นี้
https://highway-buses.jp/course/fuji-5th.php เลยครับ (อย่าลืมจองขากลับด้วยเน้อ)
3. ที่พักบนฟูจิซัง
ของพวกผมวางแพลนกันว่าลงจากเครื่องบินมาวันแรกก็เอากันเลยละกัน ขึ้นมันซะเลย(ซึ่งโชคดีมาก เพราะวันต่อมาไต้ฝุ่นเข้า ทำให้ขึ้นถึงยอดไม่ได้) ก็เลยต้องดูที่พักเพื่อนอนเอาแรงกันบนฟูจิซักหนึ่งคืน การหาที่พักนั้นขึ้นกับว่าจะเลือกขึ้นฟูจิในเส้นทางไหน (ผมเลือก โยชิดะเทรล ซึ่งเป็นเส้นทางที่ง่ายที่สุดและของกินระหว่างทางเยอะที่สุด) ซึ่งที่พักจะมีตั้งแต่สถานีชั้น 7 - ชั้น 9 ตามรูปเลยครับ
ผมพักที่ชั้น Taishikan 8th station ที่เลือกพักซะสูงเพื่อที่วันรุ่งขึ้นจะได้ใช้เวลาไม่นานเพื่อให้ไปถึงยอดครับ การจองบางที่สามารถจองผ่านเว็บไซต์ได้ แต่ของผมนี่ต้องโทรไปจองครับ
4. อุปกรณ์ที่ควรเตรียมไป
เรียงความสำคัญจากมากสุดลงไปเรื่อยๆนะครับ
- รองเท้า Trail (ลงทุนสักนิดนึงครับ ชีวิตจะดีขึ้นเยอะ)
- เสื้อกันลม (ข้างบนอุณหภูมิไม่ถือว่าต่ำมาก แต่ที่จะทำให้ทนไม่ได้คือลมนี่แหละครับ)
- หมวกกันแดด (เลยชั้นเมฆขึ้นไปนี่ UV ล้วนๆเลยครับ)
- ทิชชู่เปียก (ข้างบนไม่ได้อาบน้ำครับ นี่แหละที่พอจะมอบความสะอาดให้ร่างกายได้บ้าง)
- ผ้าบัฟกันฝุ่น (ขาขึ้นไม่เท่าไหร่ครับ แต่ขาลงนี่ฝุ่นเพียบบบ)
- ไฟฉายแบบคาดศีรษะ (เผื่อทำเวลาไม่ทันและต้องขึ้นกลางคืน นี่จะช่วยได้เยอะมากๆๆ ครับ)
- น้ำและอาหาร (ถ้ารวยไม่เป็นไรครับซื้อเอา ข้างบนน้ำ 600 ml ขวดละ 200 บาทไทยครับ)
- ไม้เท้าปีนเขา (อันนี้มีขายแบบเป็นของที่ระลึกที่บนฟูจิ แต่ถ้าใครไม่อยากได้ก็ควรนำมาเองครับ)
- เงินสดครับ (บนนู้นรูดบัตรไม่ได้ เกิดเปิดเป๋าตังมาไม่มีตัง นี่เงิบสถานเดียว)
ไม่ต้องกลัวว่าจะลืมอะไรไปนะครับ เราต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ ไม่ต้องเขินที่จะเข้าไปคุยกับคนที่นั่น เหมือนที่ Mason Cooley เคยพูดไว้ว่า ...
"นักเดินทางที่แท้จริงไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนต่างถิ่น"
.
.
ประมาณนี้แหละครับ ที่เหลือก็ ใจ และ ร่างกาย เมื่อพร้อมแล้ว เราไปเดินเล่นบนตัวฟูจิซังกันเถอะ...
(รีวิว) แบกกระเป๋า แล้วไปปีนฟูจิกัน 🗻
เนื่องจากไม่กี่วันที่ผ่านมาได้มีโอกาสไปเที่ยวต่างประเทศเป็นครั้งแรก และเป้าหมายหลักของกลุ่มผม (ชายโฉด 4 นาย) คือการไปพิชิตยอดภูเขาไฟฟูจิ ภูเขาที่เป็นที่นิยมที่สุดไม่ว่าเป็นชาวไทยหรือเทศ วันนี้หลังจากกลับมานั่งทำงาน ได้ตกตะกอนความคิดแล้วจึงมาตั้งกระทู้รีวิว (ซึ่งจะออกไปแนวๆเล่าเรื่องให้ฟังเสียมากกว่า) การพิชิตภูเขาไฟฟูจิ ที่ไม่ได้ยากอย่างที่คิด (และมันช่างน่าประทับใจเสียเหลือเกิน) หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ให้กับคนที่อยากจะไป รวมถึงคนที่อยากจะไปเที่ยวญี่ปุ่นหน้าร้อน แต่ไม่รู้จะไปไหนดี ว่าแล้วก็มาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ...
หลักๆ เลยก็มี 4 เรื่องครับ
1. ตั๋วเครื่องบิน
เนื่องจากฟูจิซังนั้นจะเปิดให้ปีนขึ้นไปถึงยอดได้ในช่วงเดือน กรกฏาคม - กันยายน ของทุกปี ช่วงเลือกวันไปก็พยายามหลีกเลี่ยงวันที่อาจมีพายุแล้วกันนะครับ ของผมบินไปโดยสายการบิน Nok scoot จากสนามบินดอนเมืองถึงสนามบินนาริตะ และขากลับบินโดยสายการบิน Scoot ค่าเสียหายอยู่ที่ประมาณ 11,000 บาทครับผม
2. การเดินทางจากสนามบินไป fujisan 5th station
ต่อมาก็การเดินทางจาก สนามบินนาริตะ ไป สถานีชั้น 5 ของภูเขาไฟฟูจิ โดยการเดินทางนั้นเริ่มแรกจากสนามบินนาริตะ ให้นั่งรถไฟจาก Terminal ไปยังสถานีรถไฟชินจูกุ ซึ่งแนะนำว่าตอนซื้อตั๋วที่เคาท์เตอร์ ให้ซื้อแบบไปกลับเลยนะครับ จะได้ส่วนลด ประหยัดไปได้เยอะ... ต่อมาเมื่อถึงสถานีชินจูกุแล้วให้เดินมาที่สถานีขนส่งรถบัสชินจูกุ จะมีรถบัสที่พาตรงไปยัง สถานีชั้น 5 ของภูเขาไฟฟูจิเลยครับ แต่รถบัสนี้ต้องจองมาจากประเทศไทยนะครับ(ไม่งั้นเต็ม) จองได้ที่เว็บไซต์นี้ https://highway-buses.jp/course/fuji-5th.php เลยครับ (อย่าลืมจองขากลับด้วยเน้อ)
3. ที่พักบนฟูจิซัง
ของพวกผมวางแพลนกันว่าลงจากเครื่องบินมาวันแรกก็เอากันเลยละกัน ขึ้นมันซะเลย(ซึ่งโชคดีมาก เพราะวันต่อมาไต้ฝุ่นเข้า ทำให้ขึ้นถึงยอดไม่ได้) ก็เลยต้องดูที่พักเพื่อนอนเอาแรงกันบนฟูจิซักหนึ่งคืน การหาที่พักนั้นขึ้นกับว่าจะเลือกขึ้นฟูจิในเส้นทางไหน (ผมเลือก โยชิดะเทรล ซึ่งเป็นเส้นทางที่ง่ายที่สุดและของกินระหว่างทางเยอะที่สุด) ซึ่งที่พักจะมีตั้งแต่สถานีชั้น 7 - ชั้น 9 ตามรูปเลยครับ
ผมพักที่ชั้น Taishikan 8th station ที่เลือกพักซะสูงเพื่อที่วันรุ่งขึ้นจะได้ใช้เวลาไม่นานเพื่อให้ไปถึงยอดครับ การจองบางที่สามารถจองผ่านเว็บไซต์ได้ แต่ของผมนี่ต้องโทรไปจองครับ
4. อุปกรณ์ที่ควรเตรียมไป
เรียงความสำคัญจากมากสุดลงไปเรื่อยๆนะครับ
- รองเท้า Trail (ลงทุนสักนิดนึงครับ ชีวิตจะดีขึ้นเยอะ)
- เสื้อกันลม (ข้างบนอุณหภูมิไม่ถือว่าต่ำมาก แต่ที่จะทำให้ทนไม่ได้คือลมนี่แหละครับ)
- หมวกกันแดด (เลยชั้นเมฆขึ้นไปนี่ UV ล้วนๆเลยครับ)
- ทิชชู่เปียก (ข้างบนไม่ได้อาบน้ำครับ นี่แหละที่พอจะมอบความสะอาดให้ร่างกายได้บ้าง)
- ผ้าบัฟกันฝุ่น (ขาขึ้นไม่เท่าไหร่ครับ แต่ขาลงนี่ฝุ่นเพียบบบ)
- ไฟฉายแบบคาดศีรษะ (เผื่อทำเวลาไม่ทันและต้องขึ้นกลางคืน นี่จะช่วยได้เยอะมากๆๆ ครับ)
- น้ำและอาหาร (ถ้ารวยไม่เป็นไรครับซื้อเอา ข้างบนน้ำ 600 ml ขวดละ 200 บาทไทยครับ)
- ไม้เท้าปีนเขา (อันนี้มีขายแบบเป็นของที่ระลึกที่บนฟูจิ แต่ถ้าใครไม่อยากได้ก็ควรนำมาเองครับ)
- เงินสดครับ (บนนู้นรูดบัตรไม่ได้ เกิดเปิดเป๋าตังมาไม่มีตัง นี่เงิบสถานเดียว)
ไม่ต้องกลัวว่าจะลืมอะไรไปนะครับ เราต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ ไม่ต้องเขินที่จะเข้าไปคุยกับคนที่นั่น เหมือนที่ Mason Cooley เคยพูดไว้ว่า ... "นักเดินทางที่แท้จริงไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนต่างถิ่น"
.