มาขอเสริมว่าการเมืองมีผลครับ ในยุคที่เป็นเครือจักรภพโปแลนด์และลิทัวเนีย กษัตริย์จะไม่ได้สืบทอดทางสายเลือดแต่จะถูกเลือกตั้งจากสภาขุนนาง (Sejm) ตัวสภาเองก็มักจะเลือกคนต่างชาติ เพื่อป้องกันไม่ให้กษัตริย์มีอิทธิพลภายในมากเกินไปเหนือสภา การเลือกตั้งโดยขุนนางเปิดโอกาสให้ถูกแทรกแซงจากต่างชาติมากครับ อย่างกษัตริย์องค์สุดท้ายของเครือจักรภพก็เป็นหุ่นเชิดของรัสเซีย

การออกกฏหมายของสภาก็มีระเบียบ liberum veto คือสมาชิกเพียงคนเดียวของสภาสามารถตีตกร่างกฎหมายทั้งหมดได้ ทำให้การปฏิรูปหรือการออกกฎหมายรับกับอิทธิพลภายนอกเป็นไปได้อย่างยากลำบาก

พอรวมกับปัจจัยที่ต้องกระทบกระทั่งอาณาจักรรอบๆ ที่มีอิทธิพลเข้ามาเรื่อยๆ อย่างสวีเดน ออตโตมัน หรือรัสเซีย ก็ทำให้เครือจักรภพโปแลนด์และลิทัวเนียค่อยๆ อ่อนแอลงครับ จนท้ายที่สุดก็โดนห้อมล้อมด้วยอาณาจักรที่ทรงอิทธิพลในช่วงนั้น อย่างปรัสเซีย ออสเตรีย และรัสเซีย ที่สุดท้ายก็หาเรื่องบุกและแบ่งดินแดนกัน (การแบ่งมีอยู่สามเฟสครับ เหตุผลข้องอ้างต่างๆ กันไป)

ส่วนเรื่องปรัสเซีย ยุคก่อนแยกโปแลนด์ตอนนั้นทรงอำนาจมากๆ แล้วครับ คือหลังจากที่พระเจ้าเฟเดอริก ที่ 2 ครองอำนาจ พระองค์ค่อนข้างกระหายสงครามในระดับหนึ่ง ทรงทำให้ปรัสเซียเป็นรัฐที่เน้นการทหาร ทำการรุกยึดดินแดนจากออสเตรีย การรุกของปรัสเซียมีส่วนที่ทำให้เกิดสงครามระดับโลกครั้งแรกที่แท้จริง (เพราะมีการสู้รบในรัฐอาณานิคมในทวีปอเมริกาด้วย) นั่นคือสงครามเจ็ดปี ตอนนั้นต่างฝ่ายต่างหาพรรคพวก ในตอนนั้นอังกฤษกับฝรั่งเศสมีข้อขัดแย้งหาเรื่องจะสู้กันอยู่แล้ว ปรัสเซียเลยเข้าพวกกับอังกฤษ ในขณะที่ออสเตรียเข้าพวกกับฝรั่งเศส และรัสเซีย (รัสเซียต้องการกำจัดอิทธิพลของ Frederick ที่ 2)

ช่วงใกล้จะยุติสงครามปรัสเซียเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนโดนรัสเซียบุกถึงเบอร์ลิน รัสเซียมีโอกาสที่จะเอาชนะปรัสเซียอย่างเด็ดขาดแต่ก็ปล่อยโอกาสให้หลุดมืออย่างไม่น่าเชื่อถึงสองครั้ง บวกกับอยู่ๆ จักรพรรดินีอลิซาเบธของรัสเซียสวรรคต พระเจ้าปีเตอร์ที่ 3 ที่ทรงชื่นชอบสไตล์ของพระเจ้าเฟเดอริก ที่ 2 เป็นการส่วนพระองค์ ทรงให้รัสเซียเปลี่ยนฝั่ง จนถึงจุดไม่มีใครแพ้ชนะ นำไปสู่สัญญาสงบศึก ณ จุดนั้น ปรัสเซียถึงได้การยอมรับเป็นมหาอำนาจไม่ต่างจากออสเตรียและรัสเซียครับ

ส่วนโปแลนด์ลิทัวเนียช่วงสงครามเจ็ดปีก็แทบไม่มีบทบาทครับ จะทำอะไรก็โดนวีโต้ไปหมด เลยไม่แปลกที่สุดท้ายสามมหาอำนาจที่ล้อมอยู่ถึงหาเรื่องรุมกินโต๊ะในที่สุด