ชอบอนิเมชั่นของ Studio Ghibli มากที่สุดครับ/รีวิว 5 อันดับ

พอดีว่างๆเลยย้อนกลับมาดูหนังของ Ghibli อีกครั้ง แบบรู้สึกดีมากๆ ดีทุกครั้งที่ได้ดูเลยจริงๆ ไม่ว่าเรื่องไหนก็ตาม เพราะเราผ่านอนิเมชั่นของค่ายนี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว พอได้กลับมาดูอีกครั้งทำให้เรารู้สึกดีเหมือนครั้งแรกที่ดูเลย ตอนเด็กว่าชอบมากแล้ว พอโตขึ้นและกลับมาดูกลับมาเก็บรายละเอียดแล้วทำให้เราเข้าใจตัวหนังมากขึ้น เข้าใจสิ่งที่หนังจะสื่อมากขึ้น มีความสุขมากๆ หนังมันให้ความอบอุ่นกับเราได้ตลอดจริงๆ เวลาเครียดๆอยู่เลยหาไรแก้เครียดมีอนิเมชั่นของค่ายนี้หละที่ทำให้เราหายเครียดได้เสมอ คือปลื้มปริ่ม อธิบายไม่ถูกเลย เราเลยย้อนกลับมาดูทุกเรื่องเลย ตั้งแต่เรื่องแรกจนเรื่องสุดท้ายของค่าย ทุกเรื่องให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป ทำให้นึกถึงครั้งแรกที่ได้ดูบ้าง นึกถึงครั้งแรกตอนดูทีวีเอาอนิเมชั่นค่ายนี้มาฉาย


คือเรารักค่ายนี้มากๆ ไม่สงสัยเลยว่าทำไมทำให้เรารักค่ายนี้ขนาดนี้ ภาพสวย รายละเอียดงานภาพนี่มาตรฐานเขาสร้างมาดีอยู่แล้ว ยิ่ง Soundtrack นี่ดีมากเราชอบมากๆ เพลงเพราะมันทำให้เราเข้าถึงอารมณ์ของตัวหนังได้ดีเลยละ  เป็น Studio ที่ให้มากกว่าความสนุกจริงๆ ทั้งซึ้ง เศร้า อบอุ่น เเง่คิด เสียดสีสังคมบ้างแต่ก็ไม่ได้เยอะจนเกินไป  ส่วนที่เราตั้ง กระทู้ นี้ก็เพราะอยากให้เราได้ ย้อนวันวานกัน และอยากฟังความเห็นของแต่ละคนว่าคิดกันยังไงบ้าง

เลยอยากมารีวิวสั้นๆและถามเเต่ละคนว่า 5 อันดับ อนิเมชั่นเรื่องไหนของ Studio Ghibli ที่ทำให้คุณชอบและรักมากที่สุด มีเรื่องไหนบ้าง


อันดับ 5 : Whisper of the Heart (1995) วันนั้น...วันไหน หัวใจเป็นสีชมพู
ผู้กำกับ : Yoshifumi Kondô


Whisper of the heart เป็นอนิเมชั่นที่ดูแล้วฟินมากๆๆๆๆ พระเอกหล่อ ตอนดูครั้งแรกคือบอกเลยว่า ชอบมาก และก็ส่งอนิเมชั่นเรื่องนี้ให้คนที่เราชอบดูเเละเขาก็ชอบเช่นกัน555 คือเรื่องราวของหนังเนี่ยให้ได้หลายอารมณ์เลย ทั้ง ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 คน ความรักแบบใสๆ น่ารักๆ แบบรักแรก โลกนี้เป็นสีชมพูมาก ดูแล้วทำให้นึกถึงวัยมัธยม และนึกถึงคนที่เราแอบชอบตอนนั้น คือตัวหนังสื่อออกมาให้เราได้นึกถึงช่วงเวลานึงในชีวิตวัยเรียนของเรา เพราะเราก็ต่างเจอ Moments แบบนี้กันทั้งนั้นเเหละ ตอนดูก็อึดอัดนิดนึงนะ5555 อารมณ์แบบว่า ชอบกันรักกันเเต่เรายังลงเอยด้วยกันไม่ได้555 ต่างคนต่างมีสิ่งที่ต้องทำ มีความฝันที่ต้องคว้า ส่วนเพลงประกอบนี่สุดจริงๆ ปกติชอบ Country Road เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอได้ยินนี่ถึงกับขนลุกเลย555 บรรยากาศของหนังค่อนข้าง เรียล ดูดี และ สดใส  


อันดับที่ 4 : Grave of the Firefiles (1988) สุสานหิ่งห้อย
ผุ้กำกับ : Isao Takahata


Grave of the Fireflies เป็นหนังอนิเมชั่นที่หดหู่ที่สุดเท่าที่เราเคยดูมาเลย ดูเรียลมากๆสมจริงมาก เรามองว่ามันเป็นอนิเมชั่นของผู้ใหญ่มากกว่า บรรยากาศของหนังคืออยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ตัวหนังสื่อออกมาได้ดีมากๆ มีทั้งความรุนแรง,สงคราม,ความโหดร้ายและความเห็นแก่ตัวของมนุษย์,ความหวัง หนังถ่ายทอดความสัมพันธ์ของ 2 พี่น้องได้ดีมากๆ ดีมากจริงๆ ตอนเราดูครั้งแรกทรมานแทนจริงๆ เสียทุกอย่าง เหลือกัน 2 คน ไม่เคยคิดเลยว่าจะหดหู่อะไรขนาดนี้ แบบสีเทามากอะ แต่ความสัมพันธ์มันก็ทำให้เราซึ้งมากจริงๆ เชื่อว่าหลายๆคนที่ได้ดูคือ ร้องไห้กันเป็นเทน้ำเทท่าแน่นอน ใครที่ยังไม่ได้ดู หรือกลัวอะไรก็ตาม เราแนะนำว่า ดูเถอะ จะได้ไม่ต้องเสียใจ ครั้งเดียวในชีวิตกับอนิเมชั่นดีๆแบบนี้ ที่ตีแผ่ความโหดร้ายของสงคราม อาจจะหดหู่ไปบ้าง เเต่มันดีมากจริงๆ


อันดับ 3 : My Neighbor Totoro (1988) โทโทโร่เพื่อนรัก
ผู้กำกับ : Hayao Miyazaki


My Neighbor Totoro เป็นเรื่องนึงที่เวลาดูเเล้วทำให้เรารู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้ดู และให้เรานึกถึงช่วงเวลาเด็กๆมาก  จำได้ว่าตอนดูครั้งแรกตื้นตันและอบอุ่นมากๆ ความสัมพันธ์ของครอบครัว และความน่ารักของตัวละคร จินตนาการของเด็ก ตัวโทโทโร่เองน่ารักสุดๆเป็นที่น่าจะจำมากๆ และก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของค่ายไปเลย หลังจากนั้น คุณมิยาซากิ ฮายะโอะก็ได้ทำภาคต่อ ออกมาเป็นหนังสั้น ในชื่อ Mei and the Kittenbus (เมย์เเละรถบัสเเมว) และส่วนตัวจะชอบ Soundtrack ของ My Neighbor Totoro มากๆ


อันดับ 2 : Spirited Away (2001) มิติวิญญาณมหัศจรรย์
ผู้กำกับ : Hayao Miyazaki


Spirited Away เป็นอนิเมชั่นที่หลายๆคนให้ขึ้นหิ้งอันดับ 1 เลยก็ว่าได้ เพราะว่าเป็นอนิเมชั่นผจญภัยเหนือจินตนาการที่มันสนุกมากจริงๆ คือมันดีมาก ดีจนได้เป็น อนิเมชั่นเอเชียเรื่องเเรกที่ได้รางวัล Oscars สาขาภาพยนตร์อนิเมชั่นยอดเยี่ยม เลยหละ เเละเป็นอนิเมชั่นที่ทำรายได้มากที่สุดในค่ายเลยด้วย แหมมาขนาดนี้แล้ว ไม่ดีก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วหละ หลายๆคนเขาให้ว่าเป็นสุดยอด อนิเมชั่น แนว Coming of Age ที่ดีที่สุดตลอดกาล เเละเป็นอนิเมชั่นที่เสียดสีสังคมได้แบบ แสบจริงๆ ทั้งระบบชนชั้น และอื่นๆ และมีเเง่หลายๆอย่างให้เราได้มานั่งดีความกัน คือมันดีงะ และเป็นมากกว่าอนิเมชั่นจริงๆ สอดเเทรกอะไรให้เราได้คิดตลอดเลย


อันดับ 1 : Only Yesterday (1991) ในความทรงจำที่ไม่มีวันจาง
ผู้กำกับ : Isao Takahata


Only Yesterday เป็นตำนานหนังอนิเมชั่นญี่ปุ่นที่เราชอบมากที่สุดในค่าย Studio Ghibli หลายๆคนอาจให้ Spirited Away ขึ้นหิ้ง แต่สำหรับเราคือเรื่องนี้เลย มันเป็นหนังเรื่องแรกของ Studio Ghibli ที่ได้ดูครั้งแรกในชีวิต คือมันให้ความอบอุ่น ความรู้สึกที่ดีกับเรามากที่สุด ถ้าหากดูเรื่องไหนแล้วรู้สึกอบอุ่นและตื้นตันมากที่สุดก็คือเรื่องนี้เเหละ เราชอบไอเดียการเล่าของเรื่องนี้มากๆ เราชอบที่เรื่องนี้เล่าตอนวัยเด็กมากๆ คือมันครบรสมากจริงๆ ทั้งเรื่องรัก เรื่องเรียน เพื่อนฝูงในห้องเรียน คือเป็นการเล่าที่ดีมาก ดำเนินเนื้อเรื่องได้ดี และการให้ตัวละครหลักในหนังเล่าไปด้วยก็ช่วยทำให้เราเข้าใจมากขึ้น แบบเล่าว่าการใช้ชีวิตในบ้านนอกหรือต่างจังหวัด ต่างจากคนเมืองกรุงยังไง เขาคิดยังไงกับคนกรุง ทำให้เรารู้สึกว่าต่างจัดหวัดน่าอยู่กว่ากรุงเทพจริงๆ แบบความเรียบง่ายในการใช้ชีวิต ไม่สะดวกสบาย แต่ไม่อึดอัดใจ ที่กรุงเทพมันวุ่นวาย สังคมแย่ๆ เลยทำให้เราอยากไปอยู่ต่างจังหวัดจริงๆ และที่ดีที่สุดเลยคือหนังทำให้เราคิดถึงวัยเด็กมากๆ ช่วงวัยเรียน ทำให้เรามองกลับมามองตัวเองว่า ตอนนั้นเราเป็นคนยังไงนะ เพื่อนเราตอนนั้นนิสัยเเบบไหนบ้าง อะไรที่ทำให้เราตัดสินใจเลือกเดินเส้นทางปัจจุบันนี้ ไม่รู้สิ เรารู้สึกดีมากๆทุกครั้งที่ได้ดู ไม่เบื่อเลย


ส่วนที่เราชอบก็น่าจะมีนี่เเหละ จริงๆอยากทำ 10 อันดับเลยหละ แต่มีเวลาไม่ค่อยมาก คือพูดตรงๆเลย มันดีทุกๆเรื่องเลยเเหละ แต่อันนี้ส่วนตัวเรานะ เป็น 5 อันดับที่เราชอบมากที่สุด รีวิวเเบบเรียบง่ายนิดนึง ไม่ได้เจาะลึก ยังไงก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยน้า คือ คิดถึงค่ายนี้มากๆ ส่วนค่ายลูก อย่าง Studio Ponoc ที่ปล่อยหนังเรื่องแรกอย่าง Mary and the Witch's Flower ที่ปล่อยมาเมื่อปีที่แล้วนี่เอง ดูแล้วก็สนุกดีนะ เรื่องงานภาพนี่มาตรฐานได้มาจาก Ghibli เลย ทุกอย่างโอเคเลย อนาคตก็ขอให้ทำอนิเมชั่นดีๆมาให้คนที่คิดถึง Studio Ghibli อย่างเราๆดูกันนะ


อันนี้นอกค่ายหน่อย เผื่อใครบางคนอาจจะยังไมได้ดู เลยมาแนะนำ จริงๆอนิเมชั่นญี่ปุ่นก็ไปไกลแล้วหละ ไม่ใช่แค่ Ghibli นะที่ดีมากๆ เนื้อเรื่องดีๆ ค่ายอื่นก็มีเยอะเลยนะ อย่าง Wolf Children(คู่จี๊ดชีวิตอัศจรรย์) อันนี้เนื้อเรื่องดีมาก ดูสนุก และก็ In This Corner of the World (วาดฝันให้โลกสวย) เรื่องนี้ก็จะอยู่ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เหมือน Grave of the firefiles รุนแรงเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้แรงหรือหดหู่เท่า Grave of the  Firefiles นะ และก็ Your Name แต่เชื่อว่าคงดูกันหมดแล้วหละ เพราะเนื้อเรื่องเกินคาด5555 ขอบคุณที่เข้ามานั่งอ่าน รีวิวของเรานะงับบ และขออภัย หากข้อมูลผิดพลาด
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่