[CR] Movie Review : Disobedience - เสน่หา...ต้องห้าม [9/10]

ติดตามรีวิวใหม่ๆ ก่อนใครได้ที่ : https://www.Facebook.com/23SCENES


feature  film, drama

เรื่อง: Disobedience (Sebastián Lelio, 2018)

คะแนน: 9/10



   เรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งได้กลับไปสู่ชุมชนออร์ธอด็อกซ์ชาวยิวอีกครั้งหลังจากการเสียชีวิตของพ่อผู้เป็นแร็บไบของเธอ และก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นเมื่อเธอแสดงออกถึงความสนใจที่มีต่อเพื่อนวัยเด็กของเธอ โรนิท ครูชก้า ลูกสาวที่ถูกตัดขาดของแร็บไบผู้นี้กำลังใช้ชีวิตในฐานะช่างภาพในแมนฮัตตัน ระหว่างการถ่ายภาพเธอได้รับรู้เรื่องการเสียชีวิตของพ่อเธอจากโบสถ์ในบรู๊คลิน ด้วยความเจ็บปวดจากข่าวที่ได้รับและอยู่ในสภาพจิตใจเปราะบาง เธอได้กินเหล้าเมาในบาร์ท้องถิ่นแห่งหนึ่งและนอนกับชายคนหนึ่ง โรนิทบินกลับไปบ้านที่ลอนดอน ที่ซึ่งเธอรู้สึกผิดที่ผิดทางในชุมชนออร์ธอด็อกซ์ชาวยิวที่เธอจากมา เธอได้รับการต้อนรับที่บ้านของ โดวิด คูเปอร์แมน ผู้เป็นเหมือนลูกของแร็บไบ ทุกคนต่างแปลกใจกับการกลับมาที่ไม่คาดคิดของเธอ แม้ว่าจะเกิดความตึงเครียดจากการจากไปอย่างกะทันหันของโรนิทในอดีต โดวิดก็ชวนให้เธอมาพักอยู่กับเขาและภรรยาของเขา โรนิทตกใจเมื่อพบว่าเขาแต่งงานกับ เอสตี้ อดีตเพื่อนสนิทของพวกเขา ความรู้สึกอึดอัดใจเกิดขึ้นระหว่างผู้หญิงทั้งสองคน ด้วยอดีตที่ซับซ้อนที่ยังคงติดอยู่ในใจพวกเธอ เมื่อเธอทั้งสองได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ความรู้สึกในอดีตถูกปลุกขึ้นมา การสัมผัสและจุมพิตกัน เธอทั้งสองจะทำอย่างไรกับรักต้องห้าม ที่ไม่มีวันเป็นไปได้


   เป็นหนังดราม่าที่พูดถึงความรัก ศาสนา และอิสระได้อย่างทรงพลังมากๆ เรื่องหนึ่งเลย ต้องยอมรับว่าหนังสามารถคุม mood and tone ออกมาได้ดี


   Rachel Weisz และ Rachel McAdams คือสองนักแสดงที่สุดมากๆ ต้องขอยอมรับในทักษะการแสดงของเธอทั้งสองที่ดึงให้คนดูอยู่กับหนังได้


   หากศาสนาคือสิ่งที่ใช้ในการยึดเหนี่ยวจิตใจ เป็นทั้งความเชื่อที่ใช้ในการตีกรอบ ความรัก ความถูกต้อง และศีลธรรมต่างๆ นาๆ แล้วถ้าเกิดวันหนึ่งเรารู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ที่มันตีกรอบเรา ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เรามีความสุขล่ะ เราควรจะทำอย่างไรกับมันดี Disobedience คือหนังที่ชวนให้ตั้งคำถามถึงสิ่งเหล่านี้ ว่าหากสิ่งที่ผู้คนส่วนมากยอมรับว่ามันคือสิ่งที่ถูกต้อง แต่มันดันไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เรามีความสุข เรายังควรอยู่ในกรอบนั้นอีกหรอ ซึ่งถือว่าเป็นความโดดเด่นของหนังเรื่องนี้จริงๆ ที่เลือกเอา ศาสนามาตั้งคำถามถึงความรักต้องห้ามแบบนี้


   ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าคำตอบของคำถามต่างๆ ภายในตัวหนังคืออะไร อิสระ คือคำตอบที่ชัดเจนที่สุด Disobedience พยายามนำพาตัวละครและผู้ชมไปเรียนรู้ว่าชีวิตที่ถูกตีกรอบมันไม่ได้มีความสุขเลย จารีต ประเพณีหรือศีลธรรมต่างๆ ที่ถูกสร้างขึ้น มันเป็นสิ่งที่ดี แต่มันก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคนเช่นเดียวกัน เพราะงั้น การหาอิสระที่แท้จริงของตัวเองให้เจอ คงเป็นคำตอบสุดท้ายของชีวิตจริงๆ


   อีกสิ่งที่โดดเด่นนอกจากประเด็นของหนัง บทภาพยนตร์ที่ล้ำลึก นักแสดงที่เล่นออกมาได้อย่างทรงพลัง ก็คงต้องยกความความดีชอบให้กับงานภาพที่ถ่ายทอดอารมณ์ต่างๆ ของหนังออกมาได้สุดมากๆ กราบความคุม mood and tone แบบนี้จริงๆ
ชื่อสินค้า:   Disobedience
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่