"การตะเกียกตะกายกับการพุ่งทะยานนี่ต่างกันนะ"
เพราะการตะเกียกตะกายจะต้องใช้แรงพยายามสูงมาก
แต่การพุ่งทะยานนี่ไม่ต้องใช้แรงพยายามมากใช้แต่แรงขับแรงผลักดัน ใช้พลังใจ ใช้พลังงานบวก ยิ่งสร้างให้แรงขับมากเท่าไหร่จะเหมือนจรวดพร้อมปล่อยออกสู้อวกาศ
พลังใจ แรงขับ แรงผลักดัน เปลี่ยนพลังงานลบเป็นพลังงานบวก และอีกหลายๆแรง ถ้าใส่เข้าไปพร้อมกันเหมือนเครื่องยนตร์จุดระเบิดพร้อมพุ่งทะยานดีๆนี่เอง
เพราะอะไรหลักจิตวิทยาจึงพาคนไปข้างหน้าให้ประสบความสำเร็จ กับอีกผู้คนหนึ่งที่นั่งจมอยู่ในกองทุกข์ เหมือนพวกเค้าเหล่านั้นจมปลักอยู่ในหุบเหวแห่งความล้มเหลว ก็ยังแพ้อยู่วันยังค่ำ ก็ยังล้มเหลวไปตลอดชีวิต ก็เหมือนหลักที่ว่าคิดอะไรใส่อะไรในความคิดย่อมได้สิ่งนั้นกลับมา ยิ่งทุกข์มากก็ยิ่งจมดิ่งสู่ความล้มเหลว
ความคิดบวกจึงสำคัญที่สุด ทำลายพลังงานลบออกแล้วสร้างพลังงานบวกเข้ามาแทนที่
การตะเกียกตะกาย vs การพุ่งทะยาน
เพราะการตะเกียกตะกายจะต้องใช้แรงพยายามสูงมาก
แต่การพุ่งทะยานนี่ไม่ต้องใช้แรงพยายามมากใช้แต่แรงขับแรงผลักดัน ใช้พลังใจ ใช้พลังงานบวก ยิ่งสร้างให้แรงขับมากเท่าไหร่จะเหมือนจรวดพร้อมปล่อยออกสู้อวกาศ
พลังใจ แรงขับ แรงผลักดัน เปลี่ยนพลังงานลบเป็นพลังงานบวก และอีกหลายๆแรง ถ้าใส่เข้าไปพร้อมกันเหมือนเครื่องยนตร์จุดระเบิดพร้อมพุ่งทะยานดีๆนี่เอง
เพราะอะไรหลักจิตวิทยาจึงพาคนไปข้างหน้าให้ประสบความสำเร็จ กับอีกผู้คนหนึ่งที่นั่งจมอยู่ในกองทุกข์ เหมือนพวกเค้าเหล่านั้นจมปลักอยู่ในหุบเหวแห่งความล้มเหลว ก็ยังแพ้อยู่วันยังค่ำ ก็ยังล้มเหลวไปตลอดชีวิต ก็เหมือนหลักที่ว่าคิดอะไรใส่อะไรในความคิดย่อมได้สิ่งนั้นกลับมา ยิ่งทุกข์มากก็ยิ่งจมดิ่งสู่ความล้มเหลว
ความคิดบวกจึงสำคัญที่สุด ทำลายพลังงานลบออกแล้วสร้างพลังงานบวกเข้ามาแทนที่