.
หญิงสาวผมม้วนลอนสีน้ำตาลเข้ม เธอใส่ชุดยาวคลุมถึงหัวเข่า โครงหน้าถูกแต่งให้เรียวยาวจากการปัดสีแก้มให้เข้ม ริมฝีปากบางเรียวยาวประดับประดาด้วยเฉดสีที่ดูเป็นธรรมชาติ แต่สิ่งที่ดูโดดเด่นแม้อยู่ท่ามกลางหลอดไฟสลัวก็คือดวงตาคู่นั้น
แววตาที่ดูเงียบขรึมหากมองผ่าน ๆ แต่ถ้าได้สบตาคู่สวยนั้นเนิ่นนานจะเห็นถึงความเศร้าแอบซ่อนอยู่ ในผับเล็ก ๆ และมืดแต่ดูหรูหราแห่งนี้มีชายหลายคนที่แอบเฝ้าจับตามองเธอ แต่ทว่าไม่มีใครได้รับการตอบกลับจากหญิงสาวนางนี้สักคนเดียว เพราะว่าสิ่งที่เธอสนใจคือหนุ่มในชุดสูทสีดำสนิทที่นั่งอยู่หน้าบาร์
ชายหนุ่มในชุดสูทนั่งดื่มเงียบ ๆ อยู่คนเดียว เขาดื่มวิสกี้ยี่ห้อ Esquire โดยมีบาร์เทนเดอร์คอยบริการ ข้าง ๆ แก้วมีจานสีขาวใส่ชิ้นช็อคโกแลตที่ถูกหั่นไว้แล้วหลายชิ้น เจ้าของแก้วเหล้าไม่ดื่มน้ำในนั้นทันที แต่เขาจะดมไอระเหยของวิสกี้จนแน่ใจว่าเป็นรสชาติที่คุ้นเคย ก่อนจะยกเหล้าเทใส่ปากจนเต็มกระพุ้งแก้มและค่อย ๆ กลืนมันลงไป ไม่นานชายหนุ่มก็หยิบชิ้นช็อคโกแลตใส่ปากตาม
หญิงสาวสวยนั่งมองท่าทีนี้ไม่ห่างจากเจ้าของอิริยาบทนั้น เธอนั่งโต๊ะคนเดียวโดยดื่มเครื่องดื่มที่ผสมจากโคล่าและเทนเนสซี่ วิสกี้ยี่ห้อแจ๊ค เดเนียล เธอเพียงแค่แตะมันเบา ๆ เพราะในคืนนี้เธอยังไม่อยากเมา หรือบางทีเธอก็คิดว่าอาจจะยังไม่ถึงเวลาต้องเมา
ด้วยขนาดของผับที่เล็ก จึงทำให้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในสถานที่แห่งนี้ก็มักจะเป็นที่เปิดเผยให้รู้กัน หญิงสาวหยิบแก้วทรงสูงเดินไปวางลงข้าง ๆ หนุ่มที่ดื่มวิสกี้กับช็อคโกแลต ชายหลายคนในผับมองตามแต่สักพักก็ไม่มีใครสนใจอะไรกับเหตุการณ์นี้อีก หญิงสาวนั่งลงเงียบ ๆ โดยที่ยังไม่หันไปแลคนที่นั่งอยู่ก่อน
หากตัดเสียงเพลงที่ขับกล่อมในผับแห่งนี้ออกไป ในบาร์ระหว่างเขาและเธอยังอยู่ในความเงียบสงบ จนเวลาผ่านไปสักพัก เสียงหัวเราะใส ๆ จากหญิงสาวดังขึ้น แต่ไม่เลยเถิด
หนุ่มในชุดสูทสีดำหันมาทางต้นเสียง หญิงสาวส่งรอยยิ้มและสร้างแววตามิตรภาพไว้รอแล้ว เธอเอ่ยขึ้น
“ขอโทษค่ะ ไม่ได้ตั้งใจที่จะเสียมารยาท”
ชายหนุ่มฉีกยิ้มอย่างพิศวง “ไม่ทราบว่าเรื่องอะไรครับ”
หญิงสาวยังไม่ตอบ เธอบังคับสายตาไปยังจานสีขาวที่มีของวางอยู่บนนั้น
“ฉันไม่นึกว่าที่ผับแห่งนี้จะขายของหวานด้วย และฉันยังเดาว่าที่คุณดื่มอยู่นั่นเป็นโกโก้ร้อนหรือเปล่า” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าแววตาไร้เดียงสา ขัดกลับภาพลักษณ์ของเธอ ณ ตอนนี้
ชายหนุ่มหัวเราะดัง “ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรอกครับ ถ้าพูดให้เข้าใจง่าย ๆ นี่คือกับแกล้ม ใช้ทานคู่กับแคนาเดียนวิสกี้ อย่างที่ผมดื่มนี้เป็นวิสกี้ยี่ห้อ Esquire มันจะมีสัมผัสเบา แต่เต็มไปด้วยหลากหลายรสชาติ”
หญิงสาวทำตาเป็นประกาย “คุณคงเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเหล้า”
ชายหนุ่มหัวเราะดังอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดังกว่าครั้งแรกนิดหน่อย
“บาร์เทนเดอร์ที่ร้านนี้แนะนำมา และผมก็ไม่ได้มีความรู้อะไรมากไปกว่านี้หรอกครับ” ชายหนุ่มเลื่อนขวดวิสกี้ให้อีกฝ่ายดู “คุณอยากจะลองสักหน่อยมั้ยครับ”
“ไม่หรอกค่ะ ฉันคออ่อน” เธอยกแก้วทรงสูงขึ้น “ฉันดื่มได้แค่เหล้าผสมโค้ก”
“นั่นเป็นเครื่องดื่มที่ดีมากครับ”
“ขอบคุณค่ะ” เธอตอบ
ทั้งคู่ต่างยิ้มให้กัน และต่างคนก็หันไปดื่มต่อกับแก้วของตัวเอง เสียงสนทนาเงียบหายไปสักพัก ไม่นานหญิงสาวก็เอ่ยขึ้น
“คุณชอบมานั่งดื่มที่นี่คนเดียวหรือคะ”
ฝ่ายชายหันมายิ้มให้ก่อนจะตอบ “ใช่ครับ ผมมาคนเดียว แล้วคุณล่ะ”
“ฉันมาคนเดียวค่ะ” หญิงสาวหันไปดูรอบ ๆ “ฉันเพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรก ที่นี่บรรยากาศดีมากเลยค่ะ”
“ผมชอบมานั่งพักผ่อนที่นี่ ผมชอบเพลงของที่นี่และเหล้าที่นี่ก็อร่อย”
“คุณมานั่งพักผ่อน เหมือนว่าคุณไม่ได้ตั้งใจมาดื่มเหล้า”
“เหล้าขวดนี้ผมเปิดมาหลายเดือนแล้ว นาน ๆ ผมจะได้มาที่นี่ทีนึง ถ้ามาก็ดื่มแค่สองสามแก้วแค่นั้น”
หญิงสาวทำท่าทีสนใจ เธอลุกจากเก้าอี้และขยับมันให้เข้ามาใกล้คู่สนทนามากขึ้น
“คุณมาที่นี่เนื่องในโอกาสอะไร” หญิงสาวถาม
ชายหนุ่มหันมาทางหญิงสาว เขาแสดงสีหน้าแววตาแห่งความสุขออกมาจนคนที่เห็นสัมผัสได้
“ผมจะมาที่นี่เพื่อมาเฉลิมฉลองกับความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับตัวผม ครั้งที่แล้วที่ผมมาก็มาฉลองความสำเร็จในเรื่องงาน”
“แล้วมาครั้งนี้คุณมาฉลองเรื่องอะไรคะ” หญิงสาวพูดยังไม่ทันจบ ก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “แต่เดี๋ยวนะ งานฉลองมีคุณแค่คนเดียวเหรอ”
“ผมชอบความเงียบ ไม่ชอบอะไรที่เอิกเกริก คุณจะว่าผมบ้าก็ได้นะ” ชายหนุ่มยิ้ม
“ไม่บ้าหรอกค่ะ ฉันก็คิดว่างานฉลองจะมีใครร่วมยินดีกับเราเท่ากับตัวของเราเอง”
ชายหนุ่มพยักหน้า
“ว่าแต่ครั้งนี้คุณมาฉลองเรื่องอะไร”
“ผมมาเลี้ยงฉลองงานสละโสดของตัวผมเอง”
“คุณกำลังจะแต่งงาน” หญิงสาวเน้นเสียง “แล้วมานั่งดื่มคนเดียวเนี่ยนะ”
“ใช่แล้ว คิดไปคิดมามันก็ดูจะเงียบ ๆ ไปหน่อย แต่โชคดีที่คืนนี้มีเพื่อนคุยอย่างคุณ”
คำพูดนี้ทำให้กญิงสาวอายม้วน แต่เธอก็ไม่แสดงมันออกมามากเกินไป
“คู่หมั้นของคุณคงจะเป็นคนดีมาก เธอคงจะรักคุณ และคุณก็รักเธอมากเช่นกัน”
“เราคบกันมา 4 ปีแล้ว เป็น 4 ปีที่ไม่มีอะไรที่จะต้องพิสูจน์กันอีกต่อไปแล้ว ผมและเธอแค่อยากจะทำให้มันถูกต้องตามประเพณี”
“ฉันขอแสดงความยินดีกับคุณทั้งสองคนด้วยค่ะ” หญิงสาวยกแก้ว
ชายหนุ่มยกแก้วของตัวเองขึ้น “ขอบคุณมากครับ”
จากนั้นทั้งคู่ดื่ม
“ว่าแต่เรายังไม่รู้ชื่อกันเลย คุยกันมาตั้งนานแล้ว ผมชื่อสมยศครับ”
“ฉันชลดาค่ะ”
“ที่เราคุยกันมามีแต่เรื่องของผม ผมอยากฟังเรื่องของคุณบ้างครับ คุณชลดา”
ชลดาทำท่าทีพยักเพยิดก่อนจะพูด “เรื่องของฉันก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ไม่มีสาระอะไรหรอก”
“แล้วเรื่องของใครกันล่ะครับที่มีสาระ เรื่องของบุคคลสำคัญของโลกหรือครับ ถ้าเราอยากรู้เรื่องพวกนี้น เราก็แค่ไปเปิดหนังสือดู แต่เรื่องราวชีวิตของคนตรงหน้าเราน่าสนใจกว่า”
“ฉันแค่เหงาค่ะ แค่มาหาเพื่อนคุยไปวัน ๆ ก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านี้หรอกค่ะ”
สมยศทำท่าครุ่นคิดสักพัก “บางทีคนสมัยนี้ก็ล้วนแต่ต้องคอยต่อสู้กับความเหงา ผมหรือคุณก็คงไม่ต่างกัน”
“แต่คุณกำลังจะแต่งงาน ส่วนฉันก็ยังต้องอยู่แบบเหงา ๆ กันต่อไป”
“แล้วทำไมคุณถึงไม่หาใครสักคนล่ะครับ”
“พูดน่ะมันง่าย คุณก็คงจะรู้ดีในเรื่องนี้”
“คุณพูดถูก แต่การแต่งงานของผมก็ไม่ใช่จุดจบของความเหงา”
“แล้วคุณแต่งงานทำไมล่ะ”
สมยศครุ่นคิดอีกครั้ง “คงเป็นเรื่องของคำมั่นสัญญามั้ง เราเคยตกลงกันว่าจะแต่งงานกัน”
“คุณก็เลยต้องทำตาม”
“ก็คงอย่างนั้น”
“แต่ถึงอย่างไรคุณก็รักเธออยู่แล้ว”
“ใช่” สมยศตอบ
ชลดาหลบสายตาคู่สนทนา แต่เธอไม่ทำสิ่งนั้นนานเกินไป
“เอาล่ะ ไหน ๆ เราก็วินวินกันทั้งคู่ คุณก็ได้นั่งดื่มฉลองงานสละโสดของคุณ และยังมีฉันมานั่งคุยเป็นเพื่อน ส่วนฉันก็ได้เพื่อนคุยแก้เหงาเช่นกัน เรามาชนแก้ว บางทีคืนนี้ฉันอาจจะเมาก่อนกลับบ้าน”
สมยศมองภาพหญิงสาวตรงหน้า ความทะเล้นและรอยยิ้มที่ดูมีสเน่ห์ดึงดูดใจของชายที่กำลังจะแต่งงานให้เคลิบเคลิ้มเกินกว่าที่จะปฏิเสธได้ ความผ่อนคลายของสมยศทำให้เขายกแก้วเหล้าที่บาร์เทนเดอร์รินไว้ให้แล้วขึ้นมา
“ดื่มครับ”
“ค่ะ”
ชลดายกแก้วทรงสูงขึ้นดื่ม เมื่อสมยศเห็นดังนั้นจึงดื่มตามจนหมดแก้ว
สมยศวางแก้วเหล้าลงกับพื้นโต๊ะอย่างแผ่วเบา ในตอนนี้แววตาที่เคยดูมาดมั่นกลับแสดงถึงความอ่อนล้า
“ตั้งแต่ผมเคยมานั่งที่นี่ ผมไม่เคยดื่มเกิน 4 แก้วเลย”
“วันนี้แก้วที่เท่าไหร่แล้วคะ”
ชลดาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเบาแต่เย้ายวน เพราะเธอก็เริ่มเมาแล้วเช่นกัน
“แก้วที่ 6 แล้วครับ”
“ฉันก็เริ่มจะเมาแล้ว ปกติไม่เคยดื่มหมดแล้ว แต่นี่ฉันไม่อยากเชื่อว่าจะดื่มแก้วที่สองหมด”
“หมายความว่าคุณจะไม่ดื่มต่อหรือครับ” สมยศถาม
“คงจะไม่แล้วค่ะ” ชลดาพูดพร้อมรอยยิ้ม “ปล่อยให้คุณดื่มต่อเถอะ ฉันไม่ไหวแล้ว”
“ผมก็ไม่ไหวเช่นกัน”
“ถ้าคุณและฉันไม่ดื่มต่อ เราก็ควรจะออกไปจากที่นี่” หญิงสาวพูดพร้อมหันไปมองรอบข้างที่ผู้คนเริ่มหนาแน่น “บางทีเราควรลุกให้กับคนอื่นที่ต้องการมานั่งดื่มเหล้า”
สมยศยิ้มหัวเราะชอบใจกับคำพูดนี้ “ถูกของคุณครับคุณชลดา เราควรจะแยกย้ายกันกลับบ้านใช่มั้ยครับ”
ชลดาหัวเราะชอบใจกับท่าทีของสมยศด้วย เธอยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู “นี่เพิ่งจะสองทุ่มเอง กลับบ้านกันตอนนี้รถคงติดแย่”
ชายหนุ่มยิ้มเงียบ ๆ เขาหลับตาลงเหมือนจะพยายามจะสลัดความเมาออกไป “งั้นคุณจะชวนผมไปไหนดีล่ะครับ”
“มีร้านข้าวต้มอยู่ใกล้ ๆ นี้สำหรับพวกนักเที่ยวยามราตรีจะไปหาอะไรกินกันหลังเที่ยว”
“แต่สองทุ่มยังไม่ถึงเวลาที่คนจะเลิกเที่ยวกัน”
“ร้านเขาเตรียมอาหารไว้รอแล้ว ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกค่ะ”
“เป็นความคิดที่ดีครับ บางทีเราไปหาอะไรกินกันร้อน ๆ อาจจะทำให้คนคออ่อนอย่างพวกเราสร่างเมาได้บ้าง ผมไม่อยากกลับคอนโดในสภาพนี้”
“มีใครรออยู่ที่คอนโดหรือคะ”
“ไม่มีหรอก ผมอยู่คนเดียว แต่ผมต้องขับรถกลับคอนโด คงต้องรอให้หายเมาก่อน”
“ไปร้านข้าวต้ม เราไปแท๊กซี่ก็ได้ค่ะ”
“ครับ ถ้าอย่างนั่นเราไปกัน เดี๋ยวผมจ่ายค่าเหล้าให้คุณเอง อ้อ… แล้วห้ามปฏิเสธนะครับ”
ทั้งคู่เดินออกจากร้านและไปยืนรอแท๊กซี่
บนรถแท๊กซี่ ชายหญิงนั่งคู่กันบนเบาะหลัง ระยะจากต้นทางถึงปลายทางนั้นสั้นเกินกว่าที่ทั้งคู่จะเริ่มคุยอะไรกัน ไม่นานเมื่อรถจอดหน้าร้านข้าวต้ม สมยศจ่ายค่าแท็กซี่ก่อนที่จะเปิดประตูรถออกไปทางฝั่งฟุทบาธ เขาออกไปยืนนอกรถแล้วแต่ก็ยังก้มหน้าเข้าไปมองในรถ เพื่อหวังให้ชลดาขยับมาลงประตูทางฝั่งฟุทบาธ
ชลดาเขยิบตัวเตรียมลงฝั่งประตูที่สมยศยืนรออยู่ ชายหนุ่มยื่นแขนให้ฝ่ายหญิงจับเพื่อดึงตัวออกมาจากเบาะรถ ชลดาทำท่าเคอะเขินเล็กน้อยแต่สักพักเธอก็เอื้อมมือไปขวาแขนนั้นไว้ เมื่อลงมาจากรถได้แล้วเธอจึงคลายมือออก
“ขอบคุณมากค่ะ ไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับฉันมาก่อน”
ชลดาพูดก้วยสีหน้าที่เริ่มแดงจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ รวมถึงความเขินอายตามที่เธอรู้สึกด้วย
“ผมเห็นคุณเริ่มเมาแล้ว” สมยศตอบสั้น ๆ
ใบหน้าอ่อนหวานส่งยิ้มสุภาพบุรุษ “ถ้าฉันเมาจนเดินไม่ไหว คุณจะช่วยควงแขนฉันเดินไปหน่อยได้มั้ย”
“มันแน่นอนอยู่แล้วครับ”
บทพิสูจน์รัก
หญิงสาวผมม้วนลอนสีน้ำตาลเข้ม เธอใส่ชุดยาวคลุมถึงหัวเข่า โครงหน้าถูกแต่งให้เรียวยาวจากการปัดสีแก้มให้เข้ม ริมฝีปากบางเรียวยาวประดับประดาด้วยเฉดสีที่ดูเป็นธรรมชาติ แต่สิ่งที่ดูโดดเด่นแม้อยู่ท่ามกลางหลอดไฟสลัวก็คือดวงตาคู่นั้น
แววตาที่ดูเงียบขรึมหากมองผ่าน ๆ แต่ถ้าได้สบตาคู่สวยนั้นเนิ่นนานจะเห็นถึงความเศร้าแอบซ่อนอยู่ ในผับเล็ก ๆ และมืดแต่ดูหรูหราแห่งนี้มีชายหลายคนที่แอบเฝ้าจับตามองเธอ แต่ทว่าไม่มีใครได้รับการตอบกลับจากหญิงสาวนางนี้สักคนเดียว เพราะว่าสิ่งที่เธอสนใจคือหนุ่มในชุดสูทสีดำสนิทที่นั่งอยู่หน้าบาร์
ชายหนุ่มในชุดสูทนั่งดื่มเงียบ ๆ อยู่คนเดียว เขาดื่มวิสกี้ยี่ห้อ Esquire โดยมีบาร์เทนเดอร์คอยบริการ ข้าง ๆ แก้วมีจานสีขาวใส่ชิ้นช็อคโกแลตที่ถูกหั่นไว้แล้วหลายชิ้น เจ้าของแก้วเหล้าไม่ดื่มน้ำในนั้นทันที แต่เขาจะดมไอระเหยของวิสกี้จนแน่ใจว่าเป็นรสชาติที่คุ้นเคย ก่อนจะยกเหล้าเทใส่ปากจนเต็มกระพุ้งแก้มและค่อย ๆ กลืนมันลงไป ไม่นานชายหนุ่มก็หยิบชิ้นช็อคโกแลตใส่ปากตาม
หญิงสาวสวยนั่งมองท่าทีนี้ไม่ห่างจากเจ้าของอิริยาบทนั้น เธอนั่งโต๊ะคนเดียวโดยดื่มเครื่องดื่มที่ผสมจากโคล่าและเทนเนสซี่ วิสกี้ยี่ห้อแจ๊ค เดเนียล เธอเพียงแค่แตะมันเบา ๆ เพราะในคืนนี้เธอยังไม่อยากเมา หรือบางทีเธอก็คิดว่าอาจจะยังไม่ถึงเวลาต้องเมา
ด้วยขนาดของผับที่เล็ก จึงทำให้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในสถานที่แห่งนี้ก็มักจะเป็นที่เปิดเผยให้รู้กัน หญิงสาวหยิบแก้วทรงสูงเดินไปวางลงข้าง ๆ หนุ่มที่ดื่มวิสกี้กับช็อคโกแลต ชายหลายคนในผับมองตามแต่สักพักก็ไม่มีใครสนใจอะไรกับเหตุการณ์นี้อีก หญิงสาวนั่งลงเงียบ ๆ โดยที่ยังไม่หันไปแลคนที่นั่งอยู่ก่อน
หากตัดเสียงเพลงที่ขับกล่อมในผับแห่งนี้ออกไป ในบาร์ระหว่างเขาและเธอยังอยู่ในความเงียบสงบ จนเวลาผ่านไปสักพัก เสียงหัวเราะใส ๆ จากหญิงสาวดังขึ้น แต่ไม่เลยเถิด
หนุ่มในชุดสูทสีดำหันมาทางต้นเสียง หญิงสาวส่งรอยยิ้มและสร้างแววตามิตรภาพไว้รอแล้ว เธอเอ่ยขึ้น
“ขอโทษค่ะ ไม่ได้ตั้งใจที่จะเสียมารยาท”
ชายหนุ่มฉีกยิ้มอย่างพิศวง “ไม่ทราบว่าเรื่องอะไรครับ”
หญิงสาวยังไม่ตอบ เธอบังคับสายตาไปยังจานสีขาวที่มีของวางอยู่บนนั้น
“ฉันไม่นึกว่าที่ผับแห่งนี้จะขายของหวานด้วย และฉันยังเดาว่าที่คุณดื่มอยู่นั่นเป็นโกโก้ร้อนหรือเปล่า” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าแววตาไร้เดียงสา ขัดกลับภาพลักษณ์ของเธอ ณ ตอนนี้
ชายหนุ่มหัวเราะดัง “ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรอกครับ ถ้าพูดให้เข้าใจง่าย ๆ นี่คือกับแกล้ม ใช้ทานคู่กับแคนาเดียนวิสกี้ อย่างที่ผมดื่มนี้เป็นวิสกี้ยี่ห้อ Esquire มันจะมีสัมผัสเบา แต่เต็มไปด้วยหลากหลายรสชาติ”
หญิงสาวทำตาเป็นประกาย “คุณคงเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเหล้า”
ชายหนุ่มหัวเราะดังอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดังกว่าครั้งแรกนิดหน่อย
“บาร์เทนเดอร์ที่ร้านนี้แนะนำมา และผมก็ไม่ได้มีความรู้อะไรมากไปกว่านี้หรอกครับ” ชายหนุ่มเลื่อนขวดวิสกี้ให้อีกฝ่ายดู “คุณอยากจะลองสักหน่อยมั้ยครับ”
“ไม่หรอกค่ะ ฉันคออ่อน” เธอยกแก้วทรงสูงขึ้น “ฉันดื่มได้แค่เหล้าผสมโค้ก”
“นั่นเป็นเครื่องดื่มที่ดีมากครับ”
“ขอบคุณค่ะ” เธอตอบ
ทั้งคู่ต่างยิ้มให้กัน และต่างคนก็หันไปดื่มต่อกับแก้วของตัวเอง เสียงสนทนาเงียบหายไปสักพัก ไม่นานหญิงสาวก็เอ่ยขึ้น
“คุณชอบมานั่งดื่มที่นี่คนเดียวหรือคะ”
ฝ่ายชายหันมายิ้มให้ก่อนจะตอบ “ใช่ครับ ผมมาคนเดียว แล้วคุณล่ะ”
“ฉันมาคนเดียวค่ะ” หญิงสาวหันไปดูรอบ ๆ “ฉันเพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรก ที่นี่บรรยากาศดีมากเลยค่ะ”
“ผมชอบมานั่งพักผ่อนที่นี่ ผมชอบเพลงของที่นี่และเหล้าที่นี่ก็อร่อย”
“คุณมานั่งพักผ่อน เหมือนว่าคุณไม่ได้ตั้งใจมาดื่มเหล้า”
“เหล้าขวดนี้ผมเปิดมาหลายเดือนแล้ว นาน ๆ ผมจะได้มาที่นี่ทีนึง ถ้ามาก็ดื่มแค่สองสามแก้วแค่นั้น”
หญิงสาวทำท่าทีสนใจ เธอลุกจากเก้าอี้และขยับมันให้เข้ามาใกล้คู่สนทนามากขึ้น
“คุณมาที่นี่เนื่องในโอกาสอะไร” หญิงสาวถาม
ชายหนุ่มหันมาทางหญิงสาว เขาแสดงสีหน้าแววตาแห่งความสุขออกมาจนคนที่เห็นสัมผัสได้
“ผมจะมาที่นี่เพื่อมาเฉลิมฉลองกับความสำเร็จที่เกิดขึ้นกับตัวผม ครั้งที่แล้วที่ผมมาก็มาฉลองความสำเร็จในเรื่องงาน”
“แล้วมาครั้งนี้คุณมาฉลองเรื่องอะไรคะ” หญิงสาวพูดยังไม่ทันจบ ก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “แต่เดี๋ยวนะ งานฉลองมีคุณแค่คนเดียวเหรอ”
“ผมชอบความเงียบ ไม่ชอบอะไรที่เอิกเกริก คุณจะว่าผมบ้าก็ได้นะ” ชายหนุ่มยิ้ม
“ไม่บ้าหรอกค่ะ ฉันก็คิดว่างานฉลองจะมีใครร่วมยินดีกับเราเท่ากับตัวของเราเอง”
ชายหนุ่มพยักหน้า
“ว่าแต่ครั้งนี้คุณมาฉลองเรื่องอะไร”
“ผมมาเลี้ยงฉลองงานสละโสดของตัวผมเอง”
“คุณกำลังจะแต่งงาน” หญิงสาวเน้นเสียง “แล้วมานั่งดื่มคนเดียวเนี่ยนะ”
“ใช่แล้ว คิดไปคิดมามันก็ดูจะเงียบ ๆ ไปหน่อย แต่โชคดีที่คืนนี้มีเพื่อนคุยอย่างคุณ”
คำพูดนี้ทำให้กญิงสาวอายม้วน แต่เธอก็ไม่แสดงมันออกมามากเกินไป
“คู่หมั้นของคุณคงจะเป็นคนดีมาก เธอคงจะรักคุณ และคุณก็รักเธอมากเช่นกัน”
“เราคบกันมา 4 ปีแล้ว เป็น 4 ปีที่ไม่มีอะไรที่จะต้องพิสูจน์กันอีกต่อไปแล้ว ผมและเธอแค่อยากจะทำให้มันถูกต้องตามประเพณี”
“ฉันขอแสดงความยินดีกับคุณทั้งสองคนด้วยค่ะ” หญิงสาวยกแก้ว
ชายหนุ่มยกแก้วของตัวเองขึ้น “ขอบคุณมากครับ”
จากนั้นทั้งคู่ดื่ม
“ว่าแต่เรายังไม่รู้ชื่อกันเลย คุยกันมาตั้งนานแล้ว ผมชื่อสมยศครับ”
“ฉันชลดาค่ะ”
“ที่เราคุยกันมามีแต่เรื่องของผม ผมอยากฟังเรื่องของคุณบ้างครับ คุณชลดา”
ชลดาทำท่าทีพยักเพยิดก่อนจะพูด “เรื่องของฉันก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ไม่มีสาระอะไรหรอก”
“แล้วเรื่องของใครกันล่ะครับที่มีสาระ เรื่องของบุคคลสำคัญของโลกหรือครับ ถ้าเราอยากรู้เรื่องพวกนี้น เราก็แค่ไปเปิดหนังสือดู แต่เรื่องราวชีวิตของคนตรงหน้าเราน่าสนใจกว่า”
“ฉันแค่เหงาค่ะ แค่มาหาเพื่อนคุยไปวัน ๆ ก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านี้หรอกค่ะ”
สมยศทำท่าครุ่นคิดสักพัก “บางทีคนสมัยนี้ก็ล้วนแต่ต้องคอยต่อสู้กับความเหงา ผมหรือคุณก็คงไม่ต่างกัน”
“แต่คุณกำลังจะแต่งงาน ส่วนฉันก็ยังต้องอยู่แบบเหงา ๆ กันต่อไป”
“แล้วทำไมคุณถึงไม่หาใครสักคนล่ะครับ”
“พูดน่ะมันง่าย คุณก็คงจะรู้ดีในเรื่องนี้”
“คุณพูดถูก แต่การแต่งงานของผมก็ไม่ใช่จุดจบของความเหงา”
“แล้วคุณแต่งงานทำไมล่ะ”
สมยศครุ่นคิดอีกครั้ง “คงเป็นเรื่องของคำมั่นสัญญามั้ง เราเคยตกลงกันว่าจะแต่งงานกัน”
“คุณก็เลยต้องทำตาม”
“ก็คงอย่างนั้น”
“แต่ถึงอย่างไรคุณก็รักเธออยู่แล้ว”
“ใช่” สมยศตอบ
ชลดาหลบสายตาคู่สนทนา แต่เธอไม่ทำสิ่งนั้นนานเกินไป
“เอาล่ะ ไหน ๆ เราก็วินวินกันทั้งคู่ คุณก็ได้นั่งดื่มฉลองงานสละโสดของคุณ และยังมีฉันมานั่งคุยเป็นเพื่อน ส่วนฉันก็ได้เพื่อนคุยแก้เหงาเช่นกัน เรามาชนแก้ว บางทีคืนนี้ฉันอาจจะเมาก่อนกลับบ้าน”
สมยศมองภาพหญิงสาวตรงหน้า ความทะเล้นและรอยยิ้มที่ดูมีสเน่ห์ดึงดูดใจของชายที่กำลังจะแต่งงานให้เคลิบเคลิ้มเกินกว่าที่จะปฏิเสธได้ ความผ่อนคลายของสมยศทำให้เขายกแก้วเหล้าที่บาร์เทนเดอร์รินไว้ให้แล้วขึ้นมา
“ดื่มครับ”
“ค่ะ”
ชลดายกแก้วทรงสูงขึ้นดื่ม เมื่อสมยศเห็นดังนั้นจึงดื่มตามจนหมดแก้ว
สมยศวางแก้วเหล้าลงกับพื้นโต๊ะอย่างแผ่วเบา ในตอนนี้แววตาที่เคยดูมาดมั่นกลับแสดงถึงความอ่อนล้า
“ตั้งแต่ผมเคยมานั่งที่นี่ ผมไม่เคยดื่มเกิน 4 แก้วเลย”
“วันนี้แก้วที่เท่าไหร่แล้วคะ”
ชลดาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเบาแต่เย้ายวน เพราะเธอก็เริ่มเมาแล้วเช่นกัน
“แก้วที่ 6 แล้วครับ”
“ฉันก็เริ่มจะเมาแล้ว ปกติไม่เคยดื่มหมดแล้ว แต่นี่ฉันไม่อยากเชื่อว่าจะดื่มแก้วที่สองหมด”
“หมายความว่าคุณจะไม่ดื่มต่อหรือครับ” สมยศถาม
“คงจะไม่แล้วค่ะ” ชลดาพูดพร้อมรอยยิ้ม “ปล่อยให้คุณดื่มต่อเถอะ ฉันไม่ไหวแล้ว”
“ผมก็ไม่ไหวเช่นกัน”
“ถ้าคุณและฉันไม่ดื่มต่อ เราก็ควรจะออกไปจากที่นี่” หญิงสาวพูดพร้อมหันไปมองรอบข้างที่ผู้คนเริ่มหนาแน่น “บางทีเราควรลุกให้กับคนอื่นที่ต้องการมานั่งดื่มเหล้า”
สมยศยิ้มหัวเราะชอบใจกับคำพูดนี้ “ถูกของคุณครับคุณชลดา เราควรจะแยกย้ายกันกลับบ้านใช่มั้ยครับ”
ชลดาหัวเราะชอบใจกับท่าทีของสมยศด้วย เธอยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู “นี่เพิ่งจะสองทุ่มเอง กลับบ้านกันตอนนี้รถคงติดแย่”
ชายหนุ่มยิ้มเงียบ ๆ เขาหลับตาลงเหมือนจะพยายามจะสลัดความเมาออกไป “งั้นคุณจะชวนผมไปไหนดีล่ะครับ”
“มีร้านข้าวต้มอยู่ใกล้ ๆ นี้สำหรับพวกนักเที่ยวยามราตรีจะไปหาอะไรกินกันหลังเที่ยว”
“แต่สองทุ่มยังไม่ถึงเวลาที่คนจะเลิกเที่ยวกัน”
“ร้านเขาเตรียมอาหารไว้รอแล้ว ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกค่ะ”
“เป็นความคิดที่ดีครับ บางทีเราไปหาอะไรกินกันร้อน ๆ อาจจะทำให้คนคออ่อนอย่างพวกเราสร่างเมาได้บ้าง ผมไม่อยากกลับคอนโดในสภาพนี้”
“มีใครรออยู่ที่คอนโดหรือคะ”
“ไม่มีหรอก ผมอยู่คนเดียว แต่ผมต้องขับรถกลับคอนโด คงต้องรอให้หายเมาก่อน”
“ไปร้านข้าวต้ม เราไปแท๊กซี่ก็ได้ค่ะ”
“ครับ ถ้าอย่างนั่นเราไปกัน เดี๋ยวผมจ่ายค่าเหล้าให้คุณเอง อ้อ… แล้วห้ามปฏิเสธนะครับ”
ทั้งคู่เดินออกจากร้านและไปยืนรอแท๊กซี่
บนรถแท๊กซี่ ชายหญิงนั่งคู่กันบนเบาะหลัง ระยะจากต้นทางถึงปลายทางนั้นสั้นเกินกว่าที่ทั้งคู่จะเริ่มคุยอะไรกัน ไม่นานเมื่อรถจอดหน้าร้านข้าวต้ม สมยศจ่ายค่าแท็กซี่ก่อนที่จะเปิดประตูรถออกไปทางฝั่งฟุทบาธ เขาออกไปยืนนอกรถแล้วแต่ก็ยังก้มหน้าเข้าไปมองในรถ เพื่อหวังให้ชลดาขยับมาลงประตูทางฝั่งฟุทบาธ
ชลดาเขยิบตัวเตรียมลงฝั่งประตูที่สมยศยืนรออยู่ ชายหนุ่มยื่นแขนให้ฝ่ายหญิงจับเพื่อดึงตัวออกมาจากเบาะรถ ชลดาทำท่าเคอะเขินเล็กน้อยแต่สักพักเธอก็เอื้อมมือไปขวาแขนนั้นไว้ เมื่อลงมาจากรถได้แล้วเธอจึงคลายมือออก
“ขอบคุณมากค่ะ ไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับฉันมาก่อน”
ชลดาพูดก้วยสีหน้าที่เริ่มแดงจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ รวมถึงความเขินอายตามที่เธอรู้สึกด้วย
“ผมเห็นคุณเริ่มเมาแล้ว” สมยศตอบสั้น ๆ
ใบหน้าอ่อนหวานส่งยิ้มสุภาพบุรุษ “ถ้าฉันเมาจนเดินไม่ไหว คุณจะช่วยควงแขนฉันเดินไปหน่อยได้มั้ย”
“มันแน่นอนอยู่แล้วครับ”