ส่วนที่1
*พอดีพ่อกับแม่ของฉันไปกู้เงินมา65,000 บาท ปี54 โดยในสัญญาฉบับนั้นมี พ่อเป็นผู้กู้ แม่เป็นผู้ค้ำ ดอกเบี้ย ร้อยละ4ต่อเดือน โดยในปี2558-2559 ทางแม่มี จ่ายชำระไป แล้วบ้างเป็นเงิน 39,000 บาท พอช่วงที่ เงินขาดมือจึงไม่ได้จ่ายเพิ่ม แล้วจู่ๆเดือนธันวา 2560 ทางเจ้าหนี้มาบอกว่า ให้ไปจ่าย เพราะยอดหนี้ เป็น 570,000บาท  พอทางเราถามว่าคิดดอกเบี้ยอย่างไง ทบต้นทบดอกเหรอ เขาก็บอกว่าใช่  และก็บอกเราว่า  
จะให้พ่อเซ็น ยอมรัยหนี้570,000ด้วย ค่ะ
ทางเราเคย*ร้องเรียน ศูนย์ดำรงธรรมของ
อำเภอไปแล้วเขาก็บอกว่าให้เขาไปใหม่เอกสารหาย ไปครั้งที่สองเจ้าหน้าที่ให้เอาสัญญาเงินกู้ไป พอไปถามทางเจ้าหนี้ เขาบอกว่า สัญญาหาย จะหาให้ไหม่ พอถามอีกทีเขาก็บอกไม่ให้ **ร้องเรียนสำนักงานนายก เขาส่งเรื่องมาทางจังหวัดแล้วรอการติดต่อกลับ ก็ยังไม่ติดต่อกลับ และแนะนำแจ้งความ พอมาเดือนมิถุนา2561 เราจะขอคุยกับทางเจ้าหนี้ เขาบอกไม่ว่าง แต่ยอดหนี้ ตอนนี้คือ 700,000 กว่าบาท ***วันที่28ก.ค.2561มีการปราบปรามเงินกู้นอกระบบ พอดีมีตำรวจท่านหนึ่งเค้ายื่นเรื่องให้ ก็เราไปคุยที่โรงพัก พอไปถึงโรงพัก เค้าบอกว่าเรื่องของเราไม่เข้าเคส แนะนำให้ไปศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด
###โดยทางเจ้าหนี้เขาจะยึดที่ดิน บ้านที่อยู่อาศัย ของเราด่วยค่ะหากเราไม่จ่ายหนี้
###
ส่วนที่2
*ที่ดินที่อยู่อาศัยของเรา ตอนนี้ โฉนดอยู่ที่ เจ้าหนี้ เพราะ
** โฉนดที่ผืนนี้ เดิมทีเป็นชื่อปู่ พอปู่เสีย ก็แบ่งที่ แบ่งในนามเป็น6ส่วน ช่วงนั้นพ่อกับแม่เป็นหนี้ ลูงเขย ก็เลยขายส่วนของพ่อ ให้ลุงเขย แล้วมาสร้างบ้านอยู่กับลูง(พี่ชายพ่อ) อีก4ส่วนที่เหลือ ขายให้ลุงเขยหมด **หมายความว่าที่ของลูงเขยจะมี5ส่วน  ในโฉนดผืนนั้น  แล้วลุงเขยได้ขายให้กับ เจ้าหนี้ ของพ่อ โดยไม่ได้แยกโฉนดให้ ซึ้งตอนนั้น ทางครอบครัวไม่มีเงินที่จะแยกโฉนด. ค่ะ  ดังนั้นโฉนดทั้งผืนก็เปนชื่อของเจ้าหนี้.  ####ทางเจ้าหนี้ บอกจะยึดที่ หากเราไม่ชำระค่าหนี้ค่ะ ทำยังไงดีค่ะ