อย่าเป็นอย่างไอ้หมอนี่ ?

วันนี้เป็นวันครบรอบ 2606 ปีที่พระพุทธเจ้า ทรงเปิดประตูอมตนิพพานแก่เหล่าสัตว์ทั้งหลาย
และทรงยังธรรมจักรชั้นเยี่ยมให้เป็นไปโดยธรรมทีเดียว ธรรมจักรนั้นย่อมเป็นจักรอันสมณะ พราหมณ์ เทวดา มาร
พรหม หรือใครๆ ในโลก จะคัดค้านไม่ได้ ธรรม ๕ ประการเป็นไฉน คือ

....พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าในโลกนี้ ทรงรู้จักผล ๑ ทรงรู้จักเหตุ ๑
ทรงรู้จักประมาณ ๑ ทรงรู้จักกาล ๑ ทรงรู้จักบริษัท ๑

....ดูกรภิกษุทั้งหลายพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประกอบด้วยธรรม ๕ ประการนี้แล
ย่อมทรงยังธรรมจักรชั้นเยี่ยมให้เป็นไปโดยธรรมทีเดียว ธรรมจักรนั้นย่อมเป็นจักรอันสมณะ
พราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใครๆ ในโลก จะคัดค้านไม่ได้ ฯ......................................

แต่ไอ้หมอนี่ มันตาบอด หูหนวก  มองไม่เห็น  หูไม่ได้ยิน จึงจำต้องเดินทางผิดตราบชั่วกัลล์ปาวสาน...


ไอ้หมอนี่เป็นใคร..

...........อาชีวกชื่ออุปกะได้พบพระผู้มีพระภาคเสด็จดำเนินทางไกลระหว่างแม่น้ำคยาและ
ไม้โพธิพฤกษ์ ครั้นแล้วได้ทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาคว่า ดูกรอาวุโส อินทรีย์ของท่านผ่องใส
ยิ่งนัก ผิวพรรณของท่านบริสุทธิ์ผุดผ่อง ดูกรอาวุโส ท่านบวชอุทิศใคร? ใครเป็นศาสดาของ
ท่าน? หรือท่านชอบธรรมของใคร?. เมื่ออุปกาชีวกกราบทูลอย่างนี้แล้ว. พระผู้มีพระภาค
ได้ตรัสพระคาถาตอบอุปกาชีวกว่าดังนี้
                          เราเป็นผู้ครอบงำธรรมทั้งปวง รู้ธรรมทั้งปวง
                          อันตัณหาและทิฏฐิไม่ฉาบทาแล้ว ในธรรมทั้งปวง
                          ละธรรมเป็นไปในภูมิสามได้หมด พ้นแล้วเพราะ
                          ความสิ้นไปแห่งตัณหา เราตรัสรู้ยิ่งเองแล้ว จะพึง
                          อ้างใครเล่า อาจารย์ของเราไม่มี คนเช่นเรา
                          ก็ไม่มี บุคคลเสมอเหมือนเราก็ไม่มี ในโลกกับ
                          ทั้งเทวโลก เพราะเราเป็นพระอรหันต์ในโลก
                          เราเป็นศาสดา หาศาสดาอื่นยิ่งกว่ามิได้ เราผู้เดียว
                          เป็นพระสัมมาสัมพุทธะ เราเป็นผู้เย็นใจ ดับกิเลส
                          ได้แล้ว เราจะไปเมืองในแคว้นกาสี เพื่อ
                          ประกาศธรรมจักรให้เป็นไป เราจะตีกลองประกาศ
                          อมตธรรมในโลกอันมืด เพื่อให้สัตว์ได้ธรรมจักษุ.
             อุปกาชีวกทูลว่า ดูกรอาวุโส ท่านปฏิญาณโดยประการใด  ท่านควรเป็นผู้ชนะหาที่สุด
มิได้ โดยประการนั้น.
             พระผู้มีพระภาคตรัสว่า บุคคลเหล่าใดถึงความสิ้นอาสวะแล้ว บุคคลเหล่านั้นชื่อว่า
เป็นผู้ชนะเช่นเรา ดูกรอุปกะ เราชนะธรรมอันลามกแล้ว เพราะฉะนั้นเราจึงชื่อว่าเป็นผู้ชนะ.
             เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว อุปกาชีวกทูลว่า เป็นให้พอเถิดพ่อ ดังนี้ แล้ว
สั่นศีรษะ ถือเอาทางผิดเดินหลีกไป.



เขาเรียกว่า บุญมี แต่ความโง่มันมาบัง..... อิ อิ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่