สวัสดีครับ
อันนี้น้องไฟเอง ขึ้นชื่อกระทู้เหมือนนิทานนะฮะ
ด้วยความที่ช่วงนี้เพื่อน ๆ ของน้องพากันจับมือวิ่ง 2 x 100 เมตรเข้าประตูวิวาห์ฮาฮร้าาากันอย่างดุเดือดมากครับ น้องไฟในฐานะเพื่อนบ่าว-สาว Full-time เลยได้มีโอกาสเซอร์เวย์สถานที่จัดงานแต่งงานในกรุงเทพฯ หลายที่มากกกกกก !! … แต่สถานที่ในวันนี้มีความพิเศษกว่าที่ไหน เพราะมีความ “ใหม่ในความคลาสสิค” พิเศษมีคุณค่า มีอะไรดี ๆ มากมายจนน้องไฟคิดว่าขอเอามาแชร์ให้พี่ ๆ เพื่อน ๆ ได้รู้จักกันซักหน่อยดีกว่าฮะ … พี่ ๆ ที่มีแผนจะจัดงานแต่งงานเร็ว ๆ นี้เห็นที่นี่จะต้องว้าวววววแน่นอนครับ !!
บ้านเลขที่ 1 - ตรอกกัปตันบุช
ขอเล่าความเป็นมาซักนิด … เพราะนี้อินมากครับ !!
บ้านเลขที่ 1 หลังนี้มีประวัติความเป็นมายาวนานย้อนกลับไปถึงตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เลยครับ … สร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2545 บนที่ดินของพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ ซึ่งท่านทรงเป็นพระชายาของรัชกาลที่ 5 และทรงได้รับพระราชทานที่ดินมาจากรัชกาลที่ 5 ด้วยครับ … บ้านหลังนี้ได้รับการออกแบบและก่อสร้างในรูปแบบนีโอคลาสสิค ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ได้รับการรื้อฟื้นจากสมัยเรเนสซองค์ของยุโรปอีกครั้งในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ครับ โดยสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิคนี้จะเน้นรูปแบบอาคารที่มีความสมมาตรกันทั้งซ้าย-ขวา และชั้นบน-ล่าง ประกอบด้วยโถงกลาง บวกกับปีกอาคารซ้ายและขวาสมมาตรกันทั้งสองปีก และแพลนตึกเหมือนกันทั้งบนล่าง รวมทั้งการตกแต่งที่ใช้ศิลปะการสร้างอาคารแบบฝรั่ง ได้แก่ซุ้มโค้งแบบโรมัน, การเซาะผนังอาคารให้เป็นเส้นตรงสีขาวประดับ, การกัดปูนบริเวณมุมของอาคารให้คล้ายก้อนหิน และหน้าจั่วด้านหน้าของอาคาร ทำให้บ้านเลขที่ 1 บนตรองกัปตันบุช กลายเป็น 1 ในอาคารทรงฝรั่งที่ทรงคุณค่า แต่ยังคงกลิ่นอายความเป็นไทยด้วยต้นไม้ไทยทั้งร่มโพธิ์ ร่มไทรที่ปลูกอยู่รอบ ๆ บ้านครับ
หน้าจั่วมุกด้านหน้าอาคาร
การกัดเซาะอาคารให้เป็นลวดลาย และการเซาะปูนให้เป็นลวดลายหิน เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิคครับ
ตัวอาคารมีความสมมาตรทั้งด้านซ้าย-ขวา และแพลนอาคารเหมือนกันทั้งชั้นบนและชั้นล่าง
ก่อนหน้าที่บ้านเลขที่ 1 จะได้รับการบูรณะครั้งยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ได้ผ่านมือผู้เช่ามาจำนวนมากเลยครับ ทำให้ตัวอาคารโบราณทรงคุณค่านี้ทรุดโทรมลงไปเยอะมาก จนกระทั่งได้รับการบูรณะรูปแบบอนุรักษ์ครั้งยิ่งใหญ่ โดยใช้ช่างฝีมือจากกรมศิลปากรมาดูแลโดยเฉพาะครับ เพื่ออนุรักษ์ตัวอาคารกลับมามีความสมบูรณ์ใกล้เคียงตอนแรก ๆ ที่สร้างเสร็จที่สุด การบูรณะเลยใช้เงินมหาศาลเลยเชียวครับ แต่สุดท้ายแล้วบ้านเลขที่ 1 ก็กลับคืนมาเป็นอาคารที่สง่างามสมบูรณ์แบบดั้งเดิมได้อีกครั้ง และขณะนี้ที่นี่เปิดให้บริการเป็นสถานที่จัดงานต่าง ๆ ทั้งงานแต่งงาน งานสัมมนา งานประชุม งานจัดแสดงศิลปะ งานเปิดตัวสินค้า ฯลฯ อีกเยอะมาก ๆ ครับ
พี่ ๆ หลายคนคงคิดว่าอนุรักษ์แล้วทำไมยังเปิดให้คนเช่าจัดงานอีก? สาเหตุที่ต้องเปิดให้บริการเป็นรูปแบบ Functional Hall แบบนี้เพราะค่าอนุรักษ์อาคารนี้แพงมาก ๆ ถ้าแค่บูรณะแล้วปิดเอาไว้ อาคารที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์นี้ก็จะสร้างแต่ค่าใช้จ่าย ในที่สุดก็อาจจะถูกระงับงบประมาณในการบูรณะอนุรักษ์เอาไว้ แล้วก็กลับทรุดโทรมอย่างเดิมครับ … การเปิดให้ผู้สนใจได้เข้ามาใช้เป็นพื้นที่ในการจัดกิจกรรมดี ๆ จะช่วยให้บ้านเลขที่ 1 สามารถสร้างรายได้ขึ้นมาด้วยตัวเองได้ แล้วเอารายได้นี้มาใช้ในการบูรณะตัวเองให้สมบูรณ์แข็งแรงไปได้อย่างยั่งยืน ซึ่งนี่คือการอนุรักษ์อย่างยั่งยืนอย่างแท้จริงครับ และที่สำคัญ ผู้ที่สนใจ ผู้ที่เห็นคุณค่า ผู้ที่อินกับประวัติความเป็นมาของอาคารโบราณแบบนี้อย่างน้องไฟ จะได้มีโอกาสเข้ามาชื่นชมความสวยงามได้อย่างยั่งยืนด้วยครับ
วันที่น้องไฟมา เป็นวันที่บ้านเลขที่ 1 มี Big Cleaning พอดีเลยครับ เนื่องจากวันรุ่งขึ้นจะมีออร์กาไนเซอร์เตรียมมาจัดงานแต่งสำหรับวันถัดไป ว้อววววว !! บิ้วให้ซื้อของไปอีกกกกก
ปล. ไม่ทำนัดมาก่อนจิเข้าบ้านไม่ได้เอานะฮะ สามารถทำนัดเข้ามาดูสถานที่ได้ที่
http://www.house-numberone.com นะครับ
-----
ฟังก์ชั่นงานแต่งงานแบบไม่เหมือนใคร !!
กลับมาที่เรื่องหลักฮะ … น้องไฟมาช่วยเพื่อนเซอร์เวย์สถานที่จัดงานแต่งงานแต่เรามีโจทย์กันนิดนึงคือ
เราอยากหลีกเลี่ยงแพทเทิร์นงานแต่งงานในโรงแรม (ไม่ใช่ไม่ดีนะครับ แต่บ่าวสาวอยากลองทำแบบใหม่ ๆ ดูบ้าง)
สถานที่ต้องสะดวกกับแขกเหรื่อผู้มาร่วมงาน
อาหารต้องอร่อย เราต้องไม่โดนด่าและตราหน้า
แขกต้องรู้สึก WOW !! กับไอเดียงานแต่งของเรา
ดังนั้นเลยมีการเซอร์เวย์ทั้งโรงแรม ทั้งฮอลจัดงาน ทั้งร้านอาหาร ทั้งสตูดิโอ และทั้งที่นี่ครับ
พอลองช่วยกันหาข้อมูลเลยค้นพบว่า “บ้านเลขที่ 1” ใหม่มาก ๆ สำหรับแวดวงวิวาห์ Weddings ในช่วงเวลาปี 2 ปีนี้ครับ ทีมงานคุณภาพสนใจกันมาก วันนี้จึงมีการนัดเข้ามาดูสถานที่พร้อมเก็บรายละเอียดการจัดงานแต่งงาน น้องไฟขออนุญาตสรุปแต่ละข้อตามโจทย์ที่บ่าวสาวคิดกันมาเอาไว้เลยนะครับ
ปล. วันนี้น้องไฟแอบลองเล่นกล้องใหม่ที่เพิ่งถอยมาเป็น Canon EOS M50 ตัวเล็กพกสะดวกพร้อมติดเลนส์คิท หมุนโหมด Auto แล้วถ่ายฮั่วะ ๆๆ รัว ๆ เลยฮะ
หลีกเลี่ยงแพทเทิร์นงานแต่งงานในโรงแรมด้วยพื้นที่แบบคฤหาสน์ที่มีห้องมากมายตอบรับทุกการใช้งาน - ผ่าน
เนื่องจากความที่เป็นบ้านเป็นคฤหาสน์ที่เคยอยู่อาศัยมาก่อนจริง ๆ ที่นี่เลยมีการแบ่งห้องหับต่าง ๆ ออกมาเป็นหลาย ๆ ส่วน ทั้งโถงทางเข้า - ห้องโถงกลางชั้นล่าง - ปีกตึกด้านซ้ายด้านขวาของชั้นล่าง แถมชั้น 2 ยังมีห้องในแพลนอาคารเดียวกันอีก เท่ากับว่าที่นี่มีมุมให้บ่าวสาวเนรมิตให้เป็นสถานที่ต่าง ๆ ได้ตามใจปรารถนาครับ ว้อวววว !!
โถงทางเข้าอาคาร
ห้องโถงกลางของชั้นล่าง
โถงชั้นล่างด้านซ้ายมือของอาคาร
บันไดขึ้นชั้น 2 ซึ่งมีทั้ง 2 ด้านของอาคารครับ
โถงด้านหน้าบนชั้น 2 โอ่อ่ามาก ๆ ครับ
เพดานด้านบนของโถงหน้าบริเวณชั้น 2 มีจิตรกรรมวาดภาพรูปแบบ Stencil ลวดลายดอก Clematis … เป็นดอกไม้ที่ไม่มีในเมืองไทย ลวดลายนี้จึงเป็นศิลปกรรมของยุโรปเช่นกันครับ
โถงกลางของชั้น 2 มีการจัดเตรียมสำหรับงานแต่งงานในวันถัดไปอยู่ครับ
ห้องแต่งตัวของบ่าวสาวด้านหลังอาคารบริเวณชั้น 2 ครับ
นอกเหนือจากตัวห้องภายในอาคาร สนามโล่งด้านนอกเค้าก็อนุญาตให้บ่าวสาวใช้จัดงานได้เหมือนกันครับ ไม่ว่าจะเป็นจัดขบวนแห่ขันหมากหรือจัดเป็นโต๊ะจีนเลี้ยงอาหารก็ได้หมด ไม่มีส่วนที่เป็นเวทีตายตัว จะใช้ตรงไหนก็ได้เป็นจุดหลักของงาน เจ๋งมาก ๆ ครับ
พื้นที่โล่งด้านหลังของบ้านเลขที่ 1 ครับ
กลุ่มของอาคารด้านซ้าย บริเวณด้านนอกตัวอาคารหลังครับ ตรงนี้ยังคงรูปแบบดั้งเดิมไม่มีการบูรณะให้ใหม่ มีต้นไทรอายุร่วมร้อยปีขึ้นบนอาคารเก๋มากครับ อันนี้เป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมของคนมางานเลยเชียว
สวนภายนอกอาคารให้ผู้จัดงานออกแบบใช้งานได้แบบฟรีสไตล์เลยครับ
สถานที่สะดวกกับแขกเหรื่อผู้มาร่วมงานใจกลางกรุงเทพฯ แถมที่จอดรถสะดวกมากมากกกกกกกก จอดได้เกือบ ๆ 200 คันครับ !!
อันนี้คือ 1 ในสิ่งที่ตัดความกังวลและตัดช้อยส์สถานที่จัดงานตามสตูดิโอกับร้านอาหารไปเลยครับ เพราะที่จอดที่นี่เยอะมาก ๆ แถมไม่ซับซ้อน เป็นลานจอดใหญ่ ๆ กว้าง ๆ ไฟสว่างส่องทั่วถึง และให้จอดเฉพาะแขกที่จะมาร่วมงานเท่านั้น เพราะฉะนั้น 200 กว่าคันคือที่จอดของงานเราทั้งหมดครับ !!
**ลืมถ่ายรูปลานจอดมา แต่อันนี้เป็นทางเข้าหลักจากลานจอดรถครับ ฮือออ**
อาหาร - ไว้วางใจได้แน่นอน
ที่บ้านเลขที่ 1 ไม่มีครัวของตัวเองครับ แต่จะมีครัวซัพพลายเออร์คือร้าน “เสน่ห์จันทน์” ความอาหารไทยระดับมิชลินสตาร์ 1 ดาวอันทรงเกียรติลือลั่น ส่งความอร่อยมาบรรณาการทางผู้ร่วมงานอยู่ … บ่าวสาวและน้องไฟจึงคิดว่าน่าจะพอถูไถทานได้แหละฮะ /ตีปากตัวเอง !!
อยากให้แขก WOW !! กับงานแต่งงานของเรา
อันนี้ขนาดพวกเราเดินเข้ามาที่บ้านเลขที่ 1 ก้าวแรกช่วงกลางวัน ยังรู้สึกตะลึงในความสวย ความโอ่อ่า ความวิจิตรของอาคารเลยครับ ด้วยรายละเอียดต่าง ๆ ที่มีแทรกอยู่ในทุกพื้นที่ของบ้าน ในจุดต่าง ๆ ของกลุ่มอาคาร บรรยากาศรุ่งเรืองแบบบ้านสไตล์วิลล่าที่ประเทศอิตาลี ที่ทวีปยุโรปแบบนี้ … เลยยิ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจว่าหลังที่เราเอาออร์กาไนเซอร์มาตกแต่งสถานที่ มีแสงสี มีบรรยากาศยามค่ำคืน งานแต่งงานต้องยิ่งสวย ยิ่งว้าวอย่างแน่นอนครับ !!
==========
แล้วเรื่องราคาเป็นยังไงน้องไฟ ???
ด้วยส่วนผสมเลอค่า อลังการ พร้อมความมีคุณค่า ความเป็นประวัติศาสตร์แล้ว … ราคาการจัดงานแต่งงานที่นี่อยู่ในระดับที่เรียกว่าไฮเอนด์อยู่ครับ แต่ก็ไม่ใช่ความไฮเอนด์ทะลุโลก ราคาที่นี่ไม่ได้แตกต่างจากโรงแรมห้าดาวชื่อดังของไทยอย่าง Mandarin Oriental หรือ Penninsula เลยครรับ ไป ๆ มา ๆ พอคิดเลขดูคร่าว ๆ แล้วสิ่งที่ได้มาดูมีคุณค่า มีมูลค่าสูงกว่าในแง่ของทั้งฟังก์ชั่นและความรู้สึกทางใจที่มีกลับคืนมายัง บ่าวสาว ครอบครับ และแขกที่จะมาร่วมงานแน่ ๆ … เพราะเท่าที่น้องไฟแอบคิด คือเรากำลังจะจัดงานแต่งงานบน 1 ในพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่มีคุณค่าของประเทศไทย ย้อนกลับไปถึงสมัยรัชกาลที่ 5 เลยเชียวครับ … เรื่องราวของวันแต่งงานนี้ น้องไฟมั่นใจเลยว่าบ่าวสาวจะต้องภูมิใจกลับความทรงจำที่มีคุณค่านี้ แล้วเล่าให้ลูก ๆ ฟังแบบที่ลูก ๆ จะต้องอยากจัดงานแต่งตามคุณพ่อคุณแม่ที่นี่อีกรอบอย่างแน่นอนฮะ
==========
ตอนนี้บ่าวสาวยังคงเซอร์เวย์ตามที่ได้นัดหมายกับสถานที่อื่น ๆ อยู่ครับ แต่ค่อนข้างมั่นใจว่าบ่าวสาวเทใจมาที่บ้านเลขที่ 1 ณ ตรอกกัปตันบุชแห่งนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว … ถ้าพี่ ๆ กำลังมองหาสถานที่จัดงานแต่งงานที่จะเติมเต็มวันพิเศษให้กลายเป็นอีก 1 ความพิเศษเหนือวันไหน ๆ ต้องลองไป “บ้านเลขที่ 1” ดูเลยครับผม … รับรองว่าจะอินแบบทีมงานคุณภาพชาวเราครั้งนี้อย่างแน่นอนฮะ !! วันนี้น้องไฟขอตัวลาไปช่วยบ่าวสาวต่อแล้ว บุยยยยยย !!
บ่าวสาวและเพื่อนเซอร์เวย์ที่จัดงานแต่ง Ep.1 - บ้านเลขที่ 1 ตรอกกัปตันบุช
ด้วยความที่ช่วงนี้เพื่อน ๆ ของน้องพากันจับมือวิ่ง 2 x 100 เมตรเข้าประตูวิวาห์ฮาฮร้าาากันอย่างดุเดือดมากครับ น้องไฟในฐานะเพื่อนบ่าว-สาว Full-time เลยได้มีโอกาสเซอร์เวย์สถานที่จัดงานแต่งงานในกรุงเทพฯ หลายที่มากกกกกก !! … แต่สถานที่ในวันนี้มีความพิเศษกว่าที่ไหน เพราะมีความ “ใหม่ในความคลาสสิค” พิเศษมีคุณค่า มีอะไรดี ๆ มากมายจนน้องไฟคิดว่าขอเอามาแชร์ให้พี่ ๆ เพื่อน ๆ ได้รู้จักกันซักหน่อยดีกว่าฮะ … พี่ ๆ ที่มีแผนจะจัดงานแต่งงานเร็ว ๆ นี้เห็นที่นี่จะต้องว้าวววววแน่นอนครับ !!
บ้านเลขที่ 1 - ตรอกกัปตันบุช
ขอเล่าความเป็นมาซักนิด … เพราะนี้อินมากครับ !!
บ้านเลขที่ 1 หลังนี้มีประวัติความเป็นมายาวนานย้อนกลับไปถึงตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เลยครับ … สร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2545 บนที่ดินของพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ ซึ่งท่านทรงเป็นพระชายาของรัชกาลที่ 5 และทรงได้รับพระราชทานที่ดินมาจากรัชกาลที่ 5 ด้วยครับ … บ้านหลังนี้ได้รับการออกแบบและก่อสร้างในรูปแบบนีโอคลาสสิค ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่ได้รับการรื้อฟื้นจากสมัยเรเนสซองค์ของยุโรปอีกครั้งในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ครับ โดยสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิคนี้จะเน้นรูปแบบอาคารที่มีความสมมาตรกันทั้งซ้าย-ขวา และชั้นบน-ล่าง ประกอบด้วยโถงกลาง บวกกับปีกอาคารซ้ายและขวาสมมาตรกันทั้งสองปีก และแพลนตึกเหมือนกันทั้งบนล่าง รวมทั้งการตกแต่งที่ใช้ศิลปะการสร้างอาคารแบบฝรั่ง ได้แก่ซุ้มโค้งแบบโรมัน, การเซาะผนังอาคารให้เป็นเส้นตรงสีขาวประดับ, การกัดปูนบริเวณมุมของอาคารให้คล้ายก้อนหิน และหน้าจั่วด้านหน้าของอาคาร ทำให้บ้านเลขที่ 1 บนตรองกัปตันบุช กลายเป็น 1 ในอาคารทรงฝรั่งที่ทรงคุณค่า แต่ยังคงกลิ่นอายความเป็นไทยด้วยต้นไม้ไทยทั้งร่มโพธิ์ ร่มไทรที่ปลูกอยู่รอบ ๆ บ้านครับ
หน้าจั่วมุกด้านหน้าอาคาร
การกัดเซาะอาคารให้เป็นลวดลาย และการเซาะปูนให้เป็นลวดลายหิน เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิคครับ
ตัวอาคารมีความสมมาตรทั้งด้านซ้าย-ขวา และแพลนอาคารเหมือนกันทั้งชั้นบนและชั้นล่าง
ก่อนหน้าที่บ้านเลขที่ 1 จะได้รับการบูรณะครั้งยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ได้ผ่านมือผู้เช่ามาจำนวนมากเลยครับ ทำให้ตัวอาคารโบราณทรงคุณค่านี้ทรุดโทรมลงไปเยอะมาก จนกระทั่งได้รับการบูรณะรูปแบบอนุรักษ์ครั้งยิ่งใหญ่ โดยใช้ช่างฝีมือจากกรมศิลปากรมาดูแลโดยเฉพาะครับ เพื่ออนุรักษ์ตัวอาคารกลับมามีความสมบูรณ์ใกล้เคียงตอนแรก ๆ ที่สร้างเสร็จที่สุด การบูรณะเลยใช้เงินมหาศาลเลยเชียวครับ แต่สุดท้ายแล้วบ้านเลขที่ 1 ก็กลับคืนมาเป็นอาคารที่สง่างามสมบูรณ์แบบดั้งเดิมได้อีกครั้ง และขณะนี้ที่นี่เปิดให้บริการเป็นสถานที่จัดงานต่าง ๆ ทั้งงานแต่งงาน งานสัมมนา งานประชุม งานจัดแสดงศิลปะ งานเปิดตัวสินค้า ฯลฯ อีกเยอะมาก ๆ ครับ
พี่ ๆ หลายคนคงคิดว่าอนุรักษ์แล้วทำไมยังเปิดให้คนเช่าจัดงานอีก? สาเหตุที่ต้องเปิดให้บริการเป็นรูปแบบ Functional Hall แบบนี้เพราะค่าอนุรักษ์อาคารนี้แพงมาก ๆ ถ้าแค่บูรณะแล้วปิดเอาไว้ อาคารที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์นี้ก็จะสร้างแต่ค่าใช้จ่าย ในที่สุดก็อาจจะถูกระงับงบประมาณในการบูรณะอนุรักษ์เอาไว้ แล้วก็กลับทรุดโทรมอย่างเดิมครับ … การเปิดให้ผู้สนใจได้เข้ามาใช้เป็นพื้นที่ในการจัดกิจกรรมดี ๆ จะช่วยให้บ้านเลขที่ 1 สามารถสร้างรายได้ขึ้นมาด้วยตัวเองได้ แล้วเอารายได้นี้มาใช้ในการบูรณะตัวเองให้สมบูรณ์แข็งแรงไปได้อย่างยั่งยืน ซึ่งนี่คือการอนุรักษ์อย่างยั่งยืนอย่างแท้จริงครับ และที่สำคัญ ผู้ที่สนใจ ผู้ที่เห็นคุณค่า ผู้ที่อินกับประวัติความเป็นมาของอาคารโบราณแบบนี้อย่างน้องไฟ จะได้มีโอกาสเข้ามาชื่นชมความสวยงามได้อย่างยั่งยืนด้วยครับ
วันที่น้องไฟมา เป็นวันที่บ้านเลขที่ 1 มี Big Cleaning พอดีเลยครับ เนื่องจากวันรุ่งขึ้นจะมีออร์กาไนเซอร์เตรียมมาจัดงานแต่งสำหรับวันถัดไป ว้อววววว !! บิ้วให้ซื้อของไปอีกกกกก
ปล. ไม่ทำนัดมาก่อนจิเข้าบ้านไม่ได้เอานะฮะ สามารถทำนัดเข้ามาดูสถานที่ได้ที่ http://www.house-numberone.com นะครับ
-----
ฟังก์ชั่นงานแต่งงานแบบไม่เหมือนใคร !!
กลับมาที่เรื่องหลักฮะ … น้องไฟมาช่วยเพื่อนเซอร์เวย์สถานที่จัดงานแต่งงานแต่เรามีโจทย์กันนิดนึงคือ
เราอยากหลีกเลี่ยงแพทเทิร์นงานแต่งงานในโรงแรม (ไม่ใช่ไม่ดีนะครับ แต่บ่าวสาวอยากลองทำแบบใหม่ ๆ ดูบ้าง)
สถานที่ต้องสะดวกกับแขกเหรื่อผู้มาร่วมงาน
อาหารต้องอร่อย เราต้องไม่โดนด่าและตราหน้า
แขกต้องรู้สึก WOW !! กับไอเดียงานแต่งของเรา
ดังนั้นเลยมีการเซอร์เวย์ทั้งโรงแรม ทั้งฮอลจัดงาน ทั้งร้านอาหาร ทั้งสตูดิโอ และทั้งที่นี่ครับ
พอลองช่วยกันหาข้อมูลเลยค้นพบว่า “บ้านเลขที่ 1” ใหม่มาก ๆ สำหรับแวดวงวิวาห์ Weddings ในช่วงเวลาปี 2 ปีนี้ครับ ทีมงานคุณภาพสนใจกันมาก วันนี้จึงมีการนัดเข้ามาดูสถานที่พร้อมเก็บรายละเอียดการจัดงานแต่งงาน น้องไฟขออนุญาตสรุปแต่ละข้อตามโจทย์ที่บ่าวสาวคิดกันมาเอาไว้เลยนะครับ
ปล. วันนี้น้องไฟแอบลองเล่นกล้องใหม่ที่เพิ่งถอยมาเป็น Canon EOS M50 ตัวเล็กพกสะดวกพร้อมติดเลนส์คิท หมุนโหมด Auto แล้วถ่ายฮั่วะ ๆๆ รัว ๆ เลยฮะ
หลีกเลี่ยงแพทเทิร์นงานแต่งงานในโรงแรมด้วยพื้นที่แบบคฤหาสน์ที่มีห้องมากมายตอบรับทุกการใช้งาน - ผ่าน
เนื่องจากความที่เป็นบ้านเป็นคฤหาสน์ที่เคยอยู่อาศัยมาก่อนจริง ๆ ที่นี่เลยมีการแบ่งห้องหับต่าง ๆ ออกมาเป็นหลาย ๆ ส่วน ทั้งโถงทางเข้า - ห้องโถงกลางชั้นล่าง - ปีกตึกด้านซ้ายด้านขวาของชั้นล่าง แถมชั้น 2 ยังมีห้องในแพลนอาคารเดียวกันอีก เท่ากับว่าที่นี่มีมุมให้บ่าวสาวเนรมิตให้เป็นสถานที่ต่าง ๆ ได้ตามใจปรารถนาครับ ว้อวววว !!
โถงทางเข้าอาคาร
ห้องโถงกลางของชั้นล่าง
โถงชั้นล่างด้านซ้ายมือของอาคาร
บันไดขึ้นชั้น 2 ซึ่งมีทั้ง 2 ด้านของอาคารครับ
โถงด้านหน้าบนชั้น 2 โอ่อ่ามาก ๆ ครับ
เพดานด้านบนของโถงหน้าบริเวณชั้น 2 มีจิตรกรรมวาดภาพรูปแบบ Stencil ลวดลายดอก Clematis … เป็นดอกไม้ที่ไม่มีในเมืองไทย ลวดลายนี้จึงเป็นศิลปกรรมของยุโรปเช่นกันครับ
โถงกลางของชั้น 2 มีการจัดเตรียมสำหรับงานแต่งงานในวันถัดไปอยู่ครับ
ห้องแต่งตัวของบ่าวสาวด้านหลังอาคารบริเวณชั้น 2 ครับ
นอกเหนือจากตัวห้องภายในอาคาร สนามโล่งด้านนอกเค้าก็อนุญาตให้บ่าวสาวใช้จัดงานได้เหมือนกันครับ ไม่ว่าจะเป็นจัดขบวนแห่ขันหมากหรือจัดเป็นโต๊ะจีนเลี้ยงอาหารก็ได้หมด ไม่มีส่วนที่เป็นเวทีตายตัว จะใช้ตรงไหนก็ได้เป็นจุดหลักของงาน เจ๋งมาก ๆ ครับ
พื้นที่โล่งด้านหลังของบ้านเลขที่ 1 ครับ
กลุ่มของอาคารด้านซ้าย บริเวณด้านนอกตัวอาคารหลังครับ ตรงนี้ยังคงรูปแบบดั้งเดิมไม่มีการบูรณะให้ใหม่ มีต้นไทรอายุร่วมร้อยปีขึ้นบนอาคารเก๋มากครับ อันนี้เป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยมของคนมางานเลยเชียว
สวนภายนอกอาคารให้ผู้จัดงานออกแบบใช้งานได้แบบฟรีสไตล์เลยครับ
สถานที่สะดวกกับแขกเหรื่อผู้มาร่วมงานใจกลางกรุงเทพฯ แถมที่จอดรถสะดวกมากมากกกกกกกก จอดได้เกือบ ๆ 200 คันครับ !!
อันนี้คือ 1 ในสิ่งที่ตัดความกังวลและตัดช้อยส์สถานที่จัดงานตามสตูดิโอกับร้านอาหารไปเลยครับ เพราะที่จอดที่นี่เยอะมาก ๆ แถมไม่ซับซ้อน เป็นลานจอดใหญ่ ๆ กว้าง ๆ ไฟสว่างส่องทั่วถึง และให้จอดเฉพาะแขกที่จะมาร่วมงานเท่านั้น เพราะฉะนั้น 200 กว่าคันคือที่จอดของงานเราทั้งหมดครับ !!
**ลืมถ่ายรูปลานจอดมา แต่อันนี้เป็นทางเข้าหลักจากลานจอดรถครับ ฮือออ**
อาหาร - ไว้วางใจได้แน่นอน
ที่บ้านเลขที่ 1 ไม่มีครัวของตัวเองครับ แต่จะมีครัวซัพพลายเออร์คือร้าน “เสน่ห์จันทน์” ความอาหารไทยระดับมิชลินสตาร์ 1 ดาวอันทรงเกียรติลือลั่น ส่งความอร่อยมาบรรณาการทางผู้ร่วมงานอยู่ … บ่าวสาวและน้องไฟจึงคิดว่าน่าจะพอถูไถทานได้แหละฮะ /ตีปากตัวเอง !!
อยากให้แขก WOW !! กับงานแต่งงานของเรา
อันนี้ขนาดพวกเราเดินเข้ามาที่บ้านเลขที่ 1 ก้าวแรกช่วงกลางวัน ยังรู้สึกตะลึงในความสวย ความโอ่อ่า ความวิจิตรของอาคารเลยครับ ด้วยรายละเอียดต่าง ๆ ที่มีแทรกอยู่ในทุกพื้นที่ของบ้าน ในจุดต่าง ๆ ของกลุ่มอาคาร บรรยากาศรุ่งเรืองแบบบ้านสไตล์วิลล่าที่ประเทศอิตาลี ที่ทวีปยุโรปแบบนี้ … เลยยิ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจว่าหลังที่เราเอาออร์กาไนเซอร์มาตกแต่งสถานที่ มีแสงสี มีบรรยากาศยามค่ำคืน งานแต่งงานต้องยิ่งสวย ยิ่งว้าวอย่างแน่นอนครับ !!
==========
แล้วเรื่องราคาเป็นยังไงน้องไฟ ???
ด้วยส่วนผสมเลอค่า อลังการ พร้อมความมีคุณค่า ความเป็นประวัติศาสตร์แล้ว … ราคาการจัดงานแต่งงานที่นี่อยู่ในระดับที่เรียกว่าไฮเอนด์อยู่ครับ แต่ก็ไม่ใช่ความไฮเอนด์ทะลุโลก ราคาที่นี่ไม่ได้แตกต่างจากโรงแรมห้าดาวชื่อดังของไทยอย่าง Mandarin Oriental หรือ Penninsula เลยครรับ ไป ๆ มา ๆ พอคิดเลขดูคร่าว ๆ แล้วสิ่งที่ได้มาดูมีคุณค่า มีมูลค่าสูงกว่าในแง่ของทั้งฟังก์ชั่นและความรู้สึกทางใจที่มีกลับคืนมายัง บ่าวสาว ครอบครับ และแขกที่จะมาร่วมงานแน่ ๆ … เพราะเท่าที่น้องไฟแอบคิด คือเรากำลังจะจัดงานแต่งงานบน 1 ในพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่มีคุณค่าของประเทศไทย ย้อนกลับไปถึงสมัยรัชกาลที่ 5 เลยเชียวครับ … เรื่องราวของวันแต่งงานนี้ น้องไฟมั่นใจเลยว่าบ่าวสาวจะต้องภูมิใจกลับความทรงจำที่มีคุณค่านี้ แล้วเล่าให้ลูก ๆ ฟังแบบที่ลูก ๆ จะต้องอยากจัดงานแต่งตามคุณพ่อคุณแม่ที่นี่อีกรอบอย่างแน่นอนฮะ
==========
ตอนนี้บ่าวสาวยังคงเซอร์เวย์ตามที่ได้นัดหมายกับสถานที่อื่น ๆ อยู่ครับ แต่ค่อนข้างมั่นใจว่าบ่าวสาวเทใจมาที่บ้านเลขที่ 1 ณ ตรอกกัปตันบุชแห่งนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว … ถ้าพี่ ๆ กำลังมองหาสถานที่จัดงานแต่งงานที่จะเติมเต็มวันพิเศษให้กลายเป็นอีก 1 ความพิเศษเหนือวันไหน ๆ ต้องลองไป “บ้านเลขที่ 1” ดูเลยครับผม … รับรองว่าจะอินแบบทีมงานคุณภาพชาวเราครั้งนี้อย่างแน่นอนฮะ !! วันนี้น้องไฟขอตัวลาไปช่วยบ่าวสาวต่อแล้ว บุยยยยยย !!