เกมเสน่หากับสวรรค์เบี่ยง
เรื่องราวของเด็กขาดความรักที่พร้อมจะขัดขวางหรือทำลายสิ่งที่ไม่ชอบ
เพียงเพื่อเรียกร้องให้ได้สิ่งที่ต้องการคือ การกลับมารักกันเหมือนเดิมของครอบครัว
บางครั้งก็ได้ทำลายคนที่ไม่เกี่ยวอะไร เพียงเพราะอคติในใจ
โดยไม่รู้ถึงว่าคนคนนั้นจะมีความรู้สึกอย่างไร กว่าจะรู้ตัวก็เกือบสายไปแล้ว
ความต่างกันของสองเรื่องนี้คือ สวรรค์เบี่ยงเล่าจากมุมของคนที่กระทำคนอื่น (คาวี)
แต่เกมเสน่หาเล่าจากมุมของคนที่ถูกกระทำ (ลัคนัย) และลงลึกไปถึงความรู้สึกในใจ
แม้มุมมองที่ต่างกัน แต่ทั้งสองตัวละครมีคือ ความโดดเดี่ยว ความอ้างว้าง
และทั้งสองคนก็ต้องการใครสักคนที่เข้าใจ และสำหรับลัคนัย

"ผมเริ่มรักคุณในวันที่คุณเกลียดผม" คำพูดของลัคนัยที่ตอบเหมือนชนกในคืนนี้

การที่ผู้ชายสักคนรักคนที่เขาเกลียดตัวเองที่สุด  
โจทย์ของละครเกมเสน่หา ความท้าทายที่ค่ายละครไทเลือกทำ
หลายคนมองละครเรื่องนี้ร้าย ๆ แรง ๆ ตามสไตล์สวรรค์เบี่ยงเพียงแต่คิดว่าคงสลับเพศ
โดยใช้เหมือนชนกเป็นตัวเดินเรื่อง แต่หลายคนอาจผิดหวังที่นางเอกไม่ได้มีเหตุผล
ให้รู้สึกอยากติดตามแล้วก็เทกันไป แต่ตัวพระเอกกลับมีอะไรมากมายในตัวละคร
เพราะเกมเสน่หา เป็นการเล่าเรื่องผ่านมุมมองของพระเอกคือ ลัคนัย
ซึ่งก็คล้ายกับเคยอ่านจากแฟนคลับนักแสดงว่าในนิยายบ่วงเสน่หา
ว่านิยายทั้งเล่มจะมีการบรรยายความรู้สึกของพระเอกที่มีต่อน่างเอก
เพียงแต่ละครเอาบทบรรยายทั้งหมดมาเปลี่ยนเป็นความรู้สีกที่ชัดเจนของพระเอกที่มีต่อนางเอก
ภาพ สี ละครจึงออกมาแบบความสว่างที่ไม่ฉูดฉาด ตามความรู้สึกของพระเอก
เกมเสน่หา จึงเป็นเกมชีวิตของลัคนัยตั้งแต่เริ่มเรื่อง

ระหว่างเกมเสน่หาของทั้งสองฝ่ายกำลังดำเนินไป
แต่จริง ๆ แล้วเป็นการเดิมพันของลัคนัยที่เสียไม่ได้
เพราะความรักที่เขามีต่อเหมือนชนก มันไม่มีคำว่าแพ้ มีแต่ทำให้เธอรักเท่านั้น

" จำได้มั้ยครับ ที่ผมเคยบอกว่า จะทำให้คุณกลืนคำพูดตัวเองจะรอวันที่คุณลืมความเกลียด
เปลี่ยนเป็นคำขอร้อง อ้อนวอน และเรียกร้องอ้อมกอดจากผม"
“มันคือกติกาของผมครับ ...ดังนั้นผมจะไม่เล่นนอกเกมเด็ดขาด
ผมจะรอจนกว่า จะลบความเกลียดจากใจคุณ จะไม่หักหาญน้ำใจคุณจนกว่าคุณจะเต็มใจเอง”

การเริ่มลงมาเล่นเกมของลัคนัยเริ่มมาตั้งแต่ต้นเรื่อง
เริ่มตั้งแต่ให้เหมือนชนกเข้ามาสนใจ มองเป็นคู่แข่งไม่ใช่แค่คนที่ไม่อยากเข้าใกล้
รู้ทั้งรู้ว่าเธอแค่เล่นเกมทำดี แต่การที่เธอทำดีมันก็น่ารักสำหรับเขาแล้ว
แต่เขาก็ไม่ปล่อยโอกาสดี ๆ นี้ทำดีเพื่อให้เธอหลงรัก แม้ว่าจะรู้ว่าเธอไม่รู้สึกหรอก
จนความดีที่เขาคิดว่าดี มันก็แค่การหลอกลวงจนในที่สุดก็ถึงจุดแตกหัก
ในวันที่เธอกำลังทำลายทุกอย่างแม้แต่ตัวเอง และถ้าปล่อยไปเขาจะไม่มีวันได้เธอคืนมา
เขาไม่สามารถปล่อยเธอไปได้จนต้องแสดงความรู้สึกจากใจว่า ไม่สามารถเสียเธอไม่ได้
รวมถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอังคารที่แล้ว
มันคือการแสดงออกของลัคนัยที่ทำทุกอย่าง และเหมือนชนกเริ่มเห็นใจเขาจริง ๆ

ฉากในลิฟต์ที่มาพร้อมการจูบจริงที่มีความยาวนานอาจทำให้หลายคนยังหลงอยู่ในลิฟต์
หลายคนอาจคิดว่าจูบครั้งนี้ต้องยาวหน่อยเพื่อเรียกเรตติ้ง
แต่จริง ๆ แล้วการแสดงออกของพระเอกในตอนนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับฉากมีอะไรกัน
แม้สถานการณ์จะต่างกัน แต่ผลที่เกิดขึ้นคนดูสามารถรับรู้ได้เหมือนกัน
วันที่อารมณ์มันอยู่ในเหนือเหตุผล สติสัมปชัญญะ แม้จะอดใจรอคอยแค่ไหน
แต่มันก็แสดงความอยาก ความทะเยอทะยานในใจของลัคนัยที่มากพอให้คนดูเห็นได้

ก็คงต้องเอาใจช่วยลัคนัยต่อไปว่าจะสามารถเอาชนะเกมเสน่หาครั้งนี้ได้ไหม
เพราะเขาและเธอกำลังจะมีบททดสอบใหม่เข้ามาทดสอบเกมนี้
แต่ตอนนี้เกมที่เขาเล่นร่วมกันในแบบชีวิตคู่จะลงเอยแบบไหน