ผู้ชายไม่ชอบผู้หญิงเก่งจริงหรือ ? หึหึหึ

ดิฉันเคยได้ยินมาบ่อย ๆ คำพูดประเภท

"เป็นผู้หญิงน่ะ อย่าไปเก่ง อย่าไปฉลาดอะไรมาก ผู้ชายจะไม่ชอบ"

หรือ

"ให้เก่ง ให้ดียังไง ถ้าไม่สวย หุ่นไม่ดีซะอย่าง ผู้ชายก็ไม่ชอบหรอก"

เงิบ

บางที ก็เป็นโจ๊กตลกร้ายประเภท

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

คำพูดหรือโจ๊กบน ๆ ที่ดิฉันได้ยินมาจนเบื่อหูนี่น่ะ เป็น cliche ที่แสนจะไม่จริงเป็นที่สุด

ใครพูดว่า ผู้ชายไม่ชอบผู้หญิงเก่งน่ะ ถือว่า ดูถูกสติปัญญาผู้ชายเป็นที่สุด
โลกนี้ ยังมีผู้ชายดี ๆ เก่ง ๆ เจ๋ง ๆ อีกเป็นจำนวนมากที่ชอบผู้หญิงเก่ง มีความภาคภูมิใจในตัวเองพอที่จะยอมรับ และมีความสามารถพอที่จะรับมือกับความ
เก่งของผู้หญิงได้

ดิฉันเขียนกระทู้ เพราะแรงบันดาลใจจากการมีอะไรมากระทบใจเสมอ

เมื่อวาน ดิฉันได้อ่านความเห็นในเฟซบุ๊คของคุณผู้ชายท่านหนึ่งในเฟซบุ๊ค ท่านแต่งงานมีภรรยาที่เก่ง และมีความสามารถ ใช้ชีวิตคู่อย่างมีความสุขยาวนานมาจนเป็นคุณตาคุณยายกันแล้ว
ท่านให้ความเห็นเรื่องนี้ไว้น่าสนใจค่ะ

ขอเล่าแบบเก็บความนะคะ เพราะจำ wording ไม่ได้เป๊ะ ๆ จะตามไป capture มาก็หาไม่เจอละ เพราะ feeds ในแต่ละวันขึ้นเยอะมาก
ท่านบอกว่า

ใครบอกผู้ชายไม่ชอบผู้หญิงเก่ง ? ยิ่งผู้หญิงเก่ง มีความสามารถรอบตัว คล่องแคล่ว กลับยิ่งทำให้ผู้ชายชื่นชอบและชื่นชมมาก แต่สิ่งสำคัญที่ผู้หญิงเก่งจะต้องมีคือ การรู้จักชื่นชมและยอมรับในตัวผู้อื่นด้วยเช่นกัน


อ่านแล้วกระแทกใจดีเหลือเกินค่ะ

เป็นข้อความสั้น ๆ ที่ตกผลึก เอา "กุญแจ" สำคัญของความสัมพันธ์มาอธิบายได้ดีมาก ๆ ทีเดียว

ปัญหาที่ดิฉันเห็นในหลาย ๆ คู่ที่ทำให้แตกหักสะบั้นกันไปแบบไม่เหลือเรื่องดี ๆ ไว้เลยอย่างหนึ่งคือ การทรนงและภาคภูมิใจในตัวเองมาก มากเสียจนไม่ถนอมน้ำใจ ไม่มองเห็นข้อดีใด ๆ ของคนที่ตนเองอยู่ด้วยหรือเลือกเป็นแฟนเลย

บางคนเก่งและสูงส่ง (หรือคิดว่าตัวเองสูงส่ง) จนมองเลยศีรษะคนอื่นไป
บางคนรู้ทัน ฉลาดเป็นกรด ฉลาดสุดโต่ง จนอาจพลาดเผลอไปโง่ และทุกข์ แต่คนเก่งจริง ก็ไม่ทุกข์นานหรอกค่ะ
พลิกเกมส์ได้เร็วเสมอ

ส่วนตัว ดิฉันไม่เคยคิดว่า ผู้หญิงที่มีคุณสมบัติดี ๆ เช่น เก่ง ประสบความสำเร็จ สวยจัด ๆ ความรู้ดี จบสูง หรือ จบจากคณะที่ได้ยาก หน้าที่การงานดี (บางคน ทำบุญมาดี ก็มีทุกอย่างในตัวคนคนเดียว แถมฐานะ ชาติตระกูลดีอีกต่างหาก) จำเป็นจะต้องอยู่คนเดียวหรือไม่มีใคร เพราะไม่มีคนกล้าจีบ หรือ อยู่กับใครไม่ได้

เพราะงั้น คุณผู้หญิงเก่งทั้งหลายที่ยังโสดและไม่มีใคร ลองฟังเรื่องเล่าสนุก ๆ ของผู้ชายที่เลือกผู้หญิงที่ "สติปัญญา และความสามารถ" เรื่องนี้ดูนะคะ

มักจะกล่าวกันว่า ขงเบ้ง กุนซือเอกแห่งสามก๊ก มีภรรยาอัปลักษณ์มาก ๆ ชื่อนางอุยซี
ตำราบางเล่ม และส่วนใหญ่มักจะ บอกว่า นางรูปชั่ว ตัวดำ
บางเล่ม บอกว่า นางมีผมสีเหลือง ผิวหยาบ (ทำให้หลายคนสงสัยว่า เมียขงเบ้งน่าจะมีเชื้อฝรั่ง)
บางเล่ม บอกว่า นางตัวดำ รูปโฉมงาม แต่ถูกอิจฉาเลยทำให้เอาไปโจษกันว่าอัปลักษณ์

แต่ที่ทุกเล่ม พูดตรงเหมือนกันหมดคือ นางเฉลียวฉลาด รอบรู้ และมีสติปัญญาล้ำเลิศชนิดที่หาตัวจับได้ยาก
กระทั่ง วิธีอ่อยของนางก็ไม่ธรรมดาแล้วล่ะค่ะ ว่ากันว่า อุยซีง่าน พ่อนางเชิญขงเบ้งมาทานข้าวที่บ้าน
ด้วยความเกรงใจ มังกรหลับรูปหล่อของเราก็ต้องไปตามมารยาท ระหว่างเดินเข้าไปในบ้าน ขงเบ้งก็ตื่นตาตื่นใจ...

สองสามวันให้หลัง ขงเบ้งมาเยี่ยมอุยสิง่านตามคำสัญญา เมื่อมาถึงเรือนบ่าวรับใช้ก็รีบเปิดประตูรั้วให้ขงเบ้งเข้าไปทันที แล้วกล่าวว่า

“นายท่านเน้นย้ำกับข้าเป็นหนักหนาว่า หากท่านขงเบ้งมาเมื่อใดให้รีบเชิญเข้ามาทันที ส่วนท่านอุยสิง่านจะรอรับท่านอยู่ในเรือนด้านในสุดขอรับ”

ขงเบ้งเดินเข้ามาข้างในเห็นประตูปิดอยู่ จึงเดินเข้าไปเคาะตามธรรมเนียม พลันประตูก็เปิดออกได้เอง ขงเบ้งประหลาดใจมาก

เมื่อเข้าไปในห้อง เขาก็ได้ยินเสียงตะกุกตะกัก สุนัขสองตัวกำลังตั้งท่าจะกระโจนใส่เขา ตัวสีดำเห่าเสียงกังวาน ตัวสีขาวแยกเขี้ยวขู่คำราม ขงเบ้งหันหลังเตรียมวิ่งหนี แต่เป็นอีกครั้งที่ประตูห้องปิดได้เอง ขังเขาไว้อยู่กับสุนัขสองตัว

ก่อนที่ขงเบ้งจะเสียที สาวใช้คนหนึ่งโผล่เข้ามา แล้วลูบหัวสุนัขทั้งสองเบา ๆ ทำให้มันหมอบลง จากนั้นสาวใช้ก็บิดหูสุนัขทั้งสอง พอเป็นสัญญาณให้สุนัขวิ่งกลับไปยังเบาะนอนของมัน ขงเบ้งคลายความตกใจ พอได้สติก็เห็นว่าแท้จริงสุนัขสองตัวนั้น เป็นสุนัขกลทำด้วยไม้ หุ้มด้วยหนัง เคลื่อนไหวด้วยกลไกในแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต เขาถามสาวใช้ว่าใครเป็นผู้คิดประดิษฐ์สุนัขกลสองตัวนี้ แต่สาวใช้ไม่ตอบ แล้วพาขงเบ้งเดินต่อไปยังเรือนอีกหลังหนึ่ง

ขงเบ้งเข้ามาถึงเรือนด้านใน ครานี้หาใช่สุนัข แต่กลายเป็นเสือโคร่งตัวเขื่องสองตัว ร้องคำราม แยกเขี้ยวใส่ ขงเบ้งมิได้ตกใจเหมือนก่อน เพราะคิดไว้แล้วว่านี่ต้องเป็นกลอุบาย เขาจึงเดินเข้าไปลูบหัวเสือโคร่ง

พอมือได้สัมผัส เสือโคร่งสองตัวก็พุ่งกระโจนเข้าใส่ขงเบ้งจนล้มลง อุ้งเล็บของมันเตรียมจะเฉือนขงเบ้งออกเป็นชิ้น ปากของมันเปิดกว้างให้เห็นเขี้ยวแหลมแวววาว แต่ก็เป็นอีกครั้งที่สาวใช้คนเดิมโผล่เข้ามาแล้วบอกว่า “ท่านมีสติปัญญาก็จริง แต่วิธีที่ใช้กับสุนัข ไม่อาจใช้ได้กับเสือ”

ว่าแล้วหล่อนกับตบก้นเสือทั้งสอง เป็นสัญญาณให้มันหมอบราบ มิต่างจากลูกแมวอิ่มนม

ขงเบ้งรู้สึกขัดเขิน เขาจึงร้องขอให้สาวใช้ช่วยนำทางเขาไปหาอุยสิง่าน ในเรือนหลังต่อไป แต่นางกลับปฏิเสธและบอกว่ามีภาระ ต้องโม่แป้งถุงใหญ่สำหรับอาหารมื้อเย็น พลางชี้ไปที่เครื่องโม่แป้ง

ขงเบ้งต้องตะลึงอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเครื่องโม่แป้งที่ว่านั้น เป็นหุ่นลาทำด้วยไม้ เดินโม่แป้งเป็นวงกลมโดยไม่มีหยุดพัก

“ท่านอุยสิง่าน ช่างสรรสร้างนัก เขาสร้างหุ่นยนต์กลไกเหล่านี้ได้อย่างไรกัน ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลย”

สาวใช้จึงบอกว่า ท่านอุยสิง่านไม่ได้ประดิษฐ์สิ่งเหล่านี้ แต่ถ้าท่านอยากรู้ว่าใครเป็นคนทำ ก็ขอให้เดินต่อเข้าไปยังเรือนด้านใน

ขงเบ้งยังคงหวาดระแวง เพราะทุกครั้งที่เดินผ่านเรือนแต่ละหลัง เขาจะต้องเผชิญกับสิ่งประดิษฐ์อันพิสดารพันลึก แต่ยังมิทันที่สาวใช้จะบอกกล่าวอะไรเพิ่มเติม ประตูเรือนหลังสุดท้ายก็เปิดออกมา

สตรีนางหนึ่งค่อย ๆ เยื้องกรายผ่านประตูออกมา ร่างของนางดูสูงโปร่ง กิริยาท่าทางสมเป็นกุลสตรี แต่ผิวกายกลับดำกร้าน ใบหน้าปรุ เปรอะไปด้วยรอยแผลเป็นจากโรคฝี

นางถามสาวใช้ด้วยเสียงอ่อนโดยว่า “ท่านผู้นี้เป็นใครกัน”

สาวใช้ยังมิทันตอบ ขงเบ้งก็ก้าวเท้าออกมาแล้วว่า

“ข้าพเจ้าชื่อเหลียง แซ่จูกัด เพื่อนสนิทมิตรสหายมักเรียกข้าว่า ขงเบ้ง ข้าเป็นชาวไร่ อาศัยอยู่บนเขา ท่านอุยสิง่านไปมาหาสู่ข้าอยู่บ่อย ๆ วันนี้ข้ามีโอกาสจึงมาเยี่ยมคำนับท่านที่เรือน”

“เช่นนั้นก็ขอเชิญท่านตามข้ามา” สตรีผู้นั้นเดินเข้าไปในเรือน

ขงเบ้งทำลังเล สาวใช้จึงบอกให้ตามเข้าไปเถิด นายหญิงของข้าปิดเครื่องยนต์กลไกทั้งหมดแล้ว ท่านไม่ต้องกลัว ขงเบ้งจึงรีบตามเข้าไป แต่ในใจก็ยังหวั่น ๆ และระแวดระวังอยู่ตลอดเวลา ในระหว่างทางที่เดินเข้าไป

ยอดหญิงนักประดิษฐ์

เมื่อเดินเข้าไปถึงห้องรับรอง หญิงสาวเชิญขงเบ้งให้นั่งรอ ความรู้สึกระวังตัวของเขาลดลงแล้ว เปลี่ยนเป็นความอยากรู้อยากเห็น ว่าสิ่งประดิษฐ์ที่เขาเจอในวันนี้ ใครเป็นผู้ประดิษฐ์คิดค้น

ในเวลาไม่นานนัก อุยสิง่านเดินเข้ามาในห้อง ขงเบ้งลุกคำนับตามธรรมเนียม แล้วทักทายอุยสิง่านทันทีว่า

“การเดินทางมาเยือนท่านในครั้งนี้มิใช่เรื่องง่ายเลย ข้าแทบเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่เลยทีเดียว”

อุยสิง่านหัวเราะชอบใจเพราะรู้ว่าขงเบ้งต้องพบเจออะไรมาบ้าง แล้วจึงเฉลยให้ขงเบ้งฟังว่า ผลงานทั้งหมดนี้เป็นของ “อุ๋ยซี” ลูกสาวของตน พร้อมกับขอโทษขอโพยขงเบ้งแทนนางเป็นการใหญ่

ขงเบ้งได้ฟังดังนั้นก็ฉุกคิดขึ้นในใจ

“จูกัดเหลียงหนอจูกัดเหลียง ท่านอุยสิง่านมั่นหมายเรากับสตรีผู้วิเศษ แต่เจ้ากลับโง่เขลา มองคนที่เพียงรูปกายภายนอก ไม่มองลึกผ่านเข้าไปด้วยสติปัญญาแลหัวใจ สตรีวิเศษเช่นนี้ แน่แล้วว่าไม่อาจหาได้อีกบนแผ่นดินจีน จูกัดเหลียงเอ๋ย ช่างเบาปัญญายิ่งนัก”

คิดได้ดังนั้น ขงเบ้งจึงรีบกล่าวตอบอุยสิง่านว่า “ข้าพเจ้าชื่นชมในสติปัญญาของแม่นางอุ๋ยซีมากนัก”

อุยสิง่านว่า “บุตรสาวของข้าอัปลักษณ์ ข้าพยายามหาคู่หมั้นคู่หมายให้นางมาตลอด แต่ก็คงหมดหวังแล้ว.....”

ยังไม่ทันที่อุยสิง่านจะกล่าวต่อ ขงเบ้งรีบชิงตัดบทแล้วกล่าวว่า

“ข้าพเจ้ามาหาท่านในวันนี้ เพื่อคำนับท่านในฐานะท่านบิดา ขอท่านโปรดรับข้าเป็นบุตรเขยของท่าน ตามที่เราได้เคยหมั้นหมายกันด้วยเถิด”



ค้ดมากจาก https://www.samkok911.com/2018/05/zhuge-liang-wife.html

ถ้าขี้เกียจอ่าน ลองฟังในยูทูบดูค่ะ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ได้ข้อสรุปแล้วนะคะ
อมยิ้ม01อมยิ้ม29
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่