ฤดูกาล 1992-1993 … แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ( อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน )เป็นการย้ายมาร่วมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ฤดูกาลแรกของ เอริค คันโตน่าผู้ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในตำนานนักเตะของ “ปีศาจแดง” ในเวลาต่อมา
ฤดูกาล 1993-1994 … แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ( อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน )เอริค คันโตน่า ยังเป็นแกนหลักพาทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก เป็นปีที่สองติดต่อกัน
ฤดูกาล 1994-1995 … แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ( เคนนี่ ดัลกลิช )อลัน เชียเรอร์ และ คริส ซัตตัน จับคู่ยิงรวมกันถึง 58 ประตูช่วยให้ทัพ “กุหลาบไฟ” คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จ
ฤดูกาล 1995-1996 … แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ( อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน )”เฟอร์กี้” ลบคำสบประมาท เมื่อพาทีม “ปีศาจแดง” ทะยานคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีกภายใต้สโลแกน “เฟอร์กี้ เบ็บส์” เพราะแกนหลักภายในทีมใช้เด็กสร้างมากมาย เช่นแกรี่ เนวิลล์, ฟิล เนวิลล์, เดวิด เบ็คแฮม, พอล สโคลส์, นิคกี้ บัตต์ และ ไรอัน กิ๊กส์ ขณะที่ เอริค คันโตน่า ก็ยังคงเป็นแกนหลักเช่นเดิม
ฤดูกาล 1996-1997 … แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ( อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน )เป็นปีแจ้งเกิดของ เดวิด เบ็คแฮม จากการยิงประตูครึ่งสนาม ในเกมเปิดฤดูกาลจากนั้นมา “หนุ่มเบ็คส์” ก็กลายเป็นนักเตะที่มีชื่อเสียงโด่งดังจนทุกวันนี้
ฤดูกาล 1997-1998 … อาร์เซน่อล ( อาร์แซน เวนเกอร์ )อาร์เซน่อล คว้าแชมป์โดยมีคะแนนเหนืออันดับสอง แมนฯ ยูไนเต็ด เพียง 1 คะแนน
ฤดูกาล 1998-1999 … แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ( อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน )แมนฯ ยูไนเต็ด ทวงแชมป์คืนจาก อาร์เซน่อล ด้วยคะแนนห่างเพียง 1 คะแนนเช่นกันสร้างประวัติศาสตร์คว้า ทริปเปิลแชมป์ ( ยูโรเปี้ยน คัพ, พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ )”เฟอร์กี้” จึงได้รับการประดับยศให้เป็น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในเวลาต่อมา
ฤดูกาล 1999-2000 … แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ( เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน )แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ด้วยการทิ้งห่างอันดับสอง(อาร์เซน่อล) ถึง 18 คะแนน
ฤดูกาล 2000-2001 … แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ( เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน )เป็นฤดูกาลที่ เท็ดดี้ เชอร์ริงแฮม ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ในวัย 35 ปีคว้านักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพของอังกฤษ(PFA)
ฤดูกาล 2001-2002 … อาร์เซนอล ( อาร์แซน เวนเกอร์ ) อาร์เซนอลสามารถทำประตูได้ในทุกนัด เป็นสถิติสูงสุดของลีก ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2001-02 อาร์เซนอลชนะติดต่อกัน 14 นัด เป็นสถิติสูงสุดของพรีเมียร์ลีก (มีอีก 3 สโมสรคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด,บริสตอล ซิตี้,เปรสตัน นอร์ธเอนด์ ที่ทำสถิติชนะติดต่อกัน 14 นัดเช่นกัน แต่ทั้งหมดนั้นเป็นสถิติในดิวิชั่น 2)
ฤดูกาล 2002-2003 … แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ( เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน )”เฟอร์กี้” ประกาศจะเลิกคุมทีมหลังจบฤดูกาล 2001-2002 แต่ตัดสินใจคุมทีมต่อและพาทีมทวงแชมป์ลีกคืนจาก อาร์เซน่อล ได้สำเร็จ ด้วยกำลังสำคัญอย่างรุด ฟาน นิสเตลรอย ที่คว้าตำแหน่งดาวซัลโว โดยยิงไปถึง 25 ประตู
ฤดูกาล 2003-2004 … อาร์เซน่อล ( อาร์แซน เวนเกอร์ )อาร์เซน่อล ผงาดคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยสร้างสถิติไม่แพ้ทีมใดเลยจนได้รับฉายาว่า “อาร์เซน่อล ผู้ไร้เทียมทาน” ( The Invincibles )
ฤดูกาล 2004-2005 … เชลซี ( โชเซ่ มูรินโญ่ )โชเซ่ มูรินโญ่ โชว์ผลงานพาทีมเชลซี คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่เข้ามาคุมทีม
ฤดูกาล 2005-2006 … เชลซี ( โชเซ่ มูรินโญ่ )โชเซ่ มูรินโญ่ ยังโชว์ความสุดยอดอีกครั้ง ด้วยการพาทีมเชลซีคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้เป็นฤดูกาลที่สองติดต่อกัน
ฤดูกาล 2006-2007 … แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ( เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน )คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โชว์ฟอร์มสุดยอด พาทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษพร้อมทั้งคว้ารางวัล นักฟุตบอลยอดเยี่ยม และนักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมจากสมาคมนักฟุตบอลอาชีพของอังกฤษ (PFA) ไปครอง
ฤดูกาล 2007-2008 … แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ( เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน )เป็นปีที่ “ปีศาจแดง” คว้าได้ทั้งแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกคริสเตียโน่ โรนัลโด้ จึงก้าวสู่การเป็นนักเตะระดับโลก คว้าดาวซัลโวลีก 31 ประตูและคว้านักเตะยอดเยี่ยมจากสมาคมนักฟุตบอลอาชีพ(PFA) เป็นปีที่สองติดต่อกัน ส่งผลให้คว้ารางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของยุโรป ไปครองอีกด้วย
ฤดูกาล 2008-2009 … แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ( เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน )เป็นฤดูกาลสุดท้ายของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก่อนย้ายไปสโมสร เรอัล มาดริดโดยเจ้าตัวเป็นรองดาวซัลโวลีก ด้วยจำนวน 18 ประตู ช่วยให้ทีม “ปีศาจแดง”ผงาดคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นปีที่สามติดต่อกัน
ฤดูกาล 2009-2010 … เชลซี ( คาร์โล อันเชล็อตติ )คาร์โล อันเชล็อตติ โชว์ผลงานพาทีมเชลซี คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่เข้ามาคุมทีม
ฤดูกาล 2010-2011 … แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ( เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน )”ปีศาจแดง” กลายเป็นทีมที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ มากที่สุดถึง 19 สมัย( ดิวิชั่น 1 เดิม = 7 สมัย, พรีเมียร์ลีก = 12 สมัย )ทำลายสถิติแชมป์ลีกสูงสุด 18 สมัย ของทีม ลิเวอร์พูล ได้สำเร็จ
ฤดูกาล 2011-2012 … แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ( โรแบร์โต้ มันชินี่ )แมนฯ ซิตี้ จบฤดูกาลด้วยการมี 89 คะแนน เท่ากับคู่ปรับร่วมเมือง แมนฯ ยูไนเต็ดจึงเป็นครั้งแรกของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ต้องวัดแชมป์ด้วยผลต่างประตู ได้-เสียซึ่ง “เรือใบสีฟ้า” คว้าแชมป์ไปด้วยประตูได้-เสีย ที่ดีกว่า “ปีศาจแดง” 8 ประตู
ฤดูกาล 2012-2013 … แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ( เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน )”ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทวงแชมป์คืนจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ทันทีโดยเป็นการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษได้เป็นสมัยที่ 20พร้อมทั้งปิดฉากการคุมทีมของท่าน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันหลังอยู่คุมทีม “ปีศาจแดง” มานานเกือบ 27 ปี ( พ.ย.1986 – พ.ค.2013 )
ฤดูกาล 2013-2014 … แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ( มานูเอล เปเยกรินี่ )มานูเอล เปเยกรินี่ พาทีม “เรือใบสีฟ้า” คว้าแชมป์ได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่คุมทีม ส่งผลให้ทีม แมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์ลีกเป็นสมัยที่ 2 ในรอบ 3 ปี
ฤดูกาล 2014-2015 … เชลซี ( โชเซ่ มูรินโญ่ )เชลซี คว้าแชมป์มาครองได้ก่อนจบฤดูกาล เพราะมีคะแนนนำห่างทีมคู่แข่ง ในขณะที่ยังเหลือการแข่งขันอีกถึง 3 นัด
ฤดูกาล 2015-2016 … เลสเตอร์ ซิตี้ ( เคลาดิโอ รานิเอรี )เลสเตอร์ คว้าแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ( ก่อตั้งเมื่อปี 1884 ) ขณะที่ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ก็ได้แชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในชีวิตการคุมทีมเช่นกัน
ฤดูกาล 2016-2017 : เชลซี ( อันโตนิโอ คอนเต้ ) เชลซี ชนะต่อ 1 ฤดูกาลได้มากที่สุดในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่จำนวน 30 เกม ทำให้ อันโตนิโอ คอนเต้ กลายเป็นอีกหนึ่งคนที่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่เข้ามาคุมทีม
ฤดูกาล2017-2018 : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (เป๊ป กวาดิโอล่า) แชมป์ครั้งแรกบนแผ่นดินอังกฤษของกุนซือสมองเพชร หลังการทำงานมาสองฤดูกาล
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้credit : cool-soccer
แฟนบอลอิงลันด์พันธุ์แท้คิดว่าแชมป์ปีไหนคือสุดยอดตำนาน
ฤดูกาล 1992-1993 … แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ( อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน )เป็นการย้ายมาร่วมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ฤดูกาลแรกของ เอริค คันโตน่าผู้ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในตำนานนักเตะของ “ปีศาจแดง” ในเวลาต่อมา
ฤดูกาล 1993-1994 … แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ( อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน )เอริค คันโตน่า ยังเป็นแกนหลักพาทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก เป็นปีที่สองติดต่อกัน
ฤดูกาล 1994-1995 … แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ( เคนนี่ ดัลกลิช )อลัน เชียเรอร์ และ คริส ซัตตัน จับคู่ยิงรวมกันถึง 58 ประตูช่วยให้ทัพ “กุหลาบไฟ” คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จ
ฤดูกาล 1995-1996 … แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ( อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน )”เฟอร์กี้” ลบคำสบประมาท เมื่อพาทีม “ปีศาจแดง” ทะยานคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีกภายใต้สโลแกน “เฟอร์กี้ เบ็บส์” เพราะแกนหลักภายในทีมใช้เด็กสร้างมากมาย เช่นแกรี่ เนวิลล์, ฟิล เนวิลล์, เดวิด เบ็คแฮม, พอล สโคลส์, นิคกี้ บัตต์ และ ไรอัน กิ๊กส์ ขณะที่ เอริค คันโตน่า ก็ยังคงเป็นแกนหลักเช่นเดิม
ฤดูกาล 1996-1997 … แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ( อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน )เป็นปีแจ้งเกิดของ เดวิด เบ็คแฮม จากการยิงประตูครึ่งสนาม ในเกมเปิดฤดูกาลจากนั้นมา “หนุ่มเบ็คส์” ก็กลายเป็นนักเตะที่มีชื่อเสียงโด่งดังจนทุกวันนี้
ฤดูกาล 1997-1998 … อาร์เซน่อล ( อาร์แซน เวนเกอร์ )อาร์เซน่อล คว้าแชมป์โดยมีคะแนนเหนืออันดับสอง แมนฯ ยูไนเต็ด เพียง 1 คะแนน
ฤดูกาล 1998-1999 … แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ( อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน )แมนฯ ยูไนเต็ด ทวงแชมป์คืนจาก อาร์เซน่อล ด้วยคะแนนห่างเพียง 1 คะแนนเช่นกันสร้างประวัติศาสตร์คว้า ทริปเปิลแชมป์ ( ยูโรเปี้ยน คัพ, พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ )”เฟอร์กี้” จึงได้รับการประดับยศให้เป็น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในเวลาต่อมา
ฤดูกาล 1999-2000 … แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ( เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน )แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ด้วยการทิ้งห่างอันดับสอง(อาร์เซน่อล) ถึง 18 คะแนน
ฤดูกาล 2000-2001 … แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ( เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน )เป็นฤดูกาลที่ เท็ดดี้ เชอร์ริงแฮม ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ในวัย 35 ปีคว้านักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพของอังกฤษ(PFA)
ฤดูกาล 2001-2002 … อาร์เซนอล ( อาร์แซน เวนเกอร์ ) อาร์เซนอลสามารถทำประตูได้ในทุกนัด เป็นสถิติสูงสุดของลีก ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2001-02 อาร์เซนอลชนะติดต่อกัน 14 นัด เป็นสถิติสูงสุดของพรีเมียร์ลีก (มีอีก 3 สโมสรคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด,บริสตอล ซิตี้,เปรสตัน นอร์ธเอนด์ ที่ทำสถิติชนะติดต่อกัน 14 นัดเช่นกัน แต่ทั้งหมดนั้นเป็นสถิติในดิวิชั่น 2)
ฤดูกาล 2002-2003 … แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ( เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน )”เฟอร์กี้” ประกาศจะเลิกคุมทีมหลังจบฤดูกาล 2001-2002 แต่ตัดสินใจคุมทีมต่อและพาทีมทวงแชมป์ลีกคืนจาก อาร์เซน่อล ได้สำเร็จ ด้วยกำลังสำคัญอย่างรุด ฟาน นิสเตลรอย ที่คว้าตำแหน่งดาวซัลโว โดยยิงไปถึง 25 ประตู
ฤดูกาล 2003-2004 … อาร์เซน่อล ( อาร์แซน เวนเกอร์ )อาร์เซน่อล ผงาดคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยสร้างสถิติไม่แพ้ทีมใดเลยจนได้รับฉายาว่า “อาร์เซน่อล ผู้ไร้เทียมทาน” ( The Invincibles )
ฤดูกาล 2004-2005 … เชลซี ( โชเซ่ มูรินโญ่ )โชเซ่ มูรินโญ่ โชว์ผลงานพาทีมเชลซี คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่เข้ามาคุมทีม
ฤดูกาล 2005-2006 … เชลซี ( โชเซ่ มูรินโญ่ )โชเซ่ มูรินโญ่ ยังโชว์ความสุดยอดอีกครั้ง ด้วยการพาทีมเชลซีคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้เป็นฤดูกาลที่สองติดต่อกัน
ฤดูกาล 2006-2007 … แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ( เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน )คริสเตียโน่ โรนัลโด้ โชว์ฟอร์มสุดยอด พาทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษพร้อมทั้งคว้ารางวัล นักฟุตบอลยอดเยี่ยม และนักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมจากสมาคมนักฟุตบอลอาชีพของอังกฤษ (PFA) ไปครอง
ฤดูกาล 2007-2008 … แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ( เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน )เป็นปีที่ “ปีศาจแดง” คว้าได้ทั้งแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกคริสเตียโน่ โรนัลโด้ จึงก้าวสู่การเป็นนักเตะระดับโลก คว้าดาวซัลโวลีก 31 ประตูและคว้านักเตะยอดเยี่ยมจากสมาคมนักฟุตบอลอาชีพ(PFA) เป็นปีที่สองติดต่อกัน ส่งผลให้คว้ารางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของยุโรป ไปครองอีกด้วย
ฤดูกาล 2008-2009 … แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ( เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน )เป็นฤดูกาลสุดท้ายของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก่อนย้ายไปสโมสร เรอัล มาดริดโดยเจ้าตัวเป็นรองดาวซัลโวลีก ด้วยจำนวน 18 ประตู ช่วยให้ทีม “ปีศาจแดง”ผงาดคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เป็นปีที่สามติดต่อกัน
ฤดูกาล 2009-2010 … เชลซี ( คาร์โล อันเชล็อตติ )คาร์โล อันเชล็อตติ โชว์ผลงานพาทีมเชลซี คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่เข้ามาคุมทีม
ฤดูกาล 2010-2011 … แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ( เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน )”ปีศาจแดง” กลายเป็นทีมที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ มากที่สุดถึง 19 สมัย( ดิวิชั่น 1 เดิม = 7 สมัย, พรีเมียร์ลีก = 12 สมัย )ทำลายสถิติแชมป์ลีกสูงสุด 18 สมัย ของทีม ลิเวอร์พูล ได้สำเร็จ
ฤดูกาล 2011-2012 … แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ( โรแบร์โต้ มันชินี่ )แมนฯ ซิตี้ จบฤดูกาลด้วยการมี 89 คะแนน เท่ากับคู่ปรับร่วมเมือง แมนฯ ยูไนเต็ดจึงเป็นครั้งแรกของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ต้องวัดแชมป์ด้วยผลต่างประตู ได้-เสียซึ่ง “เรือใบสีฟ้า” คว้าแชมป์ไปด้วยประตูได้-เสีย ที่ดีกว่า “ปีศาจแดง” 8 ประตู
ฤดูกาล 2012-2013 … แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ( เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน )”ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทวงแชมป์คืนจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ทันทีโดยเป็นการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษได้เป็นสมัยที่ 20พร้อมทั้งปิดฉากการคุมทีมของท่าน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันหลังอยู่คุมทีม “ปีศาจแดง” มานานเกือบ 27 ปี ( พ.ย.1986 – พ.ค.2013 )
ฤดูกาล 2013-2014 … แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ( มานูเอล เปเยกรินี่ )มานูเอล เปเยกรินี่ พาทีม “เรือใบสีฟ้า” คว้าแชมป์ได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่คุมทีม ส่งผลให้ทีม แมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์ลีกเป็นสมัยที่ 2 ในรอบ 3 ปี
ฤดูกาล 2014-2015 … เชลซี ( โชเซ่ มูรินโญ่ )เชลซี คว้าแชมป์มาครองได้ก่อนจบฤดูกาล เพราะมีคะแนนนำห่างทีมคู่แข่ง ในขณะที่ยังเหลือการแข่งขันอีกถึง 3 นัด
ฤดูกาล 2015-2016 … เลสเตอร์ ซิตี้ ( เคลาดิโอ รานิเอรี )เลสเตอร์ คว้าแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ( ก่อตั้งเมื่อปี 1884 ) ขณะที่ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ก็ได้แชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในชีวิตการคุมทีมเช่นกัน
ฤดูกาล 2016-2017 : เชลซี ( อันโตนิโอ คอนเต้ ) เชลซี ชนะต่อ 1 ฤดูกาลได้มากที่สุดในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่จำนวน 30 เกม ทำให้ อันโตนิโอ คอนเต้ กลายเป็นอีกหนึ่งคนที่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่เข้ามาคุมทีม
ฤดูกาล2017-2018 : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (เป๊ป กวาดิโอล่า) แชมป์ครั้งแรกบนแผ่นดินอังกฤษของกุนซือสมองเพชร หลังการทำงานมาสองฤดูกาล
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้