กลับมาอีกแล้ว หลังจากครั้งที่แล้วได้รีวิวครีมกันแดด สำหรับผู้ชายหน้ามันๆ ที่มีกิจกรรมเหงื่อตกทุกวัน แล้วนี่ก็ชอบที่จะออกไปทำกิจกรรมอะไรนู่นนี่นั่นกลางแจ้งด้วย หลังจากวันนั้นก็หายไปบำรุงผิวหน้ามานะ เพราะงานเยอะมากกกก มีไปเที่ยวมาด้วย(อีกแล้ว) ใช่ครับ ผมไป Ultra Korea มาเมื่อต้นเดือน มิถุนายน ที่ผ่านมา
แต่กลับมาจากเที่ยว น้องๆก็มีถาม ว่าทำไมถึงช่วงนี้หน้าใสขึ้น ดูมันน้อยลงด้วย เลยบอกน้องๆไปว่า ตอนนี้มีของเล่นใหม่ เดี๋ยวเราจะมาพูดถึงน้ำตบตัวใหม่ ที่ได้มาก่อนจะไปเที่ยวมา แล้วก็ใช้มาสักพักนึงละ ไหนๆก็ไหนๆละ มารีวิวยกเซ็ทเลยละกัน
อย่างที่เรารู้กัน ว่าผิวมันทำให้เกิดสิวง่าย และ เราไม่สามารถทำให้ผิวหายมันได้หมดเกลี้ยงนะ แต่เราสามารถทำให้ผิวมันน้อยลงได้ แต่เราก็รักษาสมดุลของผิวด้วย เพราะถ้าผิวแห้งมากเกินไปไม่อุ้มน้ำ มันจะทำให้ผิวเงาแบบแห้งกร้าน และทำให้ผิวแพ้ง่ายขึ้นด้วย
Solution ที่เราลองผิดลองถูกมานานแล้วปรับให้มันเข้ากับเราคือ
1. ทำความสะอาด : แน่นอนระหว่างวัน เราทุกคนต้องเจอกับมลพิษอะไรมากมาย การทำให้ผิวสะอาดเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อไม่ให้เกิดสิ่งสกปรก สะสมบนใบหน้า
2. ปกป้อง : ปกป้องผิวจากแสงแดด และ รังสี UV แต่ก็ไม่ใช่แค่ใช้ครีมกันแดดนะ ถ้าทากันแดดแล้วยืนตากแดด มันก็ไม่ช่วยอะไร
3. ฟื้นฟู : ใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มผลัดเซล์ผิว เพื่อให้เซล์ผิวเก่าหลุดออกไป เพื่อรอรับการบำรุง
4. บำรุง : ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบำรุงผิว กระตุ้นให้ผิวกระจ่างใส และ ใช้moisturizerที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
เอาล่ะ มาลงกันทีละตัวเลยละกัน
1. ทำความสะอาด ตอนนี้ใช้อยู่ตัวเดียวคือ La Roche Posay Effaclar Purifying Foaming Gel ข้อดีของตัวนี้คือมี BHA ช่วยลดสิว และ ลดความมัน และ ใช้แต่ละครั้งคือน้อยมาก ขวดเดียวใช้ทั้งปีเลย และ ตอนนี้มีของเล่นใหม่ คือสเปรย์ซับมัน Serozinc ที่มี Zinc พ่นให้หน้าสดชื่นระหว่างวัน แล้วเอากระดาษทิชชู่ซับๆ ช่วยลดความมันได้ดีทีเดียว
2. ปกป้อง : ครีมกันแดด ที่เราใช้ตอนนี้ที่ใช้จริงๆ มีอยู่ 3 ตัว คือ
- La Roche Posay Anthelios XL Dry Touch Gel-Cream SPF50+ PA++++ ตัวนี้เป็นตัวใหม่ เดิมทีใช้ตัวที่เป็น Fluid ที่เปลี่ยนมาเป็นตัวนี้เพราะเนื้อเจล มันซึมไว แห้งไวกว่า คุมมันได้ดีกว่า และ สำคัญที่สุด คือ ใช้แล้วไม่แพ้ เลยใช้ต่อ (รูปใช้รูปแทนนะ เพราะลืมไว้บ้านแม่ 555)
- Kiehl’s Ultra Light Daily UV Defense SPF 50 PA++++ ตัวนี้เอาจริงๆ ซื้อเพราะเห็นคว่า Light นี่แต่ แต่มันไม่ได้ซึมซาบเร็ว และช่วยคุมมันได้เท่าไรเลย หลังๆนี้เลยเอามาทาคอ เวลาต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง กันแดดได้ทีเดียว เราว่าเหมาะกับคนผิวแห้งมากกว่า หรือช่วงหน้าหนาว ที่ผิวแห้งๆ
- PO Care Sun Block Expert Facial For Men SPF 50+ PA++++ ตัวนี้ก็เพิ่งรู้จักกันไม่นาน แต่ก็ชอบดีนะ เนื้อ lotion เบา แห้งไว กลิ่นดี คุมมันได้น่าพอใจ และ ที่สำคัญคือ ใช้แล้วไม่แพ้ 55
3. ฟื้นฟู : อย่างที่บอกว่าตัวนี้เป็นกลุ่มผลัดเซล์ผิว เราได้รับคำปรึกษาจากคุณหมอ ก็ได้รับการอนุมัติให้ใช้ 2 ตัว เพราะมันรุนแรง และ ไม่ได้เหมาะกับผิวทุกคน
- The Ordinary AHA30% + BHA 2% Peeling Solution ได้เห็นชื่อส่วนผสมก็ขนลุกละ รุนแรงมาก คงไม่ต้องบอกเนาะว่าข้อดีของ AHA และ BHA มันดียังไง อ่ะ บอกนิดนึงละกัน ว่ามันช่วยผลัดเซล์ผิว แต่ที่เค้าใช้ๆกัน แค่ 2-3% เอง serum ตัวนี้ เค้าให้ใช้ไม่เกิน 10 นาที แล้วล้างออก ระหว่างทาแสบผิวมาก แต่ผิวจะดีขึ้นได้จริงๆ ใช้แค่สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ก็พอ
- Galderma Epiduo ด้วยความที่พื้นฐานเราเป็นผิวมัน และ หลีกหนีจากสิวอุดตันไม่ได้ Epiduo ตัวนี้เป็นยานะครับ ประกอบไปด้วย Adapalene 0.1% และ Benzoyl Peroxide 2.5% เห็นชื่อตัวยาแล้วคุ้นๆมั้ย ยาทาก่อนล้างหน้า และ Differin ที่เราคุ้นเคย ตอนนี้เค้ามารวมกันอยู่ในหลอดเดียวกันแล้ว หมอให้ทาบางๆทุกวันก่อนนอน สิวอุดตันหายไปเยอะมาก
- La Roche Posay Effaclar Duo+ ตัวนี้ใช้ตอนเช้าก่อนออกจากบ้าน เพราะมันเป็นเหมือน All-in-One ช่วยคุมความมัน รักษาสิว และ เพิ่มความชุ่มชื้น ปรับสมดุลของผิวได้ดีมาก เนื้อเบา แต่ไม่ได้ช่วยบำรุงได้ถึงใจเท่าไร เลยต้องใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มบำรุงให้ผิวกระจ่างใสขึ้น ในกลุ่มถัดไป
4. บำรุง : กลุ่มนี้เรียกว่า ลองผิดลองถูกมากเยอะมาก สุดท้ายจบที่แบบนี้ครีบ
- SK-II Facial Treatment Essence น้ำตบป้าเจี๊ยบขวัญใจทุกคน คุณค่าของ Pitera มันดีจริงๆ แต่ต้องคนที่ไม่แพ้นะ บางคนแพ้ก็คือพังไปเลยก็หลายคน ส่วนตัวเราว่าแพงไปหน่อย มักจะชอบไปสอยตอน Duty Free ลดราคา ซื้อแพคคู่ถูกกว่าอะไรงี้ก็หารกะเพื่อน ตอนนี้ก็ใช้จนหมดแล้วอาทิตย์หน้าเพื่อนจะเอาขวดใหม่มาให้ เอารูปขนาดจิ๋วที่ไว้พกพาไปต่างประเทศละกัน
- Vitamin C เข้มข้น 12.5% ไม่ขอระบุชื่อละกัน เพราะเป็นของคุณหมอที่ดูแลกันอยู่ ใช้คู่กับ SK-II และ AHA บอกเลยว่าเนี้ยลงตัวที่สุด ช่วยให้ผิวกระจ่างใสได้เยอะเลย (**ไม่ระบุชื่อ นี่คือแค่อยากให้รู้ว่าผมใช้สารอาหารแบบนี้นะครับ นอกนั้นต้องลองผิดลองถูกกันไป ว่าเหมาะกับตัวไหนนะครับ น่าจะหาได้ทั่วไปตามท้องตลาด)
- Moisturizer อันนี้ก็ขอไม่ระบุชื่อเช่นกัน เป็นของคุณหมอท่านเดียวกับ Vitamin C ข้างบน คุณสมบัติพื้นฐานธรรมดาครับ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นก่อนนอน
- สุดท้าย Essence ขวดใหม่ล่าสุด ส่วนตัวเป็นพวกบ้าน้ำตบอยู่แล้วไง ชอบที่ว่าใช้มาหลายตัวมันค่อนข้างเห็นผลไว ซึมได้เร็ว ล่าสุดมีคนแนะนำตัวนี้มา KI SE KI Essence ที่เค้าว่าคล้ายๆกันกับป้าเจี๊ยบ คุณค่าไม่ต่างกัน (เผลอๆเยอะกว่าด้วย) เพราะมีทั้ง ยีสต์ที่เป็นประโยชน์กับการบำรุงผิว ที่ชื่อ กาแลคโตมัยเชส อะไรสักอย่างเนี้ย แล้วก็มีส่วนผสมหลักเป็นสารสกัดจากดอกเดย์ลิลลี่ ที่ฮอกไกโด หลักการทำงาน และ วิธีใช้ คงไม่ต่างกับน้ำตบตัวอื่นๆ
คือที่ต้องมาพูดถึง KI SE KI ตัวนี้เนี้ย เพราะใช้มาร่วมสัปดาห์ แล้วเห็นผลที่น่าสนใจทีเดียว เค้าว่าเจ้า KI SE KI (อ่านว่า คิ เซะ กิ) ตัวนี้ ใช้สารสกัดจากธรรมชาติ และคุณค่าของแต่ละตัวไม่ธรรมดาเลย ประกอบไปด้วย
1. สารสกัดจากดอกเดย์ลิลลี่ จากฮอกไกโด ที่ญี่ปุ่น ตัวนี้คือพระเอกของ KI SE KI เลยนะ เค้าว่าเป็นสารสกัดที่เป็นประโยชน์กับคนเอเชีย ทั้งช่วยการผลัดเซล์ผิวที่ตายแล้ว ลดการอักเสบ ลดการแพ้ ผื่นแดง สบายใจได้ว่า ผิวแพ้ง่ายใช้ได้ไม่ต้องกลัวผื่นขึ้น
2. โสม ถือเป็นพระเอกอีกตัว ไม่ต้องไปแยกตบกับน้ำตบผสมโสมเจ้าดังแล้ว เค้าผสมไว้ในตัวนี้ละ โสมจะช่วยเรื่องของริ้วรอยต่างๆ รวมถึงการผลัดเซล์ผิวใหม่
3. Aloe Vera หรือ ว่านหางจระเข้ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น อุ้มน้ำได้ดีขึ้น ลดการระคายเคือง ลดการอักเสบของผิว
4. แตงกวาญี่ปุ่น ช่วยการกระชับรูขุมขน คุมความมัน ทำให้ผิวสดชื่นขึ้น
ลักษณะของเจ้า KI SE KI นี้ก็เป็นน้ำสีขาว ไม่เหนียว แตะลงมือแล้วตบๆ ลงหน้าได้เลยซึมง่ายมากก มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ใช้ได้ทั้งเช้า-เย็น เท่าที่ลองใช้ โดยหยุดตัวเดิม (เพราะใช้จนหมดแล้ว 55) มาร่วมอาทิตย์นึง เราพบว่า รูขุมขนกระชับขึ้นนะ ผิวมันน้อยลง ความกระจ่างใส ถือว่าแทนตัวเดิมได้เลย ในราคาที่ถูกกว่ากันหลายเท่า และ ที่สำคัญที่สุดสำหรับผิวแพ้ง่ายอย่างเรา คือ เราไม่แพ้แหละ
[CR] [CR] รีวิว Skin Care สำหรับผู้ชายหน้ามันๆ และ น้ำตบตัวใหม่ใฉใลไม่แพ้ตัวที่คุ้นเคย
แต่กลับมาจากเที่ยว น้องๆก็มีถาม ว่าทำไมถึงช่วงนี้หน้าใสขึ้น ดูมันน้อยลงด้วย เลยบอกน้องๆไปว่า ตอนนี้มีของเล่นใหม่ เดี๋ยวเราจะมาพูดถึงน้ำตบตัวใหม่ ที่ได้มาก่อนจะไปเที่ยวมา แล้วก็ใช้มาสักพักนึงละ ไหนๆก็ไหนๆละ มารีวิวยกเซ็ทเลยละกัน
อย่างที่เรารู้กัน ว่าผิวมันทำให้เกิดสิวง่าย และ เราไม่สามารถทำให้ผิวหายมันได้หมดเกลี้ยงนะ แต่เราสามารถทำให้ผิวมันน้อยลงได้ แต่เราก็รักษาสมดุลของผิวด้วย เพราะถ้าผิวแห้งมากเกินไปไม่อุ้มน้ำ มันจะทำให้ผิวเงาแบบแห้งกร้าน และทำให้ผิวแพ้ง่ายขึ้นด้วย
Solution ที่เราลองผิดลองถูกมานานแล้วปรับให้มันเข้ากับเราคือ
1. ทำความสะอาด : แน่นอนระหว่างวัน เราทุกคนต้องเจอกับมลพิษอะไรมากมาย การทำให้ผิวสะอาดเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อไม่ให้เกิดสิ่งสกปรก สะสมบนใบหน้า
2. ปกป้อง : ปกป้องผิวจากแสงแดด และ รังสี UV แต่ก็ไม่ใช่แค่ใช้ครีมกันแดดนะ ถ้าทากันแดดแล้วยืนตากแดด มันก็ไม่ช่วยอะไร
3. ฟื้นฟู : ใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มผลัดเซล์ผิว เพื่อให้เซล์ผิวเก่าหลุดออกไป เพื่อรอรับการบำรุง
4. บำรุง : ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยบำรุงผิว กระตุ้นให้ผิวกระจ่างใส และ ใช้moisturizerที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
เอาล่ะ มาลงกันทีละตัวเลยละกัน
1. ทำความสะอาด ตอนนี้ใช้อยู่ตัวเดียวคือ La Roche Posay Effaclar Purifying Foaming Gel ข้อดีของตัวนี้คือมี BHA ช่วยลดสิว และ ลดความมัน และ ใช้แต่ละครั้งคือน้อยมาก ขวดเดียวใช้ทั้งปีเลย และ ตอนนี้มีของเล่นใหม่ คือสเปรย์ซับมัน Serozinc ที่มี Zinc พ่นให้หน้าสดชื่นระหว่างวัน แล้วเอากระดาษทิชชู่ซับๆ ช่วยลดความมันได้ดีทีเดียว
2. ปกป้อง : ครีมกันแดด ที่เราใช้ตอนนี้ที่ใช้จริงๆ มีอยู่ 3 ตัว คือ
- La Roche Posay Anthelios XL Dry Touch Gel-Cream SPF50+ PA++++ ตัวนี้เป็นตัวใหม่ เดิมทีใช้ตัวที่เป็น Fluid ที่เปลี่ยนมาเป็นตัวนี้เพราะเนื้อเจล มันซึมไว แห้งไวกว่า คุมมันได้ดีกว่า และ สำคัญที่สุด คือ ใช้แล้วไม่แพ้ เลยใช้ต่อ (รูปใช้รูปแทนนะ เพราะลืมไว้บ้านแม่ 555)
- Kiehl’s Ultra Light Daily UV Defense SPF 50 PA++++ ตัวนี้เอาจริงๆ ซื้อเพราะเห็นคว่า Light นี่แต่ แต่มันไม่ได้ซึมซาบเร็ว และช่วยคุมมันได้เท่าไรเลย หลังๆนี้เลยเอามาทาคอ เวลาต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง กันแดดได้ทีเดียว เราว่าเหมาะกับคนผิวแห้งมากกว่า หรือช่วงหน้าหนาว ที่ผิวแห้งๆ
- PO Care Sun Block Expert Facial For Men SPF 50+ PA++++ ตัวนี้ก็เพิ่งรู้จักกันไม่นาน แต่ก็ชอบดีนะ เนื้อ lotion เบา แห้งไว กลิ่นดี คุมมันได้น่าพอใจ และ ที่สำคัญคือ ใช้แล้วไม่แพ้ 55
3. ฟื้นฟู : อย่างที่บอกว่าตัวนี้เป็นกลุ่มผลัดเซล์ผิว เราได้รับคำปรึกษาจากคุณหมอ ก็ได้รับการอนุมัติให้ใช้ 2 ตัว เพราะมันรุนแรง และ ไม่ได้เหมาะกับผิวทุกคน
- The Ordinary AHA30% + BHA 2% Peeling Solution ได้เห็นชื่อส่วนผสมก็ขนลุกละ รุนแรงมาก คงไม่ต้องบอกเนาะว่าข้อดีของ AHA และ BHA มันดียังไง อ่ะ บอกนิดนึงละกัน ว่ามันช่วยผลัดเซล์ผิว แต่ที่เค้าใช้ๆกัน แค่ 2-3% เอง serum ตัวนี้ เค้าให้ใช้ไม่เกิน 10 นาที แล้วล้างออก ระหว่างทาแสบผิวมาก แต่ผิวจะดีขึ้นได้จริงๆ ใช้แค่สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ก็พอ
- Galderma Epiduo ด้วยความที่พื้นฐานเราเป็นผิวมัน และ หลีกหนีจากสิวอุดตันไม่ได้ Epiduo ตัวนี้เป็นยานะครับ ประกอบไปด้วย Adapalene 0.1% และ Benzoyl Peroxide 2.5% เห็นชื่อตัวยาแล้วคุ้นๆมั้ย ยาทาก่อนล้างหน้า และ Differin ที่เราคุ้นเคย ตอนนี้เค้ามารวมกันอยู่ในหลอดเดียวกันแล้ว หมอให้ทาบางๆทุกวันก่อนนอน สิวอุดตันหายไปเยอะมาก
- La Roche Posay Effaclar Duo+ ตัวนี้ใช้ตอนเช้าก่อนออกจากบ้าน เพราะมันเป็นเหมือน All-in-One ช่วยคุมความมัน รักษาสิว และ เพิ่มความชุ่มชื้น ปรับสมดุลของผิวได้ดีมาก เนื้อเบา แต่ไม่ได้ช่วยบำรุงได้ถึงใจเท่าไร เลยต้องใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มบำรุงให้ผิวกระจ่างใสขึ้น ในกลุ่มถัดไป
4. บำรุง : กลุ่มนี้เรียกว่า ลองผิดลองถูกมากเยอะมาก สุดท้ายจบที่แบบนี้ครีบ
- SK-II Facial Treatment Essence น้ำตบป้าเจี๊ยบขวัญใจทุกคน คุณค่าของ Pitera มันดีจริงๆ แต่ต้องคนที่ไม่แพ้นะ บางคนแพ้ก็คือพังไปเลยก็หลายคน ส่วนตัวเราว่าแพงไปหน่อย มักจะชอบไปสอยตอน Duty Free ลดราคา ซื้อแพคคู่ถูกกว่าอะไรงี้ก็หารกะเพื่อน ตอนนี้ก็ใช้จนหมดแล้วอาทิตย์หน้าเพื่อนจะเอาขวดใหม่มาให้ เอารูปขนาดจิ๋วที่ไว้พกพาไปต่างประเทศละกัน
- Vitamin C เข้มข้น 12.5% ไม่ขอระบุชื่อละกัน เพราะเป็นของคุณหมอที่ดูแลกันอยู่ ใช้คู่กับ SK-II และ AHA บอกเลยว่าเนี้ยลงตัวที่สุด ช่วยให้ผิวกระจ่างใสได้เยอะเลย (**ไม่ระบุชื่อ นี่คือแค่อยากให้รู้ว่าผมใช้สารอาหารแบบนี้นะครับ นอกนั้นต้องลองผิดลองถูกกันไป ว่าเหมาะกับตัวไหนนะครับ น่าจะหาได้ทั่วไปตามท้องตลาด)
- Moisturizer อันนี้ก็ขอไม่ระบุชื่อเช่นกัน เป็นของคุณหมอท่านเดียวกับ Vitamin C ข้างบน คุณสมบัติพื้นฐานธรรมดาครับ ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นก่อนนอน
- สุดท้าย Essence ขวดใหม่ล่าสุด ส่วนตัวเป็นพวกบ้าน้ำตบอยู่แล้วไง ชอบที่ว่าใช้มาหลายตัวมันค่อนข้างเห็นผลไว ซึมได้เร็ว ล่าสุดมีคนแนะนำตัวนี้มา KI SE KI Essence ที่เค้าว่าคล้ายๆกันกับป้าเจี๊ยบ คุณค่าไม่ต่างกัน (เผลอๆเยอะกว่าด้วย) เพราะมีทั้ง ยีสต์ที่เป็นประโยชน์กับการบำรุงผิว ที่ชื่อ กาแลคโตมัยเชส อะไรสักอย่างเนี้ย แล้วก็มีส่วนผสมหลักเป็นสารสกัดจากดอกเดย์ลิลลี่ ที่ฮอกไกโด หลักการทำงาน และ วิธีใช้ คงไม่ต่างกับน้ำตบตัวอื่นๆ
คือที่ต้องมาพูดถึง KI SE KI ตัวนี้เนี้ย เพราะใช้มาร่วมสัปดาห์ แล้วเห็นผลที่น่าสนใจทีเดียว เค้าว่าเจ้า KI SE KI (อ่านว่า คิ เซะ กิ) ตัวนี้ ใช้สารสกัดจากธรรมชาติ และคุณค่าของแต่ละตัวไม่ธรรมดาเลย ประกอบไปด้วย
1. สารสกัดจากดอกเดย์ลิลลี่ จากฮอกไกโด ที่ญี่ปุ่น ตัวนี้คือพระเอกของ KI SE KI เลยนะ เค้าว่าเป็นสารสกัดที่เป็นประโยชน์กับคนเอเชีย ทั้งช่วยการผลัดเซล์ผิวที่ตายแล้ว ลดการอักเสบ ลดการแพ้ ผื่นแดง สบายใจได้ว่า ผิวแพ้ง่ายใช้ได้ไม่ต้องกลัวผื่นขึ้น
2. โสม ถือเป็นพระเอกอีกตัว ไม่ต้องไปแยกตบกับน้ำตบผสมโสมเจ้าดังแล้ว เค้าผสมไว้ในตัวนี้ละ โสมจะช่วยเรื่องของริ้วรอยต่างๆ รวมถึงการผลัดเซล์ผิวใหม่
3. Aloe Vera หรือ ว่านหางจระเข้ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น อุ้มน้ำได้ดีขึ้น ลดการระคายเคือง ลดการอักเสบของผิว
4. แตงกวาญี่ปุ่น ช่วยการกระชับรูขุมขน คุมความมัน ทำให้ผิวสดชื่นขึ้น
ลักษณะของเจ้า KI SE KI นี้ก็เป็นน้ำสีขาว ไม่เหนียว แตะลงมือแล้วตบๆ ลงหน้าได้เลยซึมง่ายมากก มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ใช้ได้ทั้งเช้า-เย็น เท่าที่ลองใช้ โดยหยุดตัวเดิม (เพราะใช้จนหมดแล้ว 55) มาร่วมอาทิตย์นึง เราพบว่า รูขุมขนกระชับขึ้นนะ ผิวมันน้อยลง ความกระจ่างใส ถือว่าแทนตัวเดิมได้เลย ในราคาที่ถูกกว่ากันหลายเท่า และ ที่สำคัญที่สุดสำหรับผิวแพ้ง่ายอย่างเรา คือ เราไม่แพ้แหละ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้