ตวามมืด..........1

กระทู้สนทนา
บอกตรงๆ นะ
คุณ ไม่ควรจะอ่าน เรื่องนี้

ปิดกระทู้...จากไป .....แล้วทำอะไร ก็ได้.....ที่คุณไม่ต้องเสียเวลา กับเรื่อง ที่ไม่เป็นเรื่อง  ผมพยายามบอกคุณแล้วนะ....ใฃ่...ผมรู้ว่าคุณไม่เชื่อ.....แล้วสิ่งที่คุณจะรับรู้ต่อไปนี้....มันเกินกว่าคุณจะจินตนาการ

ทำไม คุณไม่เชื่อผม  ทำไมไม่เชื่อกันเลย  ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นรกเถอะ....คุณเปลี่ยนใจได้ไหม...
ปิดกระทู้นี้ซะ  อย่าอ่านต่อ

เราเตือนคุณแล้ว


เอา ล่ะ
คุณดื้อ..................
ผมจะไม่รับผิดชอบ กับสิ่งที่คุณจะได้อ่านต่อไปนี้
คุณสายเกินไปแล้ว.......สายเกินไปแล้ว






        
             กล่องสี่เหลี่ยมที่เรียกว่า “ห้องทำงาน” ยังคงกักขังจิตแพทย์วัยกลางคนด้วยลูกกรงแห่งรายงานและเอกสารซึ่งวางเกะกะบนโต๊ะอย่างไม่ค่อยเป็นระบบระเบียบ โครงการแจกสมุดปากกาให้คนไข้ทางจิตเขียนบันทึกได้รับการตอบสนองพอสมควร บรรดาคนไข้ให้ความร่วมมือด้วยดี หลายอ่านแล้วรู้สึกถึงความยุ่งเหยิงสับสนเหมือนหมอกควัน แต่ก็มีบางเล่มน่าสนใจกว่าที่คาดเอาไว้
      
             หน้าต่างสี่เหลี่ยมใหญ่เหมือนฝังตัวเองจนดำมืดข้างผนัง บางครั้งลมพัดเข้ามาบางเบาหรือมีแสงวูบวาบจากยานพาหนะปรากฏให้เห็น ทำให้ไม่รู้สึกอ้างอ้างเงียบเหงาจนเกินไปนัก สมุดบันทึกคนไข้เล่มสุดท้ายของวันนี้อยู่ในมือแล้ว
            
             
            หมอเริ่มเปิดอ่าน

      
            ผมจับความมืดได้

        
             นั่นปะไร...บรรทัดแรกก็ทำให้คุณหมอแทบหลุดเสียงหัวเราะออกมา แต่ก็ยังคงก้มหน้าอ่านต่อไป
       
           ผมรู้ว่าคุณหมออาจจะกำลังหัวเราะเยาะผมอยู่ อาจกำลังคิดจะวางบันทึกของผมลงด้วยซ้ำ และอาจจะหาว่าผมบ้าเต็มสูบได้ที่  ไม่สิ.. ไม่ใช่อาจจะ..ต้องหาว่าผมบ้าแน่นอน  ทุกคนที่เข้ามาอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้ต่างถูกปั๊มตราให้เรียบร้อยแล้วว่าบ้าเต็มตำแหน่ง และผมก็ยินดีบ้ากับมันแต่ไม่เป็นไร มาพูดเรื่องของผมต่อดีกว่า
       
            ผมบอกว่าผมจับความมืดได้ บ้าดีไหม
            
           ความมืดมันมีชีวิต มันกลืนกินใครต่อใครเข้าไปมากมาย สะสมความรู้ต่าง ๆ ที่ได้รับจากความทรงจำของเหยื่อ มันอาศัยอยู่ในจักรวาลของเราอย่างชาญฉลาด วางตัวเองให้อยู่ในสภาพเหมือนไร้แสง ไม่มีมวล ไม่มีพลังงาน แต่ความจริงนั่นเป็นเพียงกับดักของมันในการล่อลวงพวกมนุษย์ให้เข้าใจผิดด้วยจุดประสงค์บางอย่าง ผมกำลังพยายามทำความเข้าใจมันอยู่ พวกมันเป็นสิ่งอมตะสูงสุดแห่งเอกภพ ยึดครองอาณาเขตแทบทั้งหมดของจักรวาลอันกว้างใหญ่พวกมันซ่อนอยู่ใต้โต๊ะ ใต้เตียง แม้ในยามมีแสงสว่างกลางวัน พวกมันยังสามารถแอบตามมุมอับมากมาย คอยจ้องมองพวกเราอย่างเยาะเย้ย
       
            ทำไมผมจับมันได้…?
      
             อาจเป็นเพราะว่าผมรู้เท่าทันพวกมันไปหลายส่วนแล้ว พอรู้ทันมากเท่าไรผมก็ยิ่งสามารถฉกฉวยพลังอำนาจลึกลับของมันมากขึ้นเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันมันก็ดึงเอาตัวตนของผมเป็นการแลกเปลี่ยนเช่นกัน
    
           คุณหมอไม่สงสัยหรือครับว่า ทำไมผมจึงรู้ทันพวกมัน คงเป็นเพราะว่า ความบ้า กลายเป็นสื่อกลางทำให้ผมเข้าถึงความมืดได้มากกว่าใคร ก็อย่างที่รู้กันว่า คนบ้ามักสามารถทำอะไรที่คนธรรมดาทำไม่ได้ใช่ไหมครับคุณหมอ แม้แต่การสร้างเครื่องดักจับความมืดผมก็รู้วิธีการสร้าง  ถ้าอยากรู้รายละเอียดผมจะเขียนให้ดูก็ได้ เมื่อผมรู้เท่าทันมันทั้งหมดผมคงจะกลายเป็นพวกมันไปแล้วอย่างสมบูรณ์ หมอว่าน่ากลัวไหมล่ะ.?  ตัวผมเองกลับรู้สึกไม่มีอะไรน่ากลัวเลยสักนิด บางทีมันอาจเป็นฝ่ายเจาะจงเลือกผมให้ทำแบบนี้ก็เป็นได้ใครจะไปรู้
      
            ทำไมผมต้องมาบอกหมอด้วยนะ บางทีอาจเป็นเพราะสัญชาตญาณของความเป็นมนุษย์ซึ่งหลงเหลืออยู่ก็เป็นไปได้                
         
             อ่านมาถึงตรงนี้คุณหมอวางบันทึกลง เพราะข้อความต่อไปยิ่งดูบ้าบอวิปริตผิดเพี้ยนเกินกว่าจะทนอ่านข้อความของคนบ้าผู้กำลังพล่ามถึงการสร้างเครื่องจักรเครื่องยนต์กลไกอะไร โดยมีสมการประหลาดอธิบายเต็มไปหมด  แน่นอนว่าคนปกติหรืออัจฉริยะขนาดไหนก็ไม่มีทางแม้แต่จะคิดหรือเขียนสมการแบบนี้ออกมาได้แน่นอน บ้าเข้าขั้นดีจริงๆ  คุณหมอคิดในใจ
         
            ถ้าเป็นเรื่องจริงทำไมความมืดไม่ลงมือกลืนกินมนุษยชาติเสียทีเดียวให้หมดสิ้นไปเลย ไม่ใช่เรื่องยากถ้ามันจะมีพลังอำนาจพิเศษ คุณหมอเหลือบมองนาฬิกา เวลาเกือบสองทุ่ม ท้องเริ่มส่งสัญญาณเตือนให้จัดการเรื่องอาหารการกิน แต่ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้ อ่านให้จบก่อนดีกว่า หมอกวาดสายตาผ่านสมการ และภาพวาดโครงสร้างเครื่องจักรกลแปลกหลุดโลก เปิดไปทีละหน้าอย่างไม่สนใจ  จนถึงช่วงสุดท้ายของบันทึก
      
            ผมรู้ว่าคุณหมอไม่มีทางเชื่อ ผมจึงเตรียมตัวอย่างมาให้คุณหมอดูแล้ว ผมแอบเอามาวางอยู่ใต้โต๊ะ ลองก้มลงมองหาถุงใหญ่สีดำ ความมืดมันอยู่ในถุง
      
            ข้อความในสมุดบันทึกขาดหายไป เหมือนเจ้าของผู้เขียนหายไปโดยกะทันหัน เอ.. ! ทำไมหมอถึงเกิดความรู้สึกแบบนี้นะ ทำไมต้องคิดว่าหายไปเฉย ๆ ไม่คิดว่าอาจจะลุกหนีไปจากโต๊ะไม่ยอมเขียนต่อ จิตแพทย์รู้สึกเย็นวูบไปทั่วไขสันหลังอย่างไม่มีสาเหตุ
        
           ก้มมองใต้โต๊ะ ไม่เห็นมีถุงอะไร เออ......! . เราก็พลอยบ้าบอคอแตกไปด้วย
      
          คุณหมอนั่งนิ่งครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจยกหูโทรศัพท์ต่อไปยังเจ้าหน้าที่ภายในตึกคนไข้ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่มากนัก
       
           “นำตัวคนไข้ห้อง..........ไปหาผมที”
      
            บอกหมายเลขห้องของคนไข้ผู้น่าสงสัย เสียงเจ้าหน้าที่ตอบรับเรียบร้อยจึงวางหูโทรศัพท์ลง เอนกายพิงพนักเก้าอี้เหมือนอยากผ่อนคลาย แต่เท้าไปเตะถูกอะไรบางอย่าง จึงก้มลงไปมอง
        
            ถุงสีดำมัดปากด้วยเชือกแน่นหนา วางอยู่ใต้โต๊ะแต่มันอยู่ในตำแหน่งมิดชิดเกินกว่าธรรมดา เหมือนกับว่าถุงพลาสติกสีดำขยับตัวหนีเข้าไปเองจากจุดควรจะอยู่ในตอนแรก คุณหมอขนลุกซู่อย่างไม่มีสาเหตุและรู้สึกโมโหตัวเองกับอาการเริ่มต้นประสาทเสีย รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังโดนเชื้อบ้าเล่นงาน เขาลังเลใจในการ ก้มลงมองถุงประหลาดอยู่นาน คิดว่าบางทีคนไข้บ้าๆบางคนอาจจะล้อเขาเล่นตามประสาบ้า  แต่ในที่สุดกลั้นใจลองจับถุงปริศนายกขึ้นมา
      
         มันเบาหวิวเหมือนไม่มีอะไรบรรจุอยู่ภายใน จึงวางลงบนโต๊ะ
         
          จะเปิดดูดีไหมนะ?
      


..............................
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่