บอกตรงๆ นะ
คุณ ไม่ควรจะอ่าน เรื่องนี้
ปิดกระทู้...จากไป .....แล้วทำอะไร ก็ได้.....ที่คุณไม่ต้องเสียเวลา กับเรื่อง ที่ไม่เป็นเรื่อง ผมพยายามบอกคุณแล้วนะ....ใฃ่...ผมรู้ว่าคุณไม่เชื่อ.....แล้วสิ่งที่คุณจะรับรู้ต่อไปนี้....มันเกินกว่าคุณจะจินตนาการ
ทำไม คุณไม่เชื่อผม ทำไมไม่เชื่อกันเลย ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นรกเถอะ....คุณเปลี่ยนใจได้ไหม...
ปิดกระทู้นี้ซะ อย่าอ่านต่อ
เราเตือนคุณแล้ว
เอา ล่ะ
คุณดื้อ..................
ผมจะไม่รับผิดชอบ กับสิ่งที่คุณจะได้อ่านต่อไปนี้
คุณสายเกินไปแล้ว.......สายเกินไปแล้ว
กล่องสี่เหลี่ยมที่เรียกว่า “ห้องทำงาน” ยังคงกักขังจิตแพทย์วัยกลางคนด้วยลูกกรงแห่งรายงานและเอกสารซึ่งวางเกะกะบนโต๊ะอย่างไม่ค่อยเป็นระบบระเบียบ โครงการแจกสมุดปากกาให้คนไข้ทางจิตเขียนบันทึกได้รับการตอบสนองพอสมควร บรรดาคนไข้ให้ความร่วมมือด้วยดี หลายอ่านแล้วรู้สึกถึงความยุ่งเหยิงสับสนเหมือนหมอกควัน แต่ก็มีบางเล่มน่าสนใจกว่าที่คาดเอาไว้
หน้าต่างสี่เหลี่ยมใหญ่เหมือนฝังตัวเองจนดำมืดข้างผนัง บางครั้งลมพัดเข้ามาบางเบาหรือมีแสงวูบวาบจากยานพาหนะปรากฏให้เห็น ทำให้ไม่รู้สึกอ้างอ้างเงียบเหงาจนเกินไปนัก สมุดบันทึกคนไข้เล่มสุดท้ายของวันนี้อยู่ในมือแล้ว
หมอเริ่มเปิดอ่าน
ผมจับความมืดได้
นั่นปะไร...บรรทัดแรกก็ทำให้คุณหมอแทบหลุดเสียงหัวเราะออกมา แต่ก็ยังคงก้มหน้าอ่านต่อไป
ผมรู้ว่าคุณหมออาจจะกำลังหัวเราะเยาะผมอยู่ อาจกำลังคิดจะวางบันทึกของผมลงด้วยซ้ำ และอาจจะหาว่าผมบ้าเต็มสูบได้ที่ ไม่สิ.. ไม่ใช่อาจจะ..ต้องหาว่าผมบ้าแน่นอน ทุกคนที่เข้ามาอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้ต่างถูกปั๊มตราให้เรียบร้อยแล้วว่าบ้าเต็มตำแหน่ง และผมก็ยินดีบ้ากับมันแต่ไม่เป็นไร มาพูดเรื่องของผมต่อดีกว่า
ผมบอกว่าผมจับความมืดได้ บ้าดีไหม
ความมืดมันมีชีวิต มันกลืนกินใครต่อใครเข้าไปมากมาย สะสมความรู้ต่าง ๆ ที่ได้รับจากความทรงจำของเหยื่อ มันอาศัยอยู่ในจักรวาลของเราอย่างชาญฉลาด วางตัวเองให้อยู่ในสภาพเหมือนไร้แสง ไม่มีมวล ไม่มีพลังงาน แต่ความจริงนั่นเป็นเพียงกับดักของมันในการล่อลวงพวกมนุษย์ให้เข้าใจผิดด้วยจุดประสงค์บางอย่าง ผมกำลังพยายามทำความเข้าใจมันอยู่ พวกมันเป็นสิ่งอมตะสูงสุดแห่งเอกภพ ยึดครองอาณาเขตแทบทั้งหมดของจักรวาลอันกว้างใหญ่พวกมันซ่อนอยู่ใต้โต๊ะ ใต้เตียง แม้ในยามมีแสงสว่างกลางวัน พวกมันยังสามารถแอบตามมุมอับมากมาย คอยจ้องมองพวกเราอย่างเยาะเย้ย
ทำไมผมจับมันได้…?
อาจเป็นเพราะว่าผมรู้เท่าทันพวกมันไปหลายส่วนแล้ว พอรู้ทันมากเท่าไรผมก็ยิ่งสามารถฉกฉวยพลังอำนาจลึกลับของมันมากขึ้นเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันมันก็ดึงเอาตัวตนของผมเป็นการแลกเปลี่ยนเช่นกัน
คุณหมอไม่สงสัยหรือครับว่า ทำไมผมจึงรู้ทันพวกมัน คงเป็นเพราะว่า ความบ้า กลายเป็นสื่อกลางทำให้ผมเข้าถึงความมืดได้มากกว่าใคร ก็อย่างที่รู้กันว่า คนบ้ามักสามารถทำอะไรที่คนธรรมดาทำไม่ได้ใช่ไหมครับคุณหมอ แม้แต่การสร้างเครื่องดักจับความมืดผมก็รู้วิธีการสร้าง ถ้าอยากรู้รายละเอียดผมจะเขียนให้ดูก็ได้ เมื่อผมรู้เท่าทันมันทั้งหมดผมคงจะกลายเป็นพวกมันไปแล้วอย่างสมบูรณ์ หมอว่าน่ากลัวไหมล่ะ.? ตัวผมเองกลับรู้สึกไม่มีอะไรน่ากลัวเลยสักนิด บางทีมันอาจเป็นฝ่ายเจาะจงเลือกผมให้ทำแบบนี้ก็เป็นได้ใครจะไปรู้
ทำไมผมต้องมาบอกหมอด้วยนะ บางทีอาจเป็นเพราะสัญชาตญาณของความเป็นมนุษย์ซึ่งหลงเหลืออยู่ก็เป็นไปได้
อ่านมาถึงตรงนี้คุณหมอวางบันทึกลง เพราะข้อความต่อไปยิ่งดูบ้าบอวิปริตผิดเพี้ยนเกินกว่าจะทนอ่านข้อความของคนบ้าผู้กำลังพล่ามถึงการสร้างเครื่องจักรเครื่องยนต์กลไกอะไร โดยมีสมการประหลาดอธิบายเต็มไปหมด แน่นอนว่าคนปกติหรืออัจฉริยะขนาดไหนก็ไม่มีทางแม้แต่จะคิดหรือเขียนสมการแบบนี้ออกมาได้แน่นอน บ้าเข้าขั้นดีจริงๆ คุณหมอคิดในใจ
ถ้าเป็นเรื่องจริงทำไมความมืดไม่ลงมือกลืนกินมนุษยชาติเสียทีเดียวให้หมดสิ้นไปเลย ไม่ใช่เรื่องยากถ้ามันจะมีพลังอำนาจพิเศษ คุณหมอเหลือบมองนาฬิกา เวลาเกือบสองทุ่ม ท้องเริ่มส่งสัญญาณเตือนให้จัดการเรื่องอาหารการกิน แต่ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้ อ่านให้จบก่อนดีกว่า หมอกวาดสายตาผ่านสมการ และภาพวาดโครงสร้างเครื่องจักรกลแปลกหลุดโลก เปิดไปทีละหน้าอย่างไม่สนใจ จนถึงช่วงสุดท้ายของบันทึก
ผมรู้ว่าคุณหมอไม่มีทางเชื่อ ผมจึงเตรียมตัวอย่างมาให้คุณหมอดูแล้ว ผมแอบเอามาวางอยู่ใต้โต๊ะ ลองก้มลงมองหาถุงใหญ่สีดำ ความมืดมันอยู่ในถุง
ข้อความในสมุดบันทึกขาดหายไป เหมือนเจ้าของผู้เขียนหายไปโดยกะทันหัน เอ.. ! ทำไมหมอถึงเกิดความรู้สึกแบบนี้นะ ทำไมต้องคิดว่าหายไปเฉย ๆ ไม่คิดว่าอาจจะลุกหนีไปจากโต๊ะไม่ยอมเขียนต่อ จิตแพทย์รู้สึกเย็นวูบไปทั่วไขสันหลังอย่างไม่มีสาเหตุ
ก้มมองใต้โต๊ะ ไม่เห็นมีถุงอะไร เออ......! . เราก็พลอยบ้าบอคอแตกไปด้วย
คุณหมอนั่งนิ่งครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจยกหูโทรศัพท์ต่อไปยังเจ้าหน้าที่ภายในตึกคนไข้ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่มากนัก
“นำตัวคนไข้ห้อง..........ไปหาผมที”
บอกหมายเลขห้องของคนไข้ผู้น่าสงสัย เสียงเจ้าหน้าที่ตอบรับเรียบร้อยจึงวางหูโทรศัพท์ลง เอนกายพิงพนักเก้าอี้เหมือนอยากผ่อนคลาย แต่เท้าไปเตะถูกอะไรบางอย่าง จึงก้มลงไปมอง
ถุงสีดำมัดปากด้วยเชือกแน่นหนา วางอยู่ใต้โต๊ะแต่มันอยู่ในตำแหน่งมิดชิดเกินกว่าธรรมดา เหมือนกับว่าถุงพลาสติกสีดำขยับตัวหนีเข้าไปเองจากจุดควรจะอยู่ในตอนแรก คุณหมอขนลุกซู่อย่างไม่มีสาเหตุและรู้สึกโมโหตัวเองกับอาการเริ่มต้นประสาทเสีย รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังโดนเชื้อบ้าเล่นงาน เขาลังเลใจในการ ก้มลงมองถุงประหลาดอยู่นาน คิดว่าบางทีคนไข้บ้าๆบางคนอาจจะล้อเขาเล่นตามประสาบ้า แต่ในที่สุดกลั้นใจลองจับถุงปริศนายกขึ้นมา
มันเบาหวิวเหมือนไม่มีอะไรบรรจุอยู่ภายใน จึงวางลงบนโต๊ะ
จะเปิดดูดีไหมนะ?
..............................
ตวามมืด..........1
คุณ ไม่ควรจะอ่าน เรื่องนี้
ปิดกระทู้...จากไป .....แล้วทำอะไร ก็ได้.....ที่คุณไม่ต้องเสียเวลา กับเรื่อง ที่ไม่เป็นเรื่อง ผมพยายามบอกคุณแล้วนะ....ใฃ่...ผมรู้ว่าคุณไม่เชื่อ.....แล้วสิ่งที่คุณจะรับรู้ต่อไปนี้....มันเกินกว่าคุณจะจินตนาการ
ทำไม คุณไม่เชื่อผม ทำไมไม่เชื่อกันเลย ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นรกเถอะ....คุณเปลี่ยนใจได้ไหม...
ปิดกระทู้นี้ซะ อย่าอ่านต่อ
เราเตือนคุณแล้ว
เอา ล่ะ
คุณดื้อ..................
ผมจะไม่รับผิดชอบ กับสิ่งที่คุณจะได้อ่านต่อไปนี้
คุณสายเกินไปแล้ว.......สายเกินไปแล้ว
กล่องสี่เหลี่ยมที่เรียกว่า “ห้องทำงาน” ยังคงกักขังจิตแพทย์วัยกลางคนด้วยลูกกรงแห่งรายงานและเอกสารซึ่งวางเกะกะบนโต๊ะอย่างไม่ค่อยเป็นระบบระเบียบ โครงการแจกสมุดปากกาให้คนไข้ทางจิตเขียนบันทึกได้รับการตอบสนองพอสมควร บรรดาคนไข้ให้ความร่วมมือด้วยดี หลายอ่านแล้วรู้สึกถึงความยุ่งเหยิงสับสนเหมือนหมอกควัน แต่ก็มีบางเล่มน่าสนใจกว่าที่คาดเอาไว้
หน้าต่างสี่เหลี่ยมใหญ่เหมือนฝังตัวเองจนดำมืดข้างผนัง บางครั้งลมพัดเข้ามาบางเบาหรือมีแสงวูบวาบจากยานพาหนะปรากฏให้เห็น ทำให้ไม่รู้สึกอ้างอ้างเงียบเหงาจนเกินไปนัก สมุดบันทึกคนไข้เล่มสุดท้ายของวันนี้อยู่ในมือแล้ว
หมอเริ่มเปิดอ่าน
ผมจับความมืดได้
นั่นปะไร...บรรทัดแรกก็ทำให้คุณหมอแทบหลุดเสียงหัวเราะออกมา แต่ก็ยังคงก้มหน้าอ่านต่อไป
ผมรู้ว่าคุณหมออาจจะกำลังหัวเราะเยาะผมอยู่ อาจกำลังคิดจะวางบันทึกของผมลงด้วยซ้ำ และอาจจะหาว่าผมบ้าเต็มสูบได้ที่ ไม่สิ.. ไม่ใช่อาจจะ..ต้องหาว่าผมบ้าแน่นอน ทุกคนที่เข้ามาอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้ต่างถูกปั๊มตราให้เรียบร้อยแล้วว่าบ้าเต็มตำแหน่ง และผมก็ยินดีบ้ากับมันแต่ไม่เป็นไร มาพูดเรื่องของผมต่อดีกว่า
ผมบอกว่าผมจับความมืดได้ บ้าดีไหม
ความมืดมันมีชีวิต มันกลืนกินใครต่อใครเข้าไปมากมาย สะสมความรู้ต่าง ๆ ที่ได้รับจากความทรงจำของเหยื่อ มันอาศัยอยู่ในจักรวาลของเราอย่างชาญฉลาด วางตัวเองให้อยู่ในสภาพเหมือนไร้แสง ไม่มีมวล ไม่มีพลังงาน แต่ความจริงนั่นเป็นเพียงกับดักของมันในการล่อลวงพวกมนุษย์ให้เข้าใจผิดด้วยจุดประสงค์บางอย่าง ผมกำลังพยายามทำความเข้าใจมันอยู่ พวกมันเป็นสิ่งอมตะสูงสุดแห่งเอกภพ ยึดครองอาณาเขตแทบทั้งหมดของจักรวาลอันกว้างใหญ่พวกมันซ่อนอยู่ใต้โต๊ะ ใต้เตียง แม้ในยามมีแสงสว่างกลางวัน พวกมันยังสามารถแอบตามมุมอับมากมาย คอยจ้องมองพวกเราอย่างเยาะเย้ย
ทำไมผมจับมันได้…?
อาจเป็นเพราะว่าผมรู้เท่าทันพวกมันไปหลายส่วนแล้ว พอรู้ทันมากเท่าไรผมก็ยิ่งสามารถฉกฉวยพลังอำนาจลึกลับของมันมากขึ้นเท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันมันก็ดึงเอาตัวตนของผมเป็นการแลกเปลี่ยนเช่นกัน
คุณหมอไม่สงสัยหรือครับว่า ทำไมผมจึงรู้ทันพวกมัน คงเป็นเพราะว่า ความบ้า กลายเป็นสื่อกลางทำให้ผมเข้าถึงความมืดได้มากกว่าใคร ก็อย่างที่รู้กันว่า คนบ้ามักสามารถทำอะไรที่คนธรรมดาทำไม่ได้ใช่ไหมครับคุณหมอ แม้แต่การสร้างเครื่องดักจับความมืดผมก็รู้วิธีการสร้าง ถ้าอยากรู้รายละเอียดผมจะเขียนให้ดูก็ได้ เมื่อผมรู้เท่าทันมันทั้งหมดผมคงจะกลายเป็นพวกมันไปแล้วอย่างสมบูรณ์ หมอว่าน่ากลัวไหมล่ะ.? ตัวผมเองกลับรู้สึกไม่มีอะไรน่ากลัวเลยสักนิด บางทีมันอาจเป็นฝ่ายเจาะจงเลือกผมให้ทำแบบนี้ก็เป็นได้ใครจะไปรู้
ทำไมผมต้องมาบอกหมอด้วยนะ บางทีอาจเป็นเพราะสัญชาตญาณของความเป็นมนุษย์ซึ่งหลงเหลืออยู่ก็เป็นไปได้
อ่านมาถึงตรงนี้คุณหมอวางบันทึกลง เพราะข้อความต่อไปยิ่งดูบ้าบอวิปริตผิดเพี้ยนเกินกว่าจะทนอ่านข้อความของคนบ้าผู้กำลังพล่ามถึงการสร้างเครื่องจักรเครื่องยนต์กลไกอะไร โดยมีสมการประหลาดอธิบายเต็มไปหมด แน่นอนว่าคนปกติหรืออัจฉริยะขนาดไหนก็ไม่มีทางแม้แต่จะคิดหรือเขียนสมการแบบนี้ออกมาได้แน่นอน บ้าเข้าขั้นดีจริงๆ คุณหมอคิดในใจ
ถ้าเป็นเรื่องจริงทำไมความมืดไม่ลงมือกลืนกินมนุษยชาติเสียทีเดียวให้หมดสิ้นไปเลย ไม่ใช่เรื่องยากถ้ามันจะมีพลังอำนาจพิเศษ คุณหมอเหลือบมองนาฬิกา เวลาเกือบสองทุ่ม ท้องเริ่มส่งสัญญาณเตือนให้จัดการเรื่องอาหารการกิน แต่ไหนๆ ก็มาถึงขั้นนี้ อ่านให้จบก่อนดีกว่า หมอกวาดสายตาผ่านสมการ และภาพวาดโครงสร้างเครื่องจักรกลแปลกหลุดโลก เปิดไปทีละหน้าอย่างไม่สนใจ จนถึงช่วงสุดท้ายของบันทึก
ผมรู้ว่าคุณหมอไม่มีทางเชื่อ ผมจึงเตรียมตัวอย่างมาให้คุณหมอดูแล้ว ผมแอบเอามาวางอยู่ใต้โต๊ะ ลองก้มลงมองหาถุงใหญ่สีดำ ความมืดมันอยู่ในถุง
ข้อความในสมุดบันทึกขาดหายไป เหมือนเจ้าของผู้เขียนหายไปโดยกะทันหัน เอ.. ! ทำไมหมอถึงเกิดความรู้สึกแบบนี้นะ ทำไมต้องคิดว่าหายไปเฉย ๆ ไม่คิดว่าอาจจะลุกหนีไปจากโต๊ะไม่ยอมเขียนต่อ จิตแพทย์รู้สึกเย็นวูบไปทั่วไขสันหลังอย่างไม่มีสาเหตุ
ก้มมองใต้โต๊ะ ไม่เห็นมีถุงอะไร เออ......! . เราก็พลอยบ้าบอคอแตกไปด้วย
คุณหมอนั่งนิ่งครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจยกหูโทรศัพท์ต่อไปยังเจ้าหน้าที่ภายในตึกคนไข้ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่มากนัก
“นำตัวคนไข้ห้อง..........ไปหาผมที”
บอกหมายเลขห้องของคนไข้ผู้น่าสงสัย เสียงเจ้าหน้าที่ตอบรับเรียบร้อยจึงวางหูโทรศัพท์ลง เอนกายพิงพนักเก้าอี้เหมือนอยากผ่อนคลาย แต่เท้าไปเตะถูกอะไรบางอย่าง จึงก้มลงไปมอง
ถุงสีดำมัดปากด้วยเชือกแน่นหนา วางอยู่ใต้โต๊ะแต่มันอยู่ในตำแหน่งมิดชิดเกินกว่าธรรมดา เหมือนกับว่าถุงพลาสติกสีดำขยับตัวหนีเข้าไปเองจากจุดควรจะอยู่ในตอนแรก คุณหมอขนลุกซู่อย่างไม่มีสาเหตุและรู้สึกโมโหตัวเองกับอาการเริ่มต้นประสาทเสีย รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังโดนเชื้อบ้าเล่นงาน เขาลังเลใจในการ ก้มลงมองถุงประหลาดอยู่นาน คิดว่าบางทีคนไข้บ้าๆบางคนอาจจะล้อเขาเล่นตามประสาบ้า แต่ในที่สุดกลั้นใจลองจับถุงปริศนายกขึ้นมา
มันเบาหวิวเหมือนไม่มีอะไรบรรจุอยู่ภายใน จึงวางลงบนโต๊ะ
จะเปิดดูดีไหมนะ?
..............................