สวัสดีค่ะเพื่อน....วันนี้กลับมาอีกแล้วกับเรื่องราวที่อยากมาแชร์กันคราวนี้จะมาพาเที่ยวกันค่ะ ตามหัวข้อเลยนะ "เที่ยวสวนผึ้งแบบส่วนตัว!!" ถ้าอยากรู้ว่าส่วนตัวยังไงตามมาดูกันเลยค่ะ

ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาวันที่ 16-17 กรกฎาคม เราได้ไปเที่ยวราชบุรีมาจุดหมายของเราคือ "สวนผึ้ง" จริงเราแพลนล่วงหน้ามาแค่ 1 อาทิตย์สำหรับการจองที่พัก ส่วนเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวก็ดูรีวิวตามรอยชาว Pantip มาเหมือนกันจ๊ะ ^ ^

เป็นการมาแบบชิลล์ๆ ที่ตั้งใจจะมาวันธรรมดาและเป็นช่วงฤดูฝนที่ปกติเค้าก็จะมากันเท่าไหร่ เพราะไม่อยากมาแล้วเจอคนเยอะ และก็ได้ตามหวังจริงๆ คือตลอดทริป 2 วัน 1 คืนนั้น เหมือนไปแบบส่วนตัวไม่มีใครไปเลย แถมยังมีฝนปรอยตลอดทริป...ใครที่ชอบความส่วนตัว ลองใช้วิธีเลือกวันเที่ยวแบบเราได้นะ ฮ่าๆๆ

...ไปค่ะ ไปเที่ยวกัน เริ่มเดินทางออกจาก กรุงเทพฯ (เรื่องเส้นทางการเดินทางคิดว่าเพื่อนๆ น่าจะพอทราบกันอยู่แล้วเนอะ บางคนก็ไปกันมาบ่อยแล้วล่ะใช่ม่ะ??)

จุดหมายแรกที่เราตั้งใจคือ "Secret space" แต่เนื่องด้วยความผิดพลาดไม่ดูข้อมูลมาให้ดี เลยเจอเซอร์ไพรส์ว่าเค้าปิด!! วันจันทร์จ้า เงิบบบ.....ไม่เป็นไร ไปกันต่อเลยที่ "Coro Field" ที่นี่เป็นอีกสถานที่ ที่เราตั้งใจมาดูรีวิวมาแล้วยังไงก็จะมา

"Coro Field" เค้าเป็นฟาร์มสไตล์ญี่ปุ่น มีความมินิมอลมากกกก ขับรถมาเห็นชัดจอดรถสะดวก ด้านในเป็นจะมีส่วนของฟาร์มและคาเฟ่ให้นั่ง นกจากนี้ยังมีกิจกรรมจัดสวนขวดกับ DIY กระถางต้นไม่ด้วย

ส่วนเรานั้นขอเข้าไปเดินดูฟาร์มผักด้านในดีกว่า (ค่าเข้า 30 บาท จะเข้าไปได้ถึงตรงที่เค้าปลูกผักเลย แต่ถ้าใครไม่อยากเสียเงินก็เข้ามาเดินดูได้แค่บริเวณรอบนอกนะจ๊ะ)  

ที่นี่มีผักหลากหลายรวมไปถึงข้าวชนิดต่าง และเมล่อนพันธุ์จากญี่ปุ่น ที่มีวิธีการปลูกแบบเฉพาะที่นี่โดยเฉพาะด้วยนะ อ้อ! ตอนที่เราเข้ามา เจ้าหน้าที่ให้กระดาษมาเล่นเกมส์ด้วย ให้เราไปหาคำตอบจากแปลงผัก ถ้าตอบถูกครบจะได้รางวัลเป็นเมล็ดพันธุ์ผักจากทางฟาร์มกลับบ้านมาปลูกด้วยจ้าาา

เดินดูในฟาร์มจนทั่วแล้วมาชิมขนมนมเนยกันหน่อยดีกว่า เราลองของเด็ดของเค้าเลยนั่นก็คือ "Melon Pan Lava" แล้วก็สั่งเครื่องดื่มเป็นเมล่อนปั่นกับช็อกโกแลตปั่นมาลองกินดู

โอ้วววววว...เมล่อนปังอร่อยมากกกกหอมละมุน ไม่หวาน ถูกใจมากกกกประทับใจสุดๆ สมแล้วที่เป็นของเด็ด เกือบลืมบอกมีเมล่อนสดๆ อีก 1 ชิ้นด้วยนะ สดๆ จากไร่มาเลยจ้า หอมละมุมมากเช่นกัน สำหรับเราคิดว่าที่นี่เด็ดเรื่องความหอมเป็นหลักตามสไตล์ญี่ปุ่นเลยล่ะ

กินเสร็จเรียบร้อยแล้วเดินทางต่อไปเช็คอินรีสอร์ทกันเถอะ....มุ่งหน้าไปทางสวนผึ้งปลายทางคือ "Silver garden resort" (เราจองผ่านว็บไซต์ได้ส่วนลดเยอะเลยนะ ใครจะมาลองจองแบบเราดูได้) บรรยากาศดีมากติดเขาเลย เป็นรีสอร์ทที่อยู่ไกลออกมาจากโซนที่เป็นแหล่งท่องเที่ยงพอสมควรนะ แต่มาเถอะเห็นวิวและอากาศดีๆ จากธรรมชาติแล้วคุ้มมากที่ขับรถมา (คืออีกไม่กี่กิโลจะเข้าพม่าแล้วว)

ที่นี่จะมีแบบเป็นห้องและบ้านเป็นหลังๆ พื้นที่จะอยู่บนเขาเลย ในบริเวณรีสอร์ทจะมีจักรยานให้ปั่น มีเรือเป็ดให้ปั่นในน้ำด้วย แต่เราไม่ได้ทำกิจกรรมเหล่านี้เลยเพราะฝนพรำ แต่ไม่เป็นไรเพราะแค่มาเห็นบรรยากาศวิวภูเขาแบบนี้ก็คุ้มแล้วล่ะ ..... เข้าห้องพักมาก็เย็นแล้ว ออกไปหาข้าวเย็นกินกันนะ



มากินข้าวเย็นร้านที่ไม่ไกลมาก และเป็นร้านที่เพื่อนๆ ใน Pantip รีวิวไว้ว่าอร่อย "อิ่มเพลิน" นี่ไงงงง....แต่ด้วยวันที่มาฝนตกรวมกับว่าเป็นวันธรรมดาเลยไม่มีคนเลย ทั้งร้านจึงมีเราค่โต๊ะเดียว รู้สึกส่วนตัวมากเหมือนเป็นวันพิเศษเลยอ่ะ ^ ^


เราสั่งเมนูเด่น แกงส้มชะอมไข่,ผักกูดผัดน้ำมันหอย, ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม เอาเท่านี้พอนะ มาแค่ 2 คน...(ขออภัยในความเบลอของรูปด้วยนะเพราะเราหิวมือไม้สั่นไปหน่อย แฮร่) จะบอกว่าอาหารมาจากใหญ่กว่าที่คิดนะ รสชาติเข้มข้นมากโดยเฉพาะแกงส้มสุดๆ เลยให้10เต็ม10 เรื่องราคาเราโอคนะ เพราะว่าเค้ามาจานใหญ่รสชาติดี


กินอิ่มกลับรีสอร์ทนอนหลับสบายเรียบร้อย ตื่นเช้ามาทานอาหารที่รีสอร์ท เป็นบริการที่ร่วมกับค่าพักแล้วนะไม่ต้องจ่ายเพิ่ม เค้าจะมีเมนูให้เลือกว่าเราจะเอาอะไร เช่น ข้าวต้ม, ABF, มักกะโรนี....ส่วนที่เรากินได้หยิบตามสะดวกจะเป็น ชากาแฟ ขนมปิ้ง แล้วทีเด็ดของทีนี่คือ ผักสลัดสดๆ จากไร่ เพราะเค้ามีฟาร์มผักไฮโดรโปนิกส์ที่ปลูกเองมาให้กินด้วย (ถ้าใครตดใจจะซื้อกลับบ้านก็มีขายเน่อ ถุงละ 50 บาท แต่!!! ใหญ่มากเว่อร์ เรียกว่าเป็นกระสอบจะดีกว่า เราเองก็สั่งกลับมาเหมือนกัน)


ได้เวลาเช็คเอ้าท์ เดินทางกลับแล้วทุกคน จะบอกว่าไม่อยากกลับเลย เพราะที่นี่บรรยากาศดีสุดๆ

ระหว่างทางเราก็ผ่านบ้านหอมเทียนเลยแวะสักหน่อย บรรยากาศเหมือนว่าที่นั้นมีแค่เรา....ไม่เหมือนกับที่หลายคนบอกไว้เลยก็แน่ละเพราะมันเป็นวันธรรมดาที่ฝนตก ใครจะมากันเล่า!! เอาบรรยากาศมาฝากกันเล็กน้อยพอ คิดว่าหลายคนคงไปกันมาหมดแล้วล่ะ

และเรายังคงติดใจที่ "Coro Field" อยู่เลยแวะอีกรอบเพราะเป็นทางผ่าน (แบบนี้ก็ได้หรอ?) แต่รอบนี้มาสั่ง "Murasaki Potato Pan Lava" เป็นปังมันม่วงลาวาดูบ้าง ส่วนเครื่องดื่มลองเป็นชาเมล่อนสักหน่อย จะบอกว่าไม่ผิดวังเลยดีงามทั้งสอง มีความละมุน ไม่หวานตามสไตล์เค้าล่ะ ...ถ้ากลับมากรุงเทพฯ เราคงต้องตามไปกินต่อแน่ๆ (เค้ามีสาขาเอสพานาสกับเซ็นทรัลเวิร์ดด้วยนะ)

สุดท้ายจริงๆ ต้องมาซ่อมกับจุดหมายแรกที่เราเงิบ!! เพราะเค้าปิดวันจันทร์คือ "Secret space ดินแดดแห่งความลับ" ลับจริงอะไรจริง แค่ทางเข้าร้านก็เป็นเขาวงกตซ้ำซ้อน เดินวนอยู่สามรอบ แต่ก็หาทางเข้ามาจนเจอ บรรยกาศเป็นสวนลึกลับที่ธรรมชาติสุดๆ มีนก ไก่ ปลา ต้นไม้มากมาย รวมไปถึงโซนคาเฟ่ ที่มีอาหารบริการด้วย


จัดไปจ้า สั่งสเต็กไก่กับหมูมากินหน่อยนะ รสชาติกลางๆ นะแต่ราคาอาหารที่นี่ไม่แรงมากถ้าเทียบกับสถานที่อื่นๆ และมีให้เลือกหลากหลายทั้งข้าว สเต็ก สปาเก็ตตี้ ของทานเล่น หรือจะเแนวส้มตำ ลาบ น้ำตกก็มีจ๊ะ

อ้อ! ถ้าใครที่ชอบต้นไม้ หรือกระบองเพชร เค้ามีโซนโรงเพาะกระบองเพชรให้เยี่ยมชมด้วยนะ และที่สำคัญ ขายทุกต้น!! อยากได้ก็สอบถามพนังงานได้เลย

จบครบตามที่อยากมาแล้ว....เดินทางกลับได้
ทริปนี้เป็นครั้งแรกของเราที่ไปสวนผึ้งนะ เน้นชิลล์ๆ ไม่มีแพลนตายตัว ไปแบบวันธรรมดา คนน้อย ฝนตกหน่อยๆ เน้นกินเป็นหลัก ก็ถือว่าเป็นอีกทริปที่ประทับใจมากๆ ใครที่ชอบเที่ยวแบบคนน้อยๆ ก็ลองเที่ยวแบบเราดู โดยเฉพาะคนที่อยากไปถ่ายรูปบรรยากาศสวยๆ แบบไม่มีคนเยอะให้กวนใจ มันดีมากจริงๆ หวังว่าจะชอบกันนะ คราวหน้าจะมีอะไรมาแชร์อีกรอบติดตามได้น้าาาา วันนี้ไปก่อนแล้วจ้า บ้ายย บายยย