ทุกคนต่างมีหน้าที่ ไม่ว่าจะทำงาน เรียน หรือภาระอื่นๆ อีกมากมาย ความเครียด ความเหนื่อยล้า ต่างประดังเข้าใส่ เราจึงต้องหาสิ่งคลายเครียด หาความสุข เข้าตัวเอง แต่ความสุขของคนเราก็ต่างกัน บางคนหาของอร่อยๆ กิน บางคนได้นอนอยู่เฉยๆ ที่บ้านก็มีความสุข ส่วนเรานะหรอ คือ
"เที่ยว" ขอให้ได้เที่ยวเถอะ นิดๆ หน่อยๆ ก็มีความสุขแล้ว ด้วยเหตุนี้ เราจึงเป็นเพื่อนซี้กับงาน
"ไทยเที่ยวไทย" สำหรับคนงบน้อยอย่างเรา เดินตามหาที่พัก ที่เที่ยวถูกๆ โปรโมชั่นแบบจัดเต็ม แล้วในที่สุด งานไทยเที่ยวไทย ครั้งที่ 38 ก็มาถึง งานนี้ไม่ไปไม่ได้แล้ว.
เดินดูอยู่ทั่วงาน ก็มาสะดุดอยู่ที่บูธ Aristo Chic Resort & Farm อะไรจะขาวปานนั้น ไม่ใช่คนนะคะ. ที่พักค่ะ เริ่มการสอบถามราคาอยู่ที่ 2,250 ต่อ 1 คืน เข้าพักได้ถึงสิ้นเดือนตุลาคม 2559 ราคาเอื้อมถึงมากอะ
มีอ่าง Jacuzzให้แช่ตัวด้วย ที่สำคัญอยู่แค่ราชบุรีนี้เอง แล้วเราก็ตกลงปลงใจกับที่นี่แหละ ใจง่ายสุดๆ
แล้ววันที่เราเดินทางก็มาถึง 2 เมษายน 2559 ตรงกับวันเสาร์ ออกจากบ้านก็เกือบๆ เที่ยงแล้ว เดินทางสู่ จังหวัดราชบุรี ที่พักเราอยู่อำเภอสวนผึ้ง ว่าจะหาที่แวะเที่ยวก่อนเข้าที่พักสัก 1 ที่ ที่ไหนดีนะ ส่วนมากก็เที่ยวมาหมดแล้ว ขับรถมาเรื่อยๆ ก็มาสะดุดตากับ
เจ้า"โคโรโระคุง" มาสคอสสุดน่ารักของฟาร์ม Coro Field โคโรฟิลด์ มายืนต้อนรับอยู่ข้างหน้า
ที่นี่แหละใช่เลย แวะๆ Coro Field ตั้งอยู่ริมถนนผาปก เลยโรงพยาบาลสวนผึ้งมาไม่ไกล บรรยากาศเหมือนหลุดมาอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเลย ไม่ต้องเสียค่าเข้าชมนะคะ เลิศมาก เข้าไปสำรวจด้านในกันเลยดีกว่า ช่วงที่เราไปเป็นช่วงหน้าแล้ง ต้นไม้เลยไม่ค่อยเขียวชะอุ่มเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสวยลดลงเท่าไหร่เลย ที่นี่มีส่วนของ แปลงผัก ที่มี พืช พันธุ์ต่างๆ มากมาย
ส่วนของ Coro me โซนนี้ชอบมากเลย
มีต้นไม้น่ารักๆให้เราได้เลือกซื้อ. แถมยังได้เพลิดเพลินกับการจัดสวนกระถาง ที่มีของตกแต่ง หิน กรวด ทราย ฟรี แล้วที่เซอร์ไพร์ไปกว่านั้นคือ ทางฟาร์มมีใบอุปถัมภ์ต้นไม้ให้ด้วย
ให้เราตั้งชื่อต้นไม้ แล้วที่พีคไปกว่านั้นคือ ให้เราท่องคำปฏิญาณว่าจะรักและดูแลต้นไม้เป็นอย่างดี น่ารักอะ คนคิดไอเดียนี้ แถมด้วยโซนนี้ยังมีขายของฝากเก๋ๆ เราสอยขวดน้ำมา 1 ขวด. เพลิดเพลินกับโซนนี้เสร็จ
^^^ ห้องน้ำ น่ารักไปอีกกกกกกกก^^^
ออกมาถ่ายรูปเล่นด้านนอก อากาศร้อนมาก ไปหาอะไรดับร้อนดีกว่า เห็นว่าที่นี่ขึ้นชื่อเรื่อง เมล่อน ไปกินน้ำเมล่อนปั่นกันดีกว่า ที่ฟาร์มมีเมนูอาหารให้เลือกมากมาย
แต่เราสั่งน้ำเมล่อนอย่างเดียว หน้าตาน่ากินมาก. หอมฟุ้งทะลุแก้วเลย ราคาแก้วละ 85 บาท อร่อยถูกปากใช้ได้. เวลาก็ล่วงมา บ่าย 3 กว่าแล้ว เราเดินทางต่อไปที่รีสอร์ท ดีกว่า อยากพักผ่อนแล้ว.
ขับรถตรงเข้ามาสวนผึ้งเรื่อยๆ ประมาณ 4 โมง นิดๆ เราก็มาถึง ไกลใช่เล่น
ถึงแล้ว Aristo chic & Farm Resort สีขาวตั้งเด่นเป็นสง่าตรงทางโค้งพอดี ด้านหน้าเป็นร้านอาหาร รีสอร์ทนี้แต่ง สไตล์ Modern Mediteranean มีอาคารสีขาว อยู่ท่ามกลางอ้อมกอดขุนเขา
^^^มีที่จอดรถ รับรองรถไม่อาบแดดแน่นนอน^^^
^^^ส่วนของ ล๊อบบี้ เล็กๆ น่ารัก อบอุ่นดีค่ะ ^^^
เช็คอิน เสร็จก็มีพี่พนักงาน ช่วยถือกระเป๋า พาเรามายังห้อง Caramel ห้องเบอร์ 2
เปิด ประตูเข้ามาสิ่งแรกที่เห็นเลยคือเตียงสีขาว เดินเข้าไป ขวามือเป็นบันไดเดินลงไปข้างล่าง เราสำรวจด้านบนก่อนดีกว่า ปลายเตียงมีห้องน้ำเล็กๆ แต่ไม่สามารถอาบน้ำได้ มีระเบียง กลางคืนนั่งชิวดูดาว คงสวยน่าดู ถ้ามาหน้าฝน หรือน่าหนาวคงฟินกว่านี้
(ขอบรรยาย ลักษณะของห้องด้านบน ด้วยภาพเลยนะคะ)
ไปดูข้างล่างกันต่อดีกว่า สุดบันได ด้านขวามือเป็น มินิบาร์ ด้านซ้ายเป็นห้องน้ำแบ่งโซน เปียก โซนแห้งไว้ชัดเจน (ตอนแรกก็คิดนะ จะให้เราไปอาบน้ำที่ไหนเนี่ยห้องน้ำเล็กขนาดนี้ ถึงบางอ้อและ ห้องน้ำอยู่ข้างล่างนี้เอง) แถมเขายังเข้าอกเข้าใจเรา เวลากลางคืนคงไม่อยากให้เหนื่อยเดินลงมาเข้าห้องน้ำ. มีไว้ข้างบนซะเลย ดีๆ ให้คะแนนเต็ม ด้านหน้าห้องน้ำ มีที่นั่งกึ่งๆ โซฟา ขนาดใหญ่นั่งเล่นสบาย ส่วนหลังประตูกระจกบานใหญ่นี้คือไฮไลต์เลย อ่าง Jacuzz
อ่าง Jacuzzi ลงไปแช่ 2 คนได้ ขนาดกำลังดี สำรวจห้องเสร็จ ใกล้จะมืดแล้วด้วย ท้องเริ่มร้อง สั่งอาหารมากินที่ห้องพักดีกว่า ที่นี่มีบริการอาหารส่งถึงห้องนะคะ ระหว่างรอเราก็เก็บข้าวของ เปิดน้ำรองไว้รอ แช่ตัวดีกว่า ว่าแต่ทำไมแอร์ไม่เย็น จะโทรแจ้งพนักงาน อ่าวโทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ (แต่มี wifi นะ) ทำไงดี เดินสิคะ เดินไปแจ้ง พักนึง ก็มีช่างมาดูอาการให้ ช่างถามว่าใช้ Dtac ใช่ไหม พร้อมกับยิ้มหวาน1 ที แสดงว่า เฉพาะ Dtac ที่ไม่มีสัญญาณ แล้วสักพักแอร์ก็กลับมาเย็น น้ำที่เรารองไว้เต็มแล้วไปแช่ตัวกันดีกว่า
กำลังจะก้าวขาลงอ่าง ได้ยินเสียงเคาะประตู นึกในใจนี่เสียงสวรรค์แน่ๆ เลย จริงๆ ด้วยค่ะ. พนักงานมาพร้อมกับอาหารหอมๆ แต่จะทำไงหล่ะ ท้องก็หิว น้ำก็อยากลงไปแช่ ทำ 2 อย่างในเวลาเดียวกันเนี่ยแหละ คือคำตอบสุดท้าย แล้วมีอีกอย่างที่อยากทำคือ ดูซี่รี่ย์ แถม เป็น 3 อย่างเลย อารมณ์นั้นแบบ ฟินมากกกกก
หลังจากทำภาระกิจทั้ง 3 สิ่งนี้เสร็จ ก็อาบน้ำ เตรียมตัวนอนค่ะ และแล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น แอร์ดับค่ะ ทำไงดี!!!!! เดินอีกแล้วค่ะเดินไปแจ้ง พี่พนักงาน แต่รอบนี้เขาให้ย้ายห้องเลยค่ะ มาห้องข้างๆ พี่ๆ พนักงานก็มาขอโทษขอโพย แล้วช่วยยกของให้ เราไม่ซีเรียสอะไร ก็คงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุแบบนี่นิเนอะ จัดของใหม่ แล้วนอนพักเอาแรงชาตแบตให้ร่างกายดีกว่า
^^^ เพื่อนข้างบ้าน^^^
เช้าวันใหม่กับอากาศที่แจ่มใส แม้จะมีแดดแรง อาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกไปกินข้าวกัน อาหารเช้าที่นี่จัดเป็นเซต หน้าตาเยี่ยงนี้เลย แถมด้วยมีบุฟเฟ ตักเองได้ตามใจชอบ
หลังจากอิ่มหนำจากการกินแล้ว ไปเดินเล่นเก็บภาพบรรยากาศรอบๆ รีสอร์ทกัน รีสอร์ทที่นี่กว้างมากเดินไม่ทั่วเลย มีฟาร์มแกะกับม้าในรีสอร์ทด้วย อ่อ ลืมบอกไปราคาที่พักนี้ร่วม
อาหารเช้า 2 ที่
ส่วนลดอาหาร 10%
อาหาร แกะ 2 ชุด
จักรยานให้ปั่นเล่น อีก 2 คัน แต่วันนี้แดดร้อนมากอะเราคงปั่นไม่ไหว ขอเดินแล้วกันเนอะ Aristo chic & Farm มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปเยอะมาก ขอบรรยายด้วยภาพแล้วกันเนอะ
เก็บภาพสวยๆเสร็จ เราก็เข้าไปเก็บกระเป๋า นอนพักอีกแปบ เที่ยงก็เช็คเอ้าท์ออก บ๊าย...บาย Aristo chic & Farm เมืองสีขาวที่สงบเงียบน่าพักผ่อน ขากลับเราไม่ได้แวะไหนเลย มุ่งหน้ากลับบ้านเข้าสู่เมืองกรุงอันวุ่นวาย เตรียมตัวเข้าสู่โหมดชีวิตจริง
(เราจะสู้ไปด้วยกันนะคะ เพื่อนๆ)
+++ แถมรูปอีกนิด ขอลงรูปตัวเองบ้างนะ +++
สรุปค่าใช้จ่ายตลอดทริป
ค่าที่พัก Aristo chic & Farm. 2,250 บาท
ค่าอาหารที่รีสอร์ท. 440 บาท
(ต้มยำกุ้ง+ปีกไก่ทอดเกลือ+ผักหวานผัดน้ำมันหอย+ข้าว2จาน)
ค่าเติมแก๊ส LPG. 300. บาท ไป-กลับ
(ส่วนค่าใช่จ่ายอื่นๆเราไม่ได้แจ้งนะ เป็นความอยากได้ส่วนตัว อิอิ)
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 2,990 บาท
ทริปนี้ไป 2 คน ค่าใช้จ่ายตกคนละ 1,495 บาท
แผนที่ Aristo chic & Farm แต่เปิด GPS มันก็พามาถูกนะ เชื่อถือได้
http://www.aristo-resort.com/index.php?ge=Contact
++++++++++++++++++++ขอบคุณที่รับชมนะคะ ผิดพลาดประการใด อภัยให้เขาด้วยนะ++++++++++++++++++++++++
กระทู้ที่เคยรีวิว
ปลายฝนต้นหนาว ณ Villa Moreeda
http://ppantip.com/topic/33675515
โดดงาน ดื่มด่ำ ดำน้ำ ที่เกาะช้าง (ปาจามัส)
http://ppantip.com/topic/34411546
(ฝากติดตามด้วยนะคะ) มือใหม่หัดรีวิว
[CR] Aristo "เมืองสีขาว"แห่งอ้อมกอดขุนเขา
เดินดูอยู่ทั่วงาน ก็มาสะดุดอยู่ที่บูธ Aristo Chic Resort & Farm อะไรจะขาวปานนั้น ไม่ใช่คนนะคะ. ที่พักค่ะ เริ่มการสอบถามราคาอยู่ที่ 2,250 ต่อ 1 คืน เข้าพักได้ถึงสิ้นเดือนตุลาคม 2559 ราคาเอื้อมถึงมากอะ มีอ่าง Jacuzzให้แช่ตัวด้วย ที่สำคัญอยู่แค่ราชบุรีนี้เอง แล้วเราก็ตกลงปลงใจกับที่นี่แหละ ใจง่ายสุดๆ
แล้ววันที่เราเดินทางก็มาถึง 2 เมษายน 2559 ตรงกับวันเสาร์ ออกจากบ้านก็เกือบๆ เที่ยงแล้ว เดินทางสู่ จังหวัดราชบุรี ที่พักเราอยู่อำเภอสวนผึ้ง ว่าจะหาที่แวะเที่ยวก่อนเข้าที่พักสัก 1 ที่ ที่ไหนดีนะ ส่วนมากก็เที่ยวมาหมดแล้ว ขับรถมาเรื่อยๆ ก็มาสะดุดตากับ เจ้า"โคโรโระคุง" มาสคอสสุดน่ารักของฟาร์ม Coro Field โคโรฟิลด์ มายืนต้อนรับอยู่ข้างหน้า
ที่นี่แหละใช่เลย แวะๆ Coro Field ตั้งอยู่ริมถนนผาปก เลยโรงพยาบาลสวนผึ้งมาไม่ไกล บรรยากาศเหมือนหลุดมาอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเลย ไม่ต้องเสียค่าเข้าชมนะคะ เลิศมาก เข้าไปสำรวจด้านในกันเลยดีกว่า ช่วงที่เราไปเป็นช่วงหน้าแล้ง ต้นไม้เลยไม่ค่อยเขียวชะอุ่มเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสวยลดลงเท่าไหร่เลย ที่นี่มีส่วนของ แปลงผัก ที่มี พืช พันธุ์ต่างๆ มากมาย
ส่วนของ Coro me โซนนี้ชอบมากเลย
มีต้นไม้น่ารักๆให้เราได้เลือกซื้อ. แถมยังได้เพลิดเพลินกับการจัดสวนกระถาง ที่มีของตกแต่ง หิน กรวด ทราย ฟรี แล้วที่เซอร์ไพร์ไปกว่านั้นคือ ทางฟาร์มมีใบอุปถัมภ์ต้นไม้ให้ด้วย
ให้เราตั้งชื่อต้นไม้ แล้วที่พีคไปกว่านั้นคือ ให้เราท่องคำปฏิญาณว่าจะรักและดูแลต้นไม้เป็นอย่างดี น่ารักอะ คนคิดไอเดียนี้ แถมด้วยโซนนี้ยังมีขายของฝากเก๋ๆ เราสอยขวดน้ำมา 1 ขวด. เพลิดเพลินกับโซนนี้เสร็จ
^^^ ห้องน้ำ น่ารักไปอีกกกกกกกก^^^
ออกมาถ่ายรูปเล่นด้านนอก อากาศร้อนมาก ไปหาอะไรดับร้อนดีกว่า เห็นว่าที่นี่ขึ้นชื่อเรื่อง เมล่อน ไปกินน้ำเมล่อนปั่นกันดีกว่า ที่ฟาร์มมีเมนูอาหารให้เลือกมากมาย
แต่เราสั่งน้ำเมล่อนอย่างเดียว หน้าตาน่ากินมาก. หอมฟุ้งทะลุแก้วเลย ราคาแก้วละ 85 บาท อร่อยถูกปากใช้ได้. เวลาก็ล่วงมา บ่าย 3 กว่าแล้ว เราเดินทางต่อไปที่รีสอร์ท ดีกว่า อยากพักผ่อนแล้ว.
ขับรถตรงเข้ามาสวนผึ้งเรื่อยๆ ประมาณ 4 โมง นิดๆ เราก็มาถึง ไกลใช่เล่น
ถึงแล้ว Aristo chic & Farm Resort สีขาวตั้งเด่นเป็นสง่าตรงทางโค้งพอดี ด้านหน้าเป็นร้านอาหาร รีสอร์ทนี้แต่ง สไตล์ Modern Mediteranean มีอาคารสีขาว อยู่ท่ามกลางอ้อมกอดขุนเขา
^^^มีที่จอดรถ รับรองรถไม่อาบแดดแน่นนอน^^^
^^^ส่วนของ ล๊อบบี้ เล็กๆ น่ารัก อบอุ่นดีค่ะ ^^^
เช็คอิน เสร็จก็มีพี่พนักงาน ช่วยถือกระเป๋า พาเรามายังห้อง Caramel ห้องเบอร์ 2
เปิด ประตูเข้ามาสิ่งแรกที่เห็นเลยคือเตียงสีขาว เดินเข้าไป ขวามือเป็นบันไดเดินลงไปข้างล่าง เราสำรวจด้านบนก่อนดีกว่า ปลายเตียงมีห้องน้ำเล็กๆ แต่ไม่สามารถอาบน้ำได้ มีระเบียง กลางคืนนั่งชิวดูดาว คงสวยน่าดู ถ้ามาหน้าฝน หรือน่าหนาวคงฟินกว่านี้
(ขอบรรยาย ลักษณะของห้องด้านบน ด้วยภาพเลยนะคะ)
ไปดูข้างล่างกันต่อดีกว่า สุดบันได ด้านขวามือเป็น มินิบาร์ ด้านซ้ายเป็นห้องน้ำแบ่งโซน เปียก โซนแห้งไว้ชัดเจน (ตอนแรกก็คิดนะ จะให้เราไปอาบน้ำที่ไหนเนี่ยห้องน้ำเล็กขนาดนี้ ถึงบางอ้อและ ห้องน้ำอยู่ข้างล่างนี้เอง) แถมเขายังเข้าอกเข้าใจเรา เวลากลางคืนคงไม่อยากให้เหนื่อยเดินลงมาเข้าห้องน้ำ. มีไว้ข้างบนซะเลย ดีๆ ให้คะแนนเต็ม ด้านหน้าห้องน้ำ มีที่นั่งกึ่งๆ โซฟา ขนาดใหญ่นั่งเล่นสบาย ส่วนหลังประตูกระจกบานใหญ่นี้คือไฮไลต์เลย อ่าง Jacuzz
อ่าง Jacuzzi ลงไปแช่ 2 คนได้ ขนาดกำลังดี สำรวจห้องเสร็จ ใกล้จะมืดแล้วด้วย ท้องเริ่มร้อง สั่งอาหารมากินที่ห้องพักดีกว่า ที่นี่มีบริการอาหารส่งถึงห้องนะคะ ระหว่างรอเราก็เก็บข้าวของ เปิดน้ำรองไว้รอ แช่ตัวดีกว่า ว่าแต่ทำไมแอร์ไม่เย็น จะโทรแจ้งพนักงาน อ่าวโทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ (แต่มี wifi นะ) ทำไงดี เดินสิคะ เดินไปแจ้ง พักนึง ก็มีช่างมาดูอาการให้ ช่างถามว่าใช้ Dtac ใช่ไหม พร้อมกับยิ้มหวาน1 ที แสดงว่า เฉพาะ Dtac ที่ไม่มีสัญญาณ แล้วสักพักแอร์ก็กลับมาเย็น น้ำที่เรารองไว้เต็มแล้วไปแช่ตัวกันดีกว่า
กำลังจะก้าวขาลงอ่าง ได้ยินเสียงเคาะประตู นึกในใจนี่เสียงสวรรค์แน่ๆ เลย จริงๆ ด้วยค่ะ. พนักงานมาพร้อมกับอาหารหอมๆ แต่จะทำไงหล่ะ ท้องก็หิว น้ำก็อยากลงไปแช่ ทำ 2 อย่างในเวลาเดียวกันเนี่ยแหละ คือคำตอบสุดท้าย แล้วมีอีกอย่างที่อยากทำคือ ดูซี่รี่ย์ แถม เป็น 3 อย่างเลย อารมณ์นั้นแบบ ฟินมากกกกก
หลังจากทำภาระกิจทั้ง 3 สิ่งนี้เสร็จ ก็อาบน้ำ เตรียมตัวนอนค่ะ และแล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น แอร์ดับค่ะ ทำไงดี!!!!! เดินอีกแล้วค่ะเดินไปแจ้ง พี่พนักงาน แต่รอบนี้เขาให้ย้ายห้องเลยค่ะ มาห้องข้างๆ พี่ๆ พนักงานก็มาขอโทษขอโพย แล้วช่วยยกของให้ เราไม่ซีเรียสอะไร ก็คงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุแบบนี่นิเนอะ จัดของใหม่ แล้วนอนพักเอาแรงชาตแบตให้ร่างกายดีกว่า
^^^ เพื่อนข้างบ้าน^^^
เช้าวันใหม่กับอากาศที่แจ่มใส แม้จะมีแดดแรง อาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกไปกินข้าวกัน อาหารเช้าที่นี่จัดเป็นเซต หน้าตาเยี่ยงนี้เลย แถมด้วยมีบุฟเฟ ตักเองได้ตามใจชอบ
หลังจากอิ่มหนำจากการกินแล้ว ไปเดินเล่นเก็บภาพบรรยากาศรอบๆ รีสอร์ทกัน รีสอร์ทที่นี่กว้างมากเดินไม่ทั่วเลย มีฟาร์มแกะกับม้าในรีสอร์ทด้วย อ่อ ลืมบอกไปราคาที่พักนี้ร่วม
อาหารเช้า 2 ที่
ส่วนลดอาหาร 10%
อาหาร แกะ 2 ชุด
จักรยานให้ปั่นเล่น อีก 2 คัน แต่วันนี้แดดร้อนมากอะเราคงปั่นไม่ไหว ขอเดินแล้วกันเนอะ Aristo chic & Farm มีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปเยอะมาก ขอบรรยายด้วยภาพแล้วกันเนอะ
เก็บภาพสวยๆเสร็จ เราก็เข้าไปเก็บกระเป๋า นอนพักอีกแปบ เที่ยงก็เช็คเอ้าท์ออก บ๊าย...บาย Aristo chic & Farm เมืองสีขาวที่สงบเงียบน่าพักผ่อน ขากลับเราไม่ได้แวะไหนเลย มุ่งหน้ากลับบ้านเข้าสู่เมืองกรุงอันวุ่นวาย เตรียมตัวเข้าสู่โหมดชีวิตจริง
(เราจะสู้ไปด้วยกันนะคะ เพื่อนๆ)
+++ แถมรูปอีกนิด ขอลงรูปตัวเองบ้างนะ +++
สรุปค่าใช้จ่ายตลอดทริป
ค่าที่พัก Aristo chic & Farm. 2,250 บาท
ค่าอาหารที่รีสอร์ท. 440 บาท
(ต้มยำกุ้ง+ปีกไก่ทอดเกลือ+ผักหวานผัดน้ำมันหอย+ข้าว2จาน)
ค่าเติมแก๊ส LPG. 300. บาท ไป-กลับ
(ส่วนค่าใช่จ่ายอื่นๆเราไม่ได้แจ้งนะ เป็นความอยากได้ส่วนตัว อิอิ)
รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 2,990 บาท
ทริปนี้ไป 2 คน ค่าใช้จ่ายตกคนละ 1,495 บาท
แผนที่ Aristo chic & Farm แต่เปิด GPS มันก็พามาถูกนะ เชื่อถือได้
http://www.aristo-resort.com/index.php?ge=Contact
++++++++++++++++++++ขอบคุณที่รับชมนะคะ ผิดพลาดประการใด อภัยให้เขาด้วยนะ++++++++++++++++++++++++
กระทู้ที่เคยรีวิว
ปลายฝนต้นหนาว ณ Villa Moreeda
http://ppantip.com/topic/33675515
โดดงาน ดื่มด่ำ ดำน้ำ ที่เกาะช้าง (ปาจามัส)
http://ppantip.com/topic/34411546
(ฝากติดตามด้วยนะคะ) มือใหม่หัดรีวิว
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น