พอดีมีความเผือกนิดหน่อย อยากนำมาเล่าสู่กันฟัง เรื่องของคนอื่น เด็กพ่อแม่เลิกกันอยุ่ในความปกครองของแม่ ส่วนพ่อก็ทำกิจการกับที่บ้าน
กิจการไม่ได้ใหญ่โตมากมาย งานไม่ได้มีเข้ามาเรื่อยๆๆ จะเข้าเป็นช่วงๆๆ เด็กเริ่มเข้ามหาวิทยาลัยเอกชน อันดับต้นแถวปทุมธานี
เรียนเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เริ่มแรกเข้าไปก็มีค่าใช้จ่ายสำหรับการเข้าเรียนปีหนึ่งเป็นแสน ไม่รวมค่ารายเดือนอีกประมาณ 20,000 บาทต่อเดือน
เพราะอยู่หอพัก ทางปู่เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด เพราะแม่หลังจากเลิกรากันไปได้เงินไปก้อนหนึ่ง ก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
ไม่มีรายได้มาส่งเสียลูกเรียนได้ ส่วนพ่อรายได้เป็นกงสี หลังจากเรียนไปสักพักเด็กอยากได้คอมพิวเตอร์เป็น MacBook Pro 13 นิ้ว
เพราะต้องใช้เรียนเพื่อนเค้าซื้อกันเป็นแสน แต่ถ้าจะซื้อปู่จะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย แต่ว่าราคามันสูงมาก สรุปต้องโทรถามอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย
อาจารย์แนะนำให้ซื้อเป็น PC ราคาประมาณ สีหมื่นกว่าบาท ก็เลยได้รุ่นนี้ไป ทางบ้านปู่ก็แนะนำว่าให้ช่วยไปกู้เรียน กยศ เพื่อช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่าย
เด็กก็แย้งว่า งานสำหรับเด็กปีหนึ่งมันเยอะแล้ว ไม่มีเวลาไปทำกิจกรรมจิตอาสาเพื่อเก็บชั่วโมงได้ และบอกด้วยว่าไม่อยากเข้าไปที่ห้องเดินเรื่องเกี่ยวกับการกู้ กยศ เพราะเจ้าหน้าที่หน้าตาไม่รับแขก จนตอนนี้เด็กก็ยังไม่ได้ไปกู้ กยศ เพราะก่อนช่วงเปิดเรียนซัมเมอร์ ที่มหาวิทยาลัยมีการให้ไปลงทะเบียนก็ไม่ยอมไปลง เพราะข้ออ้างข้างต้นที่กล่าวมา ( ก่อนหน้านี้เด็กอยากได้ ไอโฟนก็ไปขอเงินย่าซื้อประมาณ สามหมื่นกว่าบาท ย่าก็โอนเงินให้ไปซื้อเลย )
อยากได้รองเท้าไนกี้ แม่ก็ซื้อให้ในขณะที่แม่ก็ไม่มีรายได้ที่แน่นอน แต่กินของดี ใช้ของแพง ตั้งแต่ก่อนเลิกกับสามี ก็ยังเป็นอยู่ หรือว่าเป็นเพราะ พ่อแม่ ปู่ย่า ไม้ได้บอกหรือสอนว่าให้ช่วยแบ่งเบาภาระทางบ้านบ้าง เพราะทางบ้านปู่ย่าก็เป็นหนึ้ธนาคาร ก็ไม่รู้ว่ากิจการจะดำเนินไปได้นานขนาดไหน
ธนาคารจะมายึดบ้านเมื่อไรก็ไม่รู้ แต่เด็กเหมือนไม่ใสใจสนใจที่จะช่วยแบ่งเบาอะไรเลย เลยนึกถึงตอนที่เราเรียนจบปริญญาตรี
ขณะนั้นไม่มี กยศ ให้กู้ เราต้องทำงานและเรียนหลังเลิกงานเป็นเวลา 4 ปีเต็ม เพื่อส่งตัวเองเรียนจนจบ
เด็กสมัยนี้คิดไม่เป็น หรือ ว่าผู้ใหญ่ไม่ได้สอน
กิจการไม่ได้ใหญ่โตมากมาย งานไม่ได้มีเข้ามาเรื่อยๆๆ จะเข้าเป็นช่วงๆๆ เด็กเริ่มเข้ามหาวิทยาลัยเอกชน อันดับต้นแถวปทุมธานี
เรียนเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เริ่มแรกเข้าไปก็มีค่าใช้จ่ายสำหรับการเข้าเรียนปีหนึ่งเป็นแสน ไม่รวมค่ารายเดือนอีกประมาณ 20,000 บาทต่อเดือน
เพราะอยู่หอพัก ทางปู่เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด เพราะแม่หลังจากเลิกรากันไปได้เงินไปก้อนหนึ่ง ก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
ไม่มีรายได้มาส่งเสียลูกเรียนได้ ส่วนพ่อรายได้เป็นกงสี หลังจากเรียนไปสักพักเด็กอยากได้คอมพิวเตอร์เป็น MacBook Pro 13 นิ้ว
เพราะต้องใช้เรียนเพื่อนเค้าซื้อกันเป็นแสน แต่ถ้าจะซื้อปู่จะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย แต่ว่าราคามันสูงมาก สรุปต้องโทรถามอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย
อาจารย์แนะนำให้ซื้อเป็น PC ราคาประมาณ สีหมื่นกว่าบาท ก็เลยได้รุ่นนี้ไป ทางบ้านปู่ก็แนะนำว่าให้ช่วยไปกู้เรียน กยศ เพื่อช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่าย
เด็กก็แย้งว่า งานสำหรับเด็กปีหนึ่งมันเยอะแล้ว ไม่มีเวลาไปทำกิจกรรมจิตอาสาเพื่อเก็บชั่วโมงได้ และบอกด้วยว่าไม่อยากเข้าไปที่ห้องเดินเรื่องเกี่ยวกับการกู้ กยศ เพราะเจ้าหน้าที่หน้าตาไม่รับแขก จนตอนนี้เด็กก็ยังไม่ได้ไปกู้ กยศ เพราะก่อนช่วงเปิดเรียนซัมเมอร์ ที่มหาวิทยาลัยมีการให้ไปลงทะเบียนก็ไม่ยอมไปลง เพราะข้ออ้างข้างต้นที่กล่าวมา ( ก่อนหน้านี้เด็กอยากได้ ไอโฟนก็ไปขอเงินย่าซื้อประมาณ สามหมื่นกว่าบาท ย่าก็โอนเงินให้ไปซื้อเลย )
อยากได้รองเท้าไนกี้ แม่ก็ซื้อให้ในขณะที่แม่ก็ไม่มีรายได้ที่แน่นอน แต่กินของดี ใช้ของแพง ตั้งแต่ก่อนเลิกกับสามี ก็ยังเป็นอยู่ หรือว่าเป็นเพราะ พ่อแม่ ปู่ย่า ไม้ได้บอกหรือสอนว่าให้ช่วยแบ่งเบาภาระทางบ้านบ้าง เพราะทางบ้านปู่ย่าก็เป็นหนึ้ธนาคาร ก็ไม่รู้ว่ากิจการจะดำเนินไปได้นานขนาดไหน
ธนาคารจะมายึดบ้านเมื่อไรก็ไม่รู้ แต่เด็กเหมือนไม่ใสใจสนใจที่จะช่วยแบ่งเบาอะไรเลย เลยนึกถึงตอนที่เราเรียนจบปริญญาตรี
ขณะนั้นไม่มี กยศ ให้กู้ เราต้องทำงานและเรียนหลังเลิกงานเป็นเวลา 4 ปีเต็ม เพื่อส่งตัวเองเรียนจนจบ