ออกตัวก่อนว่าไม่ใช่เรื่องของเรา เนื่องจากเราเรียนจบและทำงานมาสักพักแล้ว แต่ไม่นานมานี้เราได้คุยกับนักศึกษาคนหนึ่ง แล้วรู้สึกสงสัย เลยขอตั้งกระทู้เพื่อสอบถามความเห็นทุกท่าน
เรื่องมีอยู่ว่า ในมหาวิทยาลัยที่เขาเรียน มีทุนการศึกษาให้เปล่าสำหรับเด็กยากจนในมหาวิทยาลัย เงื่อนไขคือต้องมีฐานะทางบ้านลำบาก เกรดเฉลี่ยดีในระดับหนึ่ง และผู้ขอทุนต้องไม่ได้รับทุนอื่น ๆ และไม่ได้กู้ กยศ. ด้วยเหตุผลส่วนตัว
เขาไปสมัครรับทุนนั้น เพราะเห็นว่าตัวเองมีคุณสมบัติครบถ้วน และตัวเองก็อยากแบ่งเบาภาระที่บ้านซึ่งกำลังลำบากจากช่วงเศรษฐกิจไม่ดี คิดว่านอกจากรายได้ที่พยายามหาจากงานพิเศษไม่น่าพอ บวกกับไม่อยากกู้ กยศ.
ปรากฏว่าตอนสัมภาษณ์ อาจารย์ที่สัมภาษณ์ดันบอกว่านักศึกษา
ลำบากไม่จริง เพราะมาสมัครทุนนี้ทั้งที่ไม่กู้ กยศ. บวกกับพ่อแม่ของเขาทำอาชีพค้าขาย ไม่มีสลิปเงินเดือน ทำให้ไม่น่าเชื่อถือว่าจน ทางกรรมการที่สัมภาษณ์อยากช่วยคนที่ลำบากจริง ๆ
อาจารย์ท่านดังกล่าวให้เหตุผลว่าถ้าลำบากจริงจะต้องกู้ กยศ. สิ ถ้านักศึกษาไม่กู้ พ่อแม่ต้องกู้ที่อื่นมาส่งนักศึกษาแทน ทำให้พ่อแม่ลำบาก คนอื่นที่ได้ทุนนี้ปีก่อน ๆ ก็กู้
นอกจากนี้อาจารย์ยังให้เหตุผลว่าอยากเก็บทุนให้เปล่านี้ให้คนที่ลำบากจริง ๆ เช่น
ลูกข้าราชการที่กู้ กยศ. ไม่ได้
แต่เราลองมาคิดดูแล้ว ตามประกาศของมหาวิทยาลัย ทุนการศึกษานี้คุณสมบัติหนึ่งของผุ้รับทุนคือ
"ไม่เป็นผู้กู้ กยศ." แล้วทำไมอาจารย์กรรมการจึงบอกว่าคนได้ทุนนี้รุ่นก่อน ๆ ถึง กู้ กยศ. กันได้ล่ะ
หรือเพราะว่าอาจารย์ที่เป็นกรรมการเห็นว่าเพราะกู้ กยศ. แปลว่าลำบาก เลยต้องช่วยคนลำบากจริง ๆ แบบไม่สนกฎเกณฑ์ว่าคุณสมบัติคือไม่เป็นผู้กู้กยศ.?
แล้วลูกข้าราชการ ถ้าเราจำไม่ผิด ข้าราชการสามารถเบิกได้ ถูกไหมครับ?
ก็เลยเกิดความสงสัยครับว่า
1. ถ้าท่านเป็นอาจารย์กรรมการ จะตัดสินเด็กคนหนึ่งว่าฐานะทางบ้านลำบาก เพราะกู้ กยศ. ถ้าไม่กู้คือไม่ลำบากหรือเปล่า
2. ลูกข้าราชการที่ไม่สามารถกู้กยศ. ได้ แต่มีสวัสดิการค่าเล่าเรียนบุตร กับลูกคนค้าขายที่ไม่มีสลิปเงินเดือน ช่วงนี้การเงินกำลังย่ำแย่เพราะพิษเศรษฐกิจ และพ่อแม่ไม่มีสวัสดิการ ถ้าท่านเป็นอาจารย์กรรมการ ท่านคิดว่าใครลำบากกว่ากัน หรือควรได้รับการช่วยเหลือกว่ากันครับ
3. คิดว่าการช่วยนักศึกษาที่คิดว่าตัวเองลำบาก (เพราะกู้กยศ.) จนต้องให้ทุนทั้งที่คุณสมบัติไม่ตรงตามกำหนด (คือห้ามเป็นผู้กู้ กยศ.) เป็นเะรื่องที่สมควรทำหรือเปล่าครับ?
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับท่านที่มาแสดงความเห็นครับ
ป.ล. สมัยเราเรียนเราก็ไม่ได้กู้ กยศ. ครับ ทำงานเก็บเงินส่งตัวเองเรียน แต่ก็ได้ทุนจากมหาวิทยาลัยที่เรียน เลยไม่เข้าใจตรรกะของอาจารย์ในมหาวิทยาที่ต้นเรื่องนี้นัก จึงอยากทราบความเห็นจากท่านอื่น ๆ หน่อยครับ
คิดว่าถ้าเรียน ป.ตรี ไม่กู้ กยศ. แปลว่าไม่ลำบากหรือเปล่าครับ?
เรื่องมีอยู่ว่า ในมหาวิทยาลัยที่เขาเรียน มีทุนการศึกษาให้เปล่าสำหรับเด็กยากจนในมหาวิทยาลัย เงื่อนไขคือต้องมีฐานะทางบ้านลำบาก เกรดเฉลี่ยดีในระดับหนึ่ง และผู้ขอทุนต้องไม่ได้รับทุนอื่น ๆ และไม่ได้กู้ กยศ. ด้วยเหตุผลส่วนตัว
เขาไปสมัครรับทุนนั้น เพราะเห็นว่าตัวเองมีคุณสมบัติครบถ้วน และตัวเองก็อยากแบ่งเบาภาระที่บ้านซึ่งกำลังลำบากจากช่วงเศรษฐกิจไม่ดี คิดว่านอกจากรายได้ที่พยายามหาจากงานพิเศษไม่น่าพอ บวกกับไม่อยากกู้ กยศ.
ปรากฏว่าตอนสัมภาษณ์ อาจารย์ที่สัมภาษณ์ดันบอกว่านักศึกษาลำบากไม่จริง เพราะมาสมัครทุนนี้ทั้งที่ไม่กู้ กยศ. บวกกับพ่อแม่ของเขาทำอาชีพค้าขาย ไม่มีสลิปเงินเดือน ทำให้ไม่น่าเชื่อถือว่าจน ทางกรรมการที่สัมภาษณ์อยากช่วยคนที่ลำบากจริง ๆ
อาจารย์ท่านดังกล่าวให้เหตุผลว่าถ้าลำบากจริงจะต้องกู้ กยศ. สิ ถ้านักศึกษาไม่กู้ พ่อแม่ต้องกู้ที่อื่นมาส่งนักศึกษาแทน ทำให้พ่อแม่ลำบาก คนอื่นที่ได้ทุนนี้ปีก่อน ๆ ก็กู้
นอกจากนี้อาจารย์ยังให้เหตุผลว่าอยากเก็บทุนให้เปล่านี้ให้คนที่ลำบากจริง ๆ เช่นลูกข้าราชการที่กู้ กยศ. ไม่ได้
แต่เราลองมาคิดดูแล้ว ตามประกาศของมหาวิทยาลัย ทุนการศึกษานี้คุณสมบัติหนึ่งของผุ้รับทุนคือ "ไม่เป็นผู้กู้ กยศ." แล้วทำไมอาจารย์กรรมการจึงบอกว่าคนได้ทุนนี้รุ่นก่อน ๆ ถึง กู้ กยศ. กันได้ล่ะ
หรือเพราะว่าอาจารย์ที่เป็นกรรมการเห็นว่าเพราะกู้ กยศ. แปลว่าลำบาก เลยต้องช่วยคนลำบากจริง ๆ แบบไม่สนกฎเกณฑ์ว่าคุณสมบัติคือไม่เป็นผู้กู้กยศ.?
แล้วลูกข้าราชการ ถ้าเราจำไม่ผิด ข้าราชการสามารถเบิกได้ ถูกไหมครับ?
ก็เลยเกิดความสงสัยครับว่า
1. ถ้าท่านเป็นอาจารย์กรรมการ จะตัดสินเด็กคนหนึ่งว่าฐานะทางบ้านลำบาก เพราะกู้ กยศ. ถ้าไม่กู้คือไม่ลำบากหรือเปล่า
2. ลูกข้าราชการที่ไม่สามารถกู้กยศ. ได้ แต่มีสวัสดิการค่าเล่าเรียนบุตร กับลูกคนค้าขายที่ไม่มีสลิปเงินเดือน ช่วงนี้การเงินกำลังย่ำแย่เพราะพิษเศรษฐกิจ และพ่อแม่ไม่มีสวัสดิการ ถ้าท่านเป็นอาจารย์กรรมการ ท่านคิดว่าใครลำบากกว่ากัน หรือควรได้รับการช่วยเหลือกว่ากันครับ
3. คิดว่าการช่วยนักศึกษาที่คิดว่าตัวเองลำบาก (เพราะกู้กยศ.) จนต้องให้ทุนทั้งที่คุณสมบัติไม่ตรงตามกำหนด (คือห้ามเป็นผู้กู้ กยศ.) เป็นเะรื่องที่สมควรทำหรือเปล่าครับ?
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับท่านที่มาแสดงความเห็นครับ
ป.ล. สมัยเราเรียนเราก็ไม่ได้กู้ กยศ. ครับ ทำงานเก็บเงินส่งตัวเองเรียน แต่ก็ได้ทุนจากมหาวิทยาลัยที่เรียน เลยไม่เข้าใจตรรกะของอาจารย์ในมหาวิทยาที่ต้นเรื่องนี้นัก จึงอยากทราบความเห็นจากท่านอื่น ๆ หน่อยครับ