เป็นคนที่ชอบเล่นกีฬา ชอบทำกิจกรรมต่างๆมากมายค่ะ ที่ผ่านมาเจ็บมากที่สุดก็จะเป็น หัวแตก ซ้น เคล็ด ดามเฝือกอ่อน แต่ไม่เคยบาดเจ็บถึงกระดูกมาก่อนเลยค่ะ
เป็นคนไม่ใส่รองเเท้ามีส้นในชีวิตประจำวันเลยนะคะ ใส่แต่หุ้มส้น หุมข้อ แล้วก็ประเภทรองเท้าเอนกประสงค์ค่ะ แต่ที่เน้นคือ จะต้องมีหัวรองเท้า ป้องกันการบาดเจ็บจากการเตะ หรือ สะดุดค่ะ วันที่เกิดเหตุใส่รองเท้าคู่นี้ค่ะ (รองเท้าหรือยี่ห้อของรองเท้าไม่ได้ทำให้เกิดอุบัติเหตุนะคะ แค่อยากให้เห็นว่า ขนาดใส่รองเท้าแบบนี้ ก็ยังทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ค่ะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จนเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ที่ผ่านมา กำลังเดินอยู่บริเวณพื้นต่างระดับค่ะ เท้าซ้ายเหยียบข้างบนแล้ว เท้าขวาก้าวขึ้นตามไปเหยียบแต่น่าจะหมิ่นขอบค่ะ หันข้างให้กับขั้นของพื้น เท้าขวาพลิกลง ตกพื้นต่างระดับ แล้วตัวเองก็ทับลงอีกทีด้วยน้ำหนัก 60 กิโล เสียงดังกร๊อบบบบบบบบบบบ ดังมากกกกกก เต็ม 2 รูหูเลยค่ะ เจ็บจนจุก น้ำตาเล็ดกันเลย ค่อยๆลุกขึ้นมาถอดรองเท้าถุงเท้าดู ก็เห็นว่ามีปุ่มปูดๆขึ้นมาเลยค่ะ ลองเอานิ้วจิ้มๆ แตะๆดู แข็งโป๊กเลย ยังนึกว่าเป็นเอ็นนะคะ คิด(เข้าข้างตัวเอง)ว่า ดูแล้วน่าจะเคล็ด พลิก น้องๆพนักงานก็บอกว่าเอ็นค่ะ ดีว่าไม่จับโยกแรง แค่จิ้มๆ กดๆดูเฉยๆ ลุกได้ก็โขยกเขยก กระต่ายขาเดียวพร้อมน้ำแข็งก้อนนึงออกมาหาคุณแม่ นั่งได้แป๊บ เริ่มปวดขึ้นเรื่อยๆ ไปหาหมอดีกว่า เพื่อความชัวร์ บอกคุณแม่ ไปโรงพยาบาลแป๊บนะแม่เดี๋ยวมา ก็ขับรถไปเองค่ะ
ด้วยความที่คิดว่า น่าจะแค่พลิก แค่เคล็ด ก็เลยเลือกไปโรงพยาบาลเอกชนค่ะ เพราะพอจะมีประกันอุบัติเหตุอยู่ จะได้สะดวกหน่อย
ขับรถไปถึงโรงพยาบาล หาที่จอดรถก็ยาก วนรอบที่ 1 วนรอบที่ 2 ตอนนี้ปวดมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว วนรอบที่ 3 เจอที่จอดแล้ว แต่ไกลจัง ขับผ่านรปภ. เปิดกระจกบอกเลย ขอรถเข็นด้วยนะคะ คงเดินไม่ไหวแล้ว รปภ.บอก ขับไปจอดหน้าฉุกเฉินเลยได้มั๊ยครับ เดี๋ยวค่อยให้เจ้าหน้าที่ขับมาเก็บให้ ไม่ค่ะ ไม่ขับ ไม่อะไรแล้ว ขอรถเข็นค่ะ
เข้าไปถึงยื่นบัตรประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุให้ค่ะ ถึงเตียงในห้องฉุกเฉิน ดูที่เท้าเป็นอย่างนี้แล้วค่ะ เริ่มตุ่ยขึ้นมากกว่าตอนแรกค่ะ
พยายาลเอาเจลประคบเย็นมาให้ ค่อยยังชั่วค่ะ ซักถามการเกิดเหตุ บลาๆๆๆๆๆๆ คุณหมอห้องฉุกเฉินเดินมาดู ยังถามคุณหมอว่า มันคือเอ็นใช่มั๊ยคะ เพราะจับตรงปูดๆแล้วไม่เจ็บค่ะ คุณหมอบอก ตรงนั้นเป็นโคนนิ้วก้อยครับ มันแตกหักง่าย ต้อง x-ray ดูก่อนนะครับถึงจะทราบ ก็ไป x-ray ค่ะ ออกจากห้อง x-ray รอเจอคุณหมอ มันเจริญเติบโตในอัตราก้าวหน้าที่รวดเร็วมากค่ะ
คุณหมอห้องฉุกเฉินมาแจ้งว่า กระดูกหักนะครับ อาจต้องเข้าเฝือก รอพบแพทย์เฉพาะทางนะครับ ห๊า !!! หักเลยเหรอคะ ถึงตอนนี้คุณแม่ตามมาถึงโรงพยาบาลแล้ว แบบว่าก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นมาก แต่ก็ต้องมาดูลูกอะไรประมาณนี้ พอบอกว่ากระดูกหัก แม่หน้าจ๋อยไปแล้ว เลยบอก คงได้เข้าเฝือกนะแม่ ไม่เป็นไรหรอก คุณแม่เดินไปโทรศัพท์แล้ว
คุณหมอกระดูกเดินเข้ามา สวัสดีครับ ไปทำอะไรมา กระดูกหักเลย หมอคิดว่าเข้าเฝือกน่าจะไม่อยู่ น่าจะต้องผ่านะครับ ห๊าาาาาา !!!!! ต้องผ่าเลยเหรอคะ
คุณหมอเลยควักมือถือออกมา หมอถ่ายรูปมาให้ดูแล้วครับ จะได้เข้าใจนะ
คุณหมอก็อธิบายให้ฟังค่ะว่า มันหักแล้วเคลื่อนออกมาจากที่เยอะมาก การเข้าเฝือก ไม่สามารถทำให้กระดูกชิ้นนี้กลับเข้าที่ได้แน่นอน วิธีการก็คือ ต้องผ่าเพื่อจัดกระดูกให้เข้าที่แล้วใส่สกรูยึดไว้เพื่อช่วยให้กระดูกติดเร็วขึ้น แล้วคุณหมอก็เอารูปถ่ายเคสอื่นให้ดูค่ะ
ซักถามจนเข้าใจแล้วว่า มันคือวิธีที่ดีที่สุด ที่จะทำให้เมื่อหายแล้วจะใกล้เคียงกับปกติที่สุด คุณหมอบอกว่าจะกลับไปคิดก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวหมอใส่เฝือกอ่อนให้ก่อน ไม่ต้องคิดแล้วค่ะ ก็ตกลงผ่าตัดค่ะ
ทีนี้ก็มาเลือกสกรูค่ะว่าจะเลือกแบบ ถอดออก หรือ ไม่ถอด ถ้าแบบถอดก็จะเป็นหัวสกรู ถ้าไม่ถอดก็จะเป็นหัวฝัง ก็จะมีข้อดีข้อเสียต่างกันกันค่ะ (อาจจะมาเพิ่มเติมรายละเอียดทีหลังนะคะ)
ก็เลือกแบบถอดค่ะ เพราะที่ผ่านมาคนรู้จักที่ใส่เหล็กส่วนใหญ่ ก็ต้องมาถอดกันทีหลังเสียมากจากสาเหตุหลายๆอย่าง
คราวนี้ก็มาประมาณการค่ารักษา ห้องธรรมดาเต็ม เหลือแต่ห้อง VIP จากที่ให้ไปเฉพาะประกันชีวิต ก็ขนบัตรทุกใบที่มียื่นให้จ้าหน้าที่เพื่อเช็คสิทธิค่ะ ว่าตังค์พอจ่ายค่ารักษามั๊ย แฮ่
เมืองไทยประกันชีวิต
โตเกียวมารีนประกันชีวิต
บัตรเดบิต ธ.ออมสิน smart life 20,000 บาท
บัตรเดบิต ธ.กสิกร K-max 5,000 บาท
บัตรเดบิต ธ.ไทยพาณิชย์ super debit plus 10,000 บาท
บัตรเดบิต ธ.กรุงเทพ Be 1st smart ศิริราช 5,000 บาท
บัตรเดบิต ธ.กรุงไทย Palladium 20,000 บาท
โอ.เค.ค่ะ ผ่าได้
เดี๋ยวมาเล่าต่อนะคะ
แบ่งปันประสบการณ์ กระดูกโคนนิ้วก้อยเท้าหัก การผ่าตัด การดูแลรักษา และ การประกันอุบัติเหตุค่ะ
เป็นคนไม่ใส่รองเเท้ามีส้นในชีวิตประจำวันเลยนะคะ ใส่แต่หุ้มส้น หุมข้อ แล้วก็ประเภทรองเท้าเอนกประสงค์ค่ะ แต่ที่เน้นคือ จะต้องมีหัวรองเท้า ป้องกันการบาดเจ็บจากการเตะ หรือ สะดุดค่ะ วันที่เกิดเหตุใส่รองเท้าคู่นี้ค่ะ (รองเท้าหรือยี่ห้อของรองเท้าไม่ได้ทำให้เกิดอุบัติเหตุนะคะ แค่อยากให้เห็นว่า ขนาดใส่รองเท้าแบบนี้ ก็ยังทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ค่ะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จนเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม ที่ผ่านมา กำลังเดินอยู่บริเวณพื้นต่างระดับค่ะ เท้าซ้ายเหยียบข้างบนแล้ว เท้าขวาก้าวขึ้นตามไปเหยียบแต่น่าจะหมิ่นขอบค่ะ หันข้างให้กับขั้นของพื้น เท้าขวาพลิกลง ตกพื้นต่างระดับ แล้วตัวเองก็ทับลงอีกทีด้วยน้ำหนัก 60 กิโล เสียงดังกร๊อบบบบบบบบบบบ ดังมากกกกกก เต็ม 2 รูหูเลยค่ะ เจ็บจนจุก น้ำตาเล็ดกันเลย ค่อยๆลุกขึ้นมาถอดรองเท้าถุงเท้าดู ก็เห็นว่ามีปุ่มปูดๆขึ้นมาเลยค่ะ ลองเอานิ้วจิ้มๆ แตะๆดู แข็งโป๊กเลย ยังนึกว่าเป็นเอ็นนะคะ คิด(เข้าข้างตัวเอง)ว่า ดูแล้วน่าจะเคล็ด พลิก น้องๆพนักงานก็บอกว่าเอ็นค่ะ ดีว่าไม่จับโยกแรง แค่จิ้มๆ กดๆดูเฉยๆ ลุกได้ก็โขยกเขยก กระต่ายขาเดียวพร้อมน้ำแข็งก้อนนึงออกมาหาคุณแม่ นั่งได้แป๊บ เริ่มปวดขึ้นเรื่อยๆ ไปหาหมอดีกว่า เพื่อความชัวร์ บอกคุณแม่ ไปโรงพยาบาลแป๊บนะแม่เดี๋ยวมา ก็ขับรถไปเองค่ะ
ด้วยความที่คิดว่า น่าจะแค่พลิก แค่เคล็ด ก็เลยเลือกไปโรงพยาบาลเอกชนค่ะ เพราะพอจะมีประกันอุบัติเหตุอยู่ จะได้สะดวกหน่อย
ขับรถไปถึงโรงพยาบาล หาที่จอดรถก็ยาก วนรอบที่ 1 วนรอบที่ 2 ตอนนี้ปวดมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว วนรอบที่ 3 เจอที่จอดแล้ว แต่ไกลจัง ขับผ่านรปภ. เปิดกระจกบอกเลย ขอรถเข็นด้วยนะคะ คงเดินไม่ไหวแล้ว รปภ.บอก ขับไปจอดหน้าฉุกเฉินเลยได้มั๊ยครับ เดี๋ยวค่อยให้เจ้าหน้าที่ขับมาเก็บให้ ไม่ค่ะ ไม่ขับ ไม่อะไรแล้ว ขอรถเข็นค่ะ
เข้าไปถึงยื่นบัตรประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุให้ค่ะ ถึงเตียงในห้องฉุกเฉิน ดูที่เท้าเป็นอย่างนี้แล้วค่ะ เริ่มตุ่ยขึ้นมากกว่าตอนแรกค่ะ
พยายาลเอาเจลประคบเย็นมาให้ ค่อยยังชั่วค่ะ ซักถามการเกิดเหตุ บลาๆๆๆๆๆๆ คุณหมอห้องฉุกเฉินเดินมาดู ยังถามคุณหมอว่า มันคือเอ็นใช่มั๊ยคะ เพราะจับตรงปูดๆแล้วไม่เจ็บค่ะ คุณหมอบอก ตรงนั้นเป็นโคนนิ้วก้อยครับ มันแตกหักง่าย ต้อง x-ray ดูก่อนนะครับถึงจะทราบ ก็ไป x-ray ค่ะ ออกจากห้อง x-ray รอเจอคุณหมอ มันเจริญเติบโตในอัตราก้าวหน้าที่รวดเร็วมากค่ะ
คุณหมอห้องฉุกเฉินมาแจ้งว่า กระดูกหักนะครับ อาจต้องเข้าเฝือก รอพบแพทย์เฉพาะทางนะครับ ห๊า !!! หักเลยเหรอคะ ถึงตอนนี้คุณแม่ตามมาถึงโรงพยาบาลแล้ว แบบว่าก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นมาก แต่ก็ต้องมาดูลูกอะไรประมาณนี้ พอบอกว่ากระดูกหัก แม่หน้าจ๋อยไปแล้ว เลยบอก คงได้เข้าเฝือกนะแม่ ไม่เป็นไรหรอก คุณแม่เดินไปโทรศัพท์แล้ว
คุณหมอกระดูกเดินเข้ามา สวัสดีครับ ไปทำอะไรมา กระดูกหักเลย หมอคิดว่าเข้าเฝือกน่าจะไม่อยู่ น่าจะต้องผ่านะครับ ห๊าาาาาา !!!!! ต้องผ่าเลยเหรอคะ
คุณหมอเลยควักมือถือออกมา หมอถ่ายรูปมาให้ดูแล้วครับ จะได้เข้าใจนะ
คุณหมอก็อธิบายให้ฟังค่ะว่า มันหักแล้วเคลื่อนออกมาจากที่เยอะมาก การเข้าเฝือก ไม่สามารถทำให้กระดูกชิ้นนี้กลับเข้าที่ได้แน่นอน วิธีการก็คือ ต้องผ่าเพื่อจัดกระดูกให้เข้าที่แล้วใส่สกรูยึดไว้เพื่อช่วยให้กระดูกติดเร็วขึ้น แล้วคุณหมอก็เอารูปถ่ายเคสอื่นให้ดูค่ะ
ซักถามจนเข้าใจแล้วว่า มันคือวิธีที่ดีที่สุด ที่จะทำให้เมื่อหายแล้วจะใกล้เคียงกับปกติที่สุด คุณหมอบอกว่าจะกลับไปคิดก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวหมอใส่เฝือกอ่อนให้ก่อน ไม่ต้องคิดแล้วค่ะ ก็ตกลงผ่าตัดค่ะ
ทีนี้ก็มาเลือกสกรูค่ะว่าจะเลือกแบบ ถอดออก หรือ ไม่ถอด ถ้าแบบถอดก็จะเป็นหัวสกรู ถ้าไม่ถอดก็จะเป็นหัวฝัง ก็จะมีข้อดีข้อเสียต่างกันกันค่ะ (อาจจะมาเพิ่มเติมรายละเอียดทีหลังนะคะ)
ก็เลือกแบบถอดค่ะ เพราะที่ผ่านมาคนรู้จักที่ใส่เหล็กส่วนใหญ่ ก็ต้องมาถอดกันทีหลังเสียมากจากสาเหตุหลายๆอย่าง
คราวนี้ก็มาประมาณการค่ารักษา ห้องธรรมดาเต็ม เหลือแต่ห้อง VIP จากที่ให้ไปเฉพาะประกันชีวิต ก็ขนบัตรทุกใบที่มียื่นให้จ้าหน้าที่เพื่อเช็คสิทธิค่ะ ว่าตังค์พอจ่ายค่ารักษามั๊ย แฮ่
เมืองไทยประกันชีวิต
โตเกียวมารีนประกันชีวิต
บัตรเดบิต ธ.ออมสิน smart life 20,000 บาท
บัตรเดบิต ธ.กสิกร K-max 5,000 บาท
บัตรเดบิต ธ.ไทยพาณิชย์ super debit plus 10,000 บาท
บัตรเดบิต ธ.กรุงเทพ Be 1st smart ศิริราช 5,000 บาท
บัตรเดบิต ธ.กรุงไทย Palladium 20,000 บาท
โอ.เค.ค่ะ ผ่าได้
เดี๋ยวมาเล่าต่อนะคะ