เรื่องเล่าจากหลุมศพ(สุสานศพไร้ญาติ)อยากถามใจคนเป็นพ่อแม่และลูก ปล.มิใช่เรื่องผีนะจ๊ะ

ที่ต้องเป็นชานเรือน กับศาสาประชาคม เราว่านี่คือปัญหาสังคม
กับปัญหาครอบครัวนะ

ปกติเราเป็นคนไม่ชอบตั้งกระทู้ แต่ชอบร้อยเผือกทู้ชาวบ้าน และตั้งใจว่าจะลาออกจากพันทิปถาวร
คือเลิกร้อยเผือก เลิกทุกสิ่ง ไปใช้ชีวิตสงบสุข ดูใจตัวเอง จริงๆ ทู้นี้ก็คิดนานว่าจะตั้งดีมั้ยแต่ก็อยากแบ่งปันนะ
เอาง่ายๆ คือ เมื่อชีวิตถึงจุดเปลี่ยน จากสูงสุดไม่ใช่แค่สู่สามัญ สู่โคลนตมเลยดีกว่า
ทำให้เรารู้สึกว่า ไม่อยากยุ่งกับคน สัจจะธรรมของชีวิต แม้แต่คนใกล้ตัว
ยังโหดร้ายกับเรา ในยามที่เราตกต่ำ เอาเป็นว่าเส้นทางเลยหักเหไปหาคนตาย ด้วยความไม่ตั้งใจ
แต่พอได้รู้เห็น ทำให้เรารู้สึกว่า อยากช่วยเขา (คนตาย )อยากทำอะไรให้เขาบ้าง ทำแล้วมีความสุข
และเขา(คนตายที่ดูน่ากลัว)ไม่เคยทำร้ายเรา เข้าประเด็นดีกว่า

ประเด็นก็คือ ทุกๆ สัปดาห์ เจ้าหน้าที่มูลนิธี จะเอาศพไร้ญาติ จากโรงพยาบาลต่างๆ ในกทม.มาลงหลุม
อาทิตย์ละประมาณ 10-20 ศพ เดือนนึงก็เป็นร้อย เมื่อก่อน เราเคยคิดมาตลอดว่า ศพไร้ญาติ คือคนเร่ร่อน
คนเมาอุบัติเหตุตาย คนถูกฆ่าตายแล้วไร้หลักฐาน
และเป็นคนหนุ่มสาว ที่ออกจากบ้านมาหางานทำไรงี้ พอตายไร้หลักฐาน เลยต้องมาอยู่สุสานศพไร้ญาติ
แต่ความจริงไม่ใช่แบบนั้นเลย 99%ของศพไร้ญาติ คือคนชราค่ะ กับทารกวัยต่างๆ ที่คลอดแล้วตาย
จึงอยากเล่าสู่กันฟังเป็นสองเรื่องใหญ่ๆ คือเรื่องของพ่อแม่กับเรื่องของลูก

เรื่องของพ่อแม่
ศพไร้ญาติส่วนมาก คนชราอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป มาจากบ้านพักคนชรา
และเป็นคนชรา ที่มีชื่อ มีนามสกุล มีที่อยู่ชัดเจน และมีที่มาที่ไป ไม่ใช่คนไร้นามไร้ชื่อไร้บ้าน คนชราเหล่านี้
ทุกคนเป็นพ่อเป็นแม่คน มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง และถูกลูกหลานไม่ก็ญาติพี่น้องเอามาฝากไว้ที่บ้านพักคนชรา
มีการเซ็นต์นำฝากอย่างถูกต้อง แต่ที่แปลกคือ พอคุณพ่อคุณแม่เหล่านั้นเสียชีวิต แจ้งไปทางลูกหลานให้มารับศพ
แต่ปรากฏว่า ไม่มีใครมาติดต่อรบศพ บางศพมีลูกหลายคน ติดต่อไปหาใคร พวกเขาก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เกี่ยงกันมารับบ้าง
สุดท้ายไม่มีใครมารับศพ ทางโรงพยาบาลจะแช่แข็งรอไว้ราว 2 เดือน แช่จนแข็งจนดำเป็นมะขามเปียก
รอจนตู้แช่เขาเต็มล้นทะลัก จนรอไม่ไหว ส่งมาฝังรอต่อที่สุสาน มีหลักฐานชื่อสกุลใครอยู่หลุมไหน
รอว่าเผื่อมีญาติมารับ ทางสุสานจะฝังรออีกสองสามปี จากนั้นจะขุดมาต้มเลาะเนื้อ เก็บกระดูกเขียนชื่อนามสกุล
เลขที่ ที่มา เก็บกระดูกเข้าคลังกระดูกรอญาติอีก เขาพยายามรอกินเวลา 4-5ปี เพื่อให้คุณตาคุณยายได้กลับบ้าน

แต่สุดท้าย ก็ไม่มีใครมารับ จนถึงวันบุญใหญ่ ล้างป่าช้า เขาก็จะเอากระดูกที่ทำความสะอาดรอญาติแล้วญาติไม่มา
จนนาทีสุดท้าย มาเผารวมล้างพื้นที่ เพราะมีศพไร้ญาติอีกมากมายรอคิวเข้ามา สิ่งที่เราสะเทือนใจก็คือ คุณตาคุณยายเหล่านั้น
ท่านจะมาแบบตัวเปล่า มีผ้าผืนเดียวห่อตัว ถูกแช่แข็งนานจนสภาพน่าเศร้า พอเขาเอาออกจากช่องแข็ง ท่านก็จะเริ่มละลาย
เน่าเปื่อยสังขารอนาถ กว่าเจ้าหน้าที่จะมารับตัวไปหลงหลุม ก็เริ่มส่งกลิ่น แมลงวันตอม คือเจ้าหน้าที่เก่งมาก เป็นงานที่เสียสละ
เป็นงานหนักและไม่สวยงาม ศพคนเน่าๆ นี่หนักมากค่ะ ผู้ชายตัวใหญ่สี่คนยก ยังแทบไม่ไหว ไหนจะกลิ่น ไหนจะเลือด
พอมาถึงหลุม เขาจะหาโลงให้นอน หาเสื้อผ้าให้ใส่ ใส่เสื้อผ้าให้แบบไม่รังเกียจ คือทำให้เท่าที่ทำได้ พอได้เห็นแบบนี้
เราเริ่มทำบุญก้บพระกับวัดน้อยลง จะมีเงินไม่มาก ก็เอามาซื้อโรง ซื้อผ้าขาว คือสงสารเขา นึกถึงพ่อแม่เรา

เราเคยคิดว่า ลูกหลานเขาไม่รู้หรือเปล่า แต่หลักฐานต่างๆ มันฟ้องค่ะ ว่ารู้แต่จงใจทิ้งศพพ่อแม่ มีแค่ไม่ถึง 1% ที่ไม่รู้ว่าพ่อแม่ตัวเองตาย
พอรู้เลยมาตามที่สุสาน นอกนั้นรู้ค่ะ แต่จงใจทิ้ง ไม่อยากมารับศพ ไม่อยากเสียเงินเสียทอง ไม่อยากยุ่งยาก และก็ลูกหลายคนเกี่ยงกัน
เราสงสัยว่าใจของคนที่เขาทิ้งศพพ่อแม่ตัวเองได้ เขาต้องทุกข์ระทมมืดดำแค่ไหน หมาตายเรายังเอาไปฝัง
และนี่พ่อแม่ทั้งคน บางคนลูกอยู่เมืองนอก กลับมาลำบาก บอกให้จัดการไปเลย เขาไม่เอาไม่กลับมาจัดการศพ

คนชราบางท่านอายุ90 กว่าปีเป็นศพไร้ญาติ ลูกหลานไม่เอา คือทิ้งให้อยู่บ้านพักคนชรา แล้วยังทิ้งศพอีก
นี่คือโลกอีกด้านหนึ่งของคนไทย ที่ว่าใจบุญ กลัวบาป แต่ด้านหนึงเราหนีปัญหา หลับตาหนีทุกสิ่ง
เราเข้าใจนะบางคนอาจไม่มีเงินทำศพ ไม่มีค่ารถค่ากิน แต่ทางมูลนิธิ เขาก็ไม่ได้ใจดำ
ใครไม่มีเงิน เขาจัดการให้ ทำศพให้ ส่งให้ฟรี ขอแค่มารับกลับไป แต่สุดท้าย ก็ไร้ประโยชน์แม้แต่กระดูกลูกหลานก็ไม่เอา
ถามว่าทำไมต้องเอาไปไว้สุสาน ทำไมไม่เผาไปเลย คือมันทำไม่ได้ มันผิดกฏหมาย ญาติสามารถมาฟ้องย้อนหลังได้
เขาก๋ทำตามกระบวนการกฏหมาย กว่าจะเสร็จสิ้นเผาได้ ก็ใช้เวลาหลายปี ยื้อรอญาติหลายปีมาก
บางคนอาจถามว่า แล้วทำไมไม่ส่งศพกลับไปตามที่อยู่ ตามภูมิลำเนา คือมันทำไม่ได้ จะส่งไปให้ใคร
ส่งไปบ้านผู้ใหญ่บ้านเหรอ ถึงรู้ว่าบ้านอยู่ไหน เป็นพ่อแม่ใคร ก็ส่งไปไม่ได้ ถ้าญาติไม่มาติดต่อรับศพ

บางคนอาจคิดว่า พ่อแม่ต้องเลวร้ายแค่ไหน ลูกถึงทิ้งศพ เราว่าต่อให้เลวไร้ความดี เป็นฆาตรกร100ศพ โหดร้ายทารุณ
ไม่เลี้ยงดู ต่อให้เขาก่อสงครามโลกจนคนตายครึ่งโลก หรือทุบตีเรามาทั้งชีวิต แต่ถ้าเขาตาย เขาคือศพ
ซากศพที่ทำอะไรไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เราอยากรู้ใจคนเป็นลูกว่า
ถ้าเป็นคุณ คุณจะมีเหตุผลอะไร ที่ทำให้ทิ้งศพพ่อแม่ตัวเอง ไปนอนกองอยู่สุสานศพไร้ญาติ

เรื่องของลูก
อันนี้แค่สงสัย ไม่ได้ดราม่านะ เราก็เคารพการตัดสินใจของเพือ่นมนุษย์ทุกคน
ความจริงก็คือ ศพไร้ญาติที่มาสุสาน นอกจากคนชราแล้ว ที่เยอะพอๆ กันคือเด็กทารก
ซึ่งไม่ใช่เด็กจากการทำแท้งนะคะ แต่เป็นเด็กๆ ที่มีปัญหา คือป่วยตาย คลอดแล้วตาย
คลอดได้เดือนสองเดือนตาย ก็เป็นทารกตัวโตๆ มีผ้าห่อ อุ้มได้

การเอาทารกลงหลุม คือสิ่งที่สะเทือนใจที่สุดคือ
เขาเหมือนเด็กหลับ ถูกแช่แข็งตัวแข็ง ส่วนใหญ่เริ่มเน่าเพราะเขาจะแช่แข็งรวมกันไว้
เป็นเดือนๆ พอช่องแข็งเต็มก็ทยอยเอาออกมาฝังที่สุสาน แต่ละสัปดาห์ จะมีศพทารกไม่ต่ำกว่า 10ศพ
แต่ละศพ มีชื่อพ่อแม่แปะติดเป็นเทปเหนียวมาด้วย ชัดเจน มาก ลูกใคร คลอดเมื่อไร ที่ไหน ยังไง
บางศพสมบูรณ์ บางศพคลอดก่อนกำหนด บางศพ คลอดมาได้หลายเดือนแล้ว แต่ป่วยตาย

ประเด็นก็คือ เราอยากถามคนเป็นพ่อเป็นแม่ว่า ถ้าสมุติว่า ถ้าลูกคุณคลอดออกมาตาย หรือป่วยตาย
ตอนเป็นทารก คุณจะเอาศพเขากลับมาฝังมั้ย เจ้าหน้าที่บอกว่า อย่าไปว่าพ่อแม่เขาเลย คนหนุ่มสาว
บางทีเขาตกใจ เขาไม่รู้จะทำยังไง คือทารกเอาไปสวดศพเผาศพก้ไม่ได้ ทำไม่เป็น เขากลัวทำผิดวิธี
สุดท้ายส่วนใหญ่เลยยกศพให้โรงพยาบาลไปจัดการ ลูกใครใครก็รัก พ่อแม่เขาก็เสียใจ

แต่ใจเรา เราคิดว่า เอาเขากลับมามาฝังเถอะค่ะ จะบอกว่าทำไม่เป็น ประกอบพิธีไม่เป็น เอ่อคือ ปากมีมั้ย
ถามพระ ถามสัปเหร่อ หรือการหันหลังทอดทิ้งมันง่าย มันตัดปัญหา ไม่ต้องหันมอง ไม่ต้องเจ็บปวดเสียใจ
ถ้าไม่รู้จะทำยังไง ก็ไปปรึกษาพระ ปรึกษาผู้ใหญ่ อย่าทิ้งเขาไว้โรงพยาบาลเลย เพราะเขาจะไปกองรวมกัน
อยู่ในสุสาน เงียบเหงาวังเวง ถูกทิ้งขว้าง เจ้าหน้าที่อธิบายว่า ลูกตาย ใครก็เสียใจ แต่พ่อแม่มักจะหลับตาหนี
คือ เลือกที่จะหนี ไม่รับรู้จะดีกว่า ยกศพให้โรงพยาบาลไปจัดการ
คือเราจะบอกว่า ลูกของเรา ตายแล้ว ซากนั้นก็คือสายเลือดเรา
เอาเขากลับไปฝังเถอะค่ะ ศพเด็กที่ไปสุสาน จะมีชื่อพ่อแม่เป็นเทปคาดตัวมาด้วย
มีเปเปอร์คล้องศพแจงรายละเอียด ลูกใคร พ่อแม่ชื่อไร
เขาจะฝังไปพร้อมชื่อนามของพ่อแม่ ต่อให้หนีความจริงอย่างไร
ชื่อเรานามเรา เวทนาของเรา ลูกเราก็คือลูกเรา จะถูกฝังลงหลุมไปพร้อมกับซากทารกเหล่านั้น
ถ้าคลอดลูกตาย เอาเขากลับมาฝังเถอะค่ะ มันไม่ได้ได้ยากเย็น ไม่งั้นเขาจะถูกแช่แข็งอยุ่อย่างนั้นเป็นเดือนๆ
และส่งมากองรวมกันอยู่สุสานศพไร้ญาติ

เล่าจบรวดเดียวเพียงเท่านี้ ไม่มีต่อ ขออภัยกับเรื่องราว ที่ไม่งดงาม ไม่จรรโลงใจ
แต่เป็นเรื่องเล่าจากมุมเล็กๆ อีกมุมหนึ่งของโลก หวังว่าจะมีประโยชน์กับกายใจใครหลายๆ คน
และถ้ามันโดนจุดเจ็บในดวงใจ หรือสะเทือนใจใครหลายๆ คน ก็ขออภัยมาณ ที่นี้

ปล.การทำบุญโรงศพ ทำบุญผ้าห่อศพ แม้ผู้ที่ได้ใช้
ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใด แต่สุขนั้นจะก่อเกิดแก่หัวใจเราเต็มเปี่ยม

มาเพิ่มเติมนิดนะคะ หลายท่านอ่านแล้วอยากร่วมทำบุญด้วย
ตอนแรกเราบอกไว้ว่า ใครอยากร่วมบริจาค ให้หลังไมค์มา
ตอนนี้ขอเปลี่ยนแปลงนะคะ ขอโทษจริงๆ ขอไม่บอกละกัน
ว่าเราทำบุญกับอะไร ที่ไหน อย่างไร เพราะเริ่มมีเคสดราม่าหลายเคสแล้ว
คือ หลายท่านกังวลว่า ทำไปแล้ว อะไรยังไง ขอใบโมทนายังไม่ได้
จะเอาไปลดภาษี ขอคำชี้แจงรายละเอียดว่าเอาเงินไปทำอะไร
ที่ไหนบ้าง ขอดูบัญชี คือเราไม่ได้เป็นคนทำเรื่องการเงิน
เราเป็นคนทำบุญตามำลังศรัทธา ช่วยงานด้วยแรงสนับสนุนเบื้อหลัง
คราวนี้ พอเราบอกไป ทำให้เราต้องตามงานตามข้อมูล
คือเพิ่มงานอย่างหนัก
จริงๆ อีกอย่างเกรงใจด้วยค่ะ กลัวทำให้หลายคนไม่สบายใจ
ตามให้ได้ค่ะ แต่เราไม่ค่อยว่าง ไม่ได้ออนไลน์ตลอด
ต้องเดินทาง แล้วอีกอย่าง ถ้าคนไม่เข้าใจระบบการทำงาน
หรือมีระบบระเบียบในการบริจาคของตัวเอง เรากลัวจะไปทำ
ให้คนทำงานเขาเสียหาย กลัวไปทำให้เขาโดนด่า คือเรามาตั้งกระทู้
ก็ด่าเราได้ เพราะเราเลือกเอง แต่ถ้าที่อื่นเสียหาย แทนที่เราจะได้บุญ
มันจิกลายเป็นบาป

เอาเป็นว่า ใครสะดวกทำบุญทำอะไรทีไ่หน ก็ทำตามสะดวก
ขึ้นชื่อว่าบุญ ทำทีไ่หนก็ได้ผลไม่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับเจตนาและความตั้งใจนะเจ้าคะ

หลังจากสุขๆ ทุกข์ๆ กับพันทิปมานาน กระทู้นี้จะเป็นกระทู้สุดท้าย
แล้วเราจะเลิกเข้าพันทิปอย่างถาวร หยุดอ่าน หยุดตอบ หยุดวิพากษ์วิจารณ์
หยุดร้อยเผือกยุ่งเรื่องชาวบ้าน
ที่เรารู้สึกว่า มันไม่ได้ส่งผลดีกับตัวเราเลย บางครั้งการที่เราอยากช่วยเขา
ยุ่งเรื่องเขา มันเป็นการแทรกแซงชะตากรรม กลายเป็นให้เขามาด่ามาว่า ให้ดวงจิตเราเศร้าหมอง

ในนามของความเป็นมนุษย์ การช่วยใคร หรือให้ข้อมูลอะไรกับใคร ก็คงไม่มีใคร
อยากได้อะไรตอบแทนแม้แต่คำขอบคุณ
ได้แต่แค่หวังว่ามันจะเป็นประโยชน์ต่อกายใจ ของใครสักคน แต่วันนี้ เราว่ามันถึงเวลา
ที่ควรหยุดได้แล้ว ถ้าเราหายไป ไม่ตอบหลังไมค์ ก็แปลว่า เราลบทุกอย่างของพันทิป
ออกไปจากชีวิตแล้วจริงๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่