ทำไม? KTC กับ BEAUTY ถึงต่างกัน

Discrimination: บทความนี้ไม่ได้ชี้นำให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ เป้าหมายอธิบายยกตัวอย่างเชิงพื้นฐานแก่เพื่อนนักลงทุนเท่านั้น
***ดังนั้น จึงพิจารณาตัวเลขในอดีตที่ผ่านไปแล้ว (ถึงงบปี 2560) ไม่ใช่ตัวเลขปัจจุบัน***

ก่อนอื่นเรามาพิจารณา ตัวเลขอัตราการเติบโตของ BEAUTY ต้องยอมรับว่า “ดีสุดๆ” รายได้รวมจากปี 2557 มาปี 2560 จาก 1,385ลบ. มาเป็น 3,735ลบ. เติบโตขึ้น 170% ซึ่งก็สะท้อนด้วยราคาหุ้นที่ขึ้นกระหน่ำเช่นกัน ต่อมาเรามาดู ผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ตัวเลขไม่สม่ำเสมอ แต่สูงขึ้นแบบก้าวกระโดดเรื่อยๆ ทุกปี จาก 28% มาเป็น 81% !!! ซึ่งถ้าจะเลือกค่าตัวแทนมาใช้ประมาณราคาก็คงตัดสินใจยากน่าดู

สับมาดูฝั่ง KTC กันบ้าง ตัวเลขอัตราการเติบโตของรายได้รวมจากปี 2557 มาปี 2560 เป็น 12,497ลบ. มาเป็น 16,531ลบ. เติบโตขึ้น 32% ดูตัวเลขในแต่ละปีสม่ำเสมอ ไม่หวือหวามาก พิจารณา ROE ของ KTC ตัวเลขสม่ำเสมอ ในช่วง 26-29%

พิจารณาความถูกแพง เริ่มจาก BEAUTY ก่อน PE สูงขึ้นเรื่อยๆ จากการเติบโตด้านต่างๆ ของบริษัท ปี 2557 มาปี 2560 อยู่ที่ 40 ไปถึง 62เท่า PB จาก 10 ขึ้นไปถึง 48เท่า (ไม่ธรรมดาจริงๆ)

กลับมา KTC กันต่อ PE ในปี 2557 ไปปี 2560 จาก 10เท่า ไปเป็น 16เท่า และ PB จาก 2 ไปเป็น 4เท่า

ถ้าพิจารณาตามนี้ ผมคงไม่สรุปว่าอะไรดีกว่าอะไร แต่ทุกคนก็คงพอจะเห็นภาพว่า “มันต่างกันจริงๆ” อะไรจะพอยืนอยู่ได้ และอะไรที่จะยืนอยู่ได้ยาก

https://www.facebook.com/worklifebalance.thailand/

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่