สวัสดีครับเพื่อนๆพี่ๆนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนออมหุ้น CDA ทุกท่าน
ช่วงนี้พอร์ตแดงๆ หุ้นตกทุกวัน....ผมก็มานั่งทบทวนแนวทางการลงทุนในช่วงนี้ซื่งมีแต่ข่าวร้ายเต็มตลาด ....ตลาดหุ้นมีแต่ความอึมครึม ไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงเลย มืดสนิท จิตใจซึมเศร้า
กูรูหลายๆท่านก็บอกว่าจะเกิดวิกฤติการเงินบ้างหละ สงครามการค้าจะทำให้เศรษฐกิจโลกย่ำแย่บ้างหละ เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยคนจะขายหุ้นไปซื้อพันธบัตรบ้างหละ แล้วนักลงทุนแบบผมจะทำตัวยังไงในภาวะตลาดแบบนี้???? ก็มีคำถามขึ้นในใจมากมาย....เอาไงดีนี่!!!!
- ลดพอร์ต (ยอมคัทลอส) แล้วรอให้เห็นแสงสว่างปลายอุโมงแล้วค่อยกลับมาเก็บหุ้นดีมั้ย?
- แต่เราลงทุนหวังผลระยะยาว หลายๆปี ...ถ้าคัทลอสตามภาวะตลาดก็จะกลายเป็นว่าลงทุนระยะสั้นไปสิ?
- หรือว่าเราเป็นนักลงทุนระยะยาว หุ้นตกหนักๆ หุ้นราคาถูกๆ น่าจะเป็นโอกาสดีซื้อหุ้นถูกๆหรือเปล่า?..... แต่ถูกแล้ว มีถูกกว่าจะทำยังไงดี?
- เขาว่าทุกวิกฤติมีโอกาส ...เป็นโอกาส หรือ ฝันร้ายน้อ????
- แล้วหุ้นอีกกี่ปีถึงจะกลับมาขึ้นอีกน้อ? 1 ปี 2 ปี 3 ปี... ( คิดว่าน่าจะไม่นานเป็นปีสองปีนะ? แล้วช่วงนี้น่าทยอยออมหุ้นมั้ย?? )
- แล้วถ้าไม่ถึงปีหุ้นกลับมาขึ้นอีกรอบละ... ถ้าซื้อช่วงนี้ก็เป็นโอกาสได้กำไรงามๆใช่มั้ย???
- ซื้อช่วงนี้จะติดดอยนานมั้ย???
????????????? มีคำถามในใจมากมาย เอาไงดี
สำหรับความเห็นของผม ผมเป็นนักลงทุนระยะยาว จะลงทุนแแนวการออมหุ้น DCA หวังผลระยะยาวหลายๆปีอยู่แล้ว เลือกลงทุนหุ้นพื้นฐานดีๆ หุ้นที่เติบโตสูง จะลงทุนหวังผลระยะยาว ช่วงหุ้นตกหนักๆแบบนี้ก็เป็นโอกาสเก็บหุ้นในดวงใจที่มีราคาถูกลงมาจากช่วงปรกติมากๆ .. แต่ปัญหาคือเงินออมมีพอเก็บเพิ่มได้แค่ไหน? ...ซื้อแล้วลง ลงแล้วลงอีกจะทำยังไง? ..ต้องทยอยเก็บหลายๆไม้ ตามหน้าตักที่มี หมดเงินก็หยุดซื้อ
ช่วงนี้ก็ยัง DCA ทุกๆเดือนเหมือนเดิม แต่ผมจะได้จำนวนหุ้นมากขึ้นเพราะราคาหุ้นตกลงมาเยอะ ...(มีวินัยเหมือนเดิม)
ปรับพอร์ตหุ้นบางตัวที่มีในพอร์ตที่อาจจะเลือกหุ้นผิดก็ดี การเติบโตเปลี่ยนไปจากที่เราคาดหวังก็ดี... ขายลดพอร์ตออกไปบ้าง เอาเงินไปเก็บหุ้นที่ลงมาเยอะๆ และคิดว่าพื้นฐานดีกว่า มีโอกาสรีบาวด์ได้เร็วกว่า...ซื้อแล้วก็ใจเย็นๆ รอไปเรื่อยๆ หุ้นไม่ขึ้นก็ยังมีเงินปันผลรายปีให้เราเป็นผลตอบแทน ที่สำคัญต้องดูว่าหุ้นที่เราจะ DCA พื้นฐานยังดีอยู่เหมือนเดิมมั้ย ถ้ายังดีเหมือนเดิม แต่ช่วงนี้มีข่าวร้าย หุ้นตกแรงๆ ...ผมว่าเป็นโอกาสเก็บหุ้นราคาถูกไว้รอเด้งนะครับ
อย่างหุ้นหลักในพอร์ตของผม AOT ก่อนที่เรือท่องเที่ยวชาวจีนจะล่มมีคนตายเยอะ กำไรมีอยู่ปนชระมาณ 20% วันนี้เหลือแค่ 3 % แต่ก็ไม่ตกใจนะครับเพราะผมคิดว่าเป็นการตกลงชั่วคราว แต่พื้นฐานยังดี และมีอนาคตดีอยู่ ผมก็สวิตซ์ขายหุ้นบางตัวขายออก มาเก็บ AOT เพิ่ม ยิ่งลงเยอะ อนาคตก็น่าจะได้กำไรเยอะขึ้นไปอีก (ความหวัง)
ผมว่าการลงทุนระยะยาว ไม่ว่าหุ้นจะขึ้นจะลง ก็สามารถหาจังหวะ หาโอกาสในการลงทุนได้มากกว่านักลงทุนระยะสั้นนะครับ
เป้นกำลังใจให้นักลงทุนทุกๆท่านนะครับ สู้ๆๆๆ ครับ
ผมอยากจะบอกว่า...จากประสบการณ์การทำงานกินเงินเดือน ก็มีรายได้เลี้ยงดูครอบครัวได้ดีพอสมควร มีความสุข มีเงินซื้อบ้านซื้อรถ มีเงินเก็บบ้าง แต่ก็ไม่สามารถมีอิสสระภาพทางการเงินได้ มีเงินเก็น เงินออมที่ไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มได้มากเท่าที่ควร หักกลบกับค่าของเงินที่ลดลงก็เพิ่มนิดหน่อย ....หากผมเกษียณก็มีเงินก้อนๆหนึ่งคงพอใช้จ่ายได้ไม่กี่ปี และคงไม่พอใช้จ่ายหลังเกษียณแน่นอน คงต้องอาศัยเงินเดือนลูกๆให้ใช้จ่ายรายเดือนเพิ่มเติม ...เพราะเงินออมที่มีไม่พอจะยังชีพแบบมีอิสสระภาพทางการเงินได้!!!
แต่หลังจากที่ผมได้ DCA ก่อนเกษียณงานประมาณ 5-6 ปี เงินออมก็เพิ่มขึ้นมากพอสมควร ประจวบกับตอนที่ลงทุนนั้หุ้นอยู่ที่ 800 จุดช่วงซับไพร์ม ถือเป้นโชคดี ก็มีเงินก้อนจากการเกษียณมาลงทุนด้วย หลังจากนั้นอีก 4-5 ให้เงินทำงานแทนเรามาเรื่อยๆ จนปัจจุบันก็พอจะมีอิสสระภาพทางการเงินได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่มาก เพียงใช้จ่ายอย่างประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือยก็อยู่ได้ครับ โดยไม่ต้องอาศัยเงินเดือนของลูกๆจะเลี้ยงดูเรา ..ให้ลูกๆเก็บเงินที่เหลือใช้จ่าย เอามาลงทุนหุ้นสร้างฐานะทางการเงินของลูกๆไป โดยแนะนำให้ลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีๆ ลงทุนยาวๆ แต่ไม่ได้ DCA ทุกเดือนเหมือนผม พอร์ตก็เติบโตได้ดีในระดับหนึ่งครับ
การจะมีอิสสระภาพทางการเงินได้วิธีหนึ่งก็คือ .....
การออมเงินอย่างมีระบบ และให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบึยเงินฝากประจำหลายๆ% ไม่ว่าจะเป็นหุ้น หรือกองทุนหุ้น และให้ดอกเบี้ยทบต้นทำงานไปเรื่อยๆ ก็สามารถมีอิสสระภาพทางการเงินได้ ยิ่งสามารถ DCA ได้ตั้งแต่อายุน้อยๆ ยิ่งจะสามารถมีอิสสระภาพทางการเงินได้เร็วกว่าคนที่ DCA ช้า (รวมทั้งหากมีเม็ดเงินที่ จะ DCA มากหน่อยด้วย ยิ่งมากยิ่งถึงเป้าหมายได้เร็วกว่ามีเงินออมหน้อย)
ถามว่าลงทุน DCA มีแต่กำไรเหรอ???
การลงทุนของผมๆลงทุนทั้ง DCA โดยซื้อประจำทุกๆเดือน และซื้อขายเองด้วยเป็นหุ้นตัวเดียวกับหุ้นที่ DCA แต่จะแบ่งซื้อแบ่งขายทำกำไรออกไปบ้างตามความเหมาะสม พอร์ตส่วนใหญ่จะเป็นพอร์ตที่ผมซื้อขายเองมากกว่าพอร์ต DCA ...การลงทุนมีทั้งกำไรและขาดทุน แต่ส่วนใหญ่ก็ได้กำไรมากกว่าขาดทุน ..หากจำเป็นต้องคัทลอส ผมจะไม่เครียดเพราะพยายามให้มีกำไรมากกว่าคัทลอส....การลงทุนมีความเสี่ยง บางครั้งก็เลือกหุ้นผิด คิดผิด เข้าจังหวะผิด ฯลฯ ผมก็ยอมคัทลอสครับ ต้องรู้จักยอมแพ้ ถ้าเราคิดผิด แต่ก็จะมองการลงทุนเป็นรายปีให้มีกำไรมากมากกว่าขาดทุน บางปีก็กำไรมาก บางปีก็กำไรน้อย ...แต่ผลขาดทุนเทียบกับกำไรที่ผ่านมาก็ไขาดทุนม่น้อยเหมือนกันครับ ขาดทุนประมาณ 10% เทียบกับกำไรทั้งหมดครับ
จะเห็นว่าหุ้นที่ขาดทุน ส่วนใหญ่เป็นหุ้นเล็กๆ แม้พื้นฐานดี แต่ผมเข้าผิดรอบ เข้าแล้วกำไรลดลงมากเช่น BLA เพราะต้องสำรองหนี้สินเพิ่มบ้าง คู่แข่งเริ่มมีมากขึ้นบ้าง รายได้ลดลงเพราะการโฆษณาลูกค้าน้อยลง ...เข่น MACO VGI อีกหลายๆหุ้นก็เป็นหุ้นเก่าๆที่ขาดทุนมานานแล้วเพิ่งมาคัทลอส ที่มาลงทุนรอบหลังเช่น CCET-W1
ตอนนี้พอร์ตลงทุนก็ปรับเปลี่ยนไปเยอะ มาเน้นๆ AOT และ CPALL มากสุด เพราะคิดว่าปลอดภัยที่สุดช่วงที่ตลาดหุ้นมืดมน ยังคงประคองกิจการไปได้ไม่ยากครับ
EA กับ BEAUTY ที่มีสัดส่วนที่สูงตอนสิ้นปี 2560 เป็นหุ้นที่ไม่ได้ซื้อแบบ DCA ( พอร์ตที่ DCA EA กับ Beauty มีน้อยมาก เพราะเพิ่งจะ DCA ) แต่เป็นหุ้นในพอร์ตที่ซื้อขายเอง และนับว่าโชคดีได้ที่ได้ขายทำกำไรไปเกือบหมดรอบหนึ่งแล้วช่วงหุ้นปรับตัวขึ้นตอนต้นปี ...แล้วผมก็กลับทยอยซื้อคืนภายหลัง หุ้น EA ตอนนั้นกำไรเยอะ (ซื้อคืนมาอีกนิดหน่อย) แต่ Beauty กำไรก็เยอะ แต่ซื้อคืนมาเยอะ...ตอนนี้ก็เลยขาดทุนในพอร์ตเพอสมควร รอลุ้นว่าจะเด้งได้แค่ไหน เด้งมากก็กำไรเด้งน้อยก็ขาดทุนนิดหน่อย
ส่วนพอร์ตที่ DCA EA กับ Beauty มีน้อยมาก เพราะเพิ่งจะ DCA และคัทลอส Beauty ไปแล้ว ขาดทุนประมาณ 1 แสน
ส่วนพอร์ตที่ DCA อยู่ก็ยังไม่กระทบมากนัก กำไรลดลงพอควร แต่หุ้นหลักๆไม่ได้ลงมากนัก ก็พยุงพอร์ตได้อยู่ครับ
มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะครับ จะได้ลืมความเครียดหุ้นตกๆ ไม่มีผิด ไม่มีถูก เป็นความเห็นเฉพาะตัวนะครับ
ช่วงหุ้นตกๆ หุ้นซึมๆ ไม่มีข่าวดี มีแต่ข่าวร้ายเต็มตลาด นักลงทุนแนว DCA ควรรอให้ตลาดฟื้นค่อยเข้าซื้อดีกว่ามั้ย????
ช่วงนี้พอร์ตแดงๆ หุ้นตกทุกวัน....ผมก็มานั่งทบทวนแนวทางการลงทุนในช่วงนี้ซื่งมีแต่ข่าวร้ายเต็มตลาด ....ตลาดหุ้นมีแต่ความอึมครึม ไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงเลย มืดสนิท จิตใจซึมเศร้า
กูรูหลายๆท่านก็บอกว่าจะเกิดวิกฤติการเงินบ้างหละ สงครามการค้าจะทำให้เศรษฐกิจโลกย่ำแย่บ้างหละ เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยคนจะขายหุ้นไปซื้อพันธบัตรบ้างหละ แล้วนักลงทุนแบบผมจะทำตัวยังไงในภาวะตลาดแบบนี้???? ก็มีคำถามขึ้นในใจมากมาย....เอาไงดีนี่!!!!
- ลดพอร์ต (ยอมคัทลอส) แล้วรอให้เห็นแสงสว่างปลายอุโมงแล้วค่อยกลับมาเก็บหุ้นดีมั้ย?
- แต่เราลงทุนหวังผลระยะยาว หลายๆปี ...ถ้าคัทลอสตามภาวะตลาดก็จะกลายเป็นว่าลงทุนระยะสั้นไปสิ?
- หรือว่าเราเป็นนักลงทุนระยะยาว หุ้นตกหนักๆ หุ้นราคาถูกๆ น่าจะเป็นโอกาสดีซื้อหุ้นถูกๆหรือเปล่า?..... แต่ถูกแล้ว มีถูกกว่าจะทำยังไงดี?
- เขาว่าทุกวิกฤติมีโอกาส ...เป็นโอกาส หรือ ฝันร้ายน้อ????
- แล้วหุ้นอีกกี่ปีถึงจะกลับมาขึ้นอีกน้อ? 1 ปี 2 ปี 3 ปี... ( คิดว่าน่าจะไม่นานเป็นปีสองปีนะ? แล้วช่วงนี้น่าทยอยออมหุ้นมั้ย?? )
- แล้วถ้าไม่ถึงปีหุ้นกลับมาขึ้นอีกรอบละ... ถ้าซื้อช่วงนี้ก็เป็นโอกาสได้กำไรงามๆใช่มั้ย???
- ซื้อช่วงนี้จะติดดอยนานมั้ย???
????????????? มีคำถามในใจมากมาย เอาไงดี
สำหรับความเห็นของผม ผมเป็นนักลงทุนระยะยาว จะลงทุนแแนวการออมหุ้น DCA หวังผลระยะยาวหลายๆปีอยู่แล้ว เลือกลงทุนหุ้นพื้นฐานดีๆ หุ้นที่เติบโตสูง จะลงทุนหวังผลระยะยาว ช่วงหุ้นตกหนักๆแบบนี้ก็เป็นโอกาสเก็บหุ้นในดวงใจที่มีราคาถูกลงมาจากช่วงปรกติมากๆ .. แต่ปัญหาคือเงินออมมีพอเก็บเพิ่มได้แค่ไหน? ...ซื้อแล้วลง ลงแล้วลงอีกจะทำยังไง? ..ต้องทยอยเก็บหลายๆไม้ ตามหน้าตักที่มี หมดเงินก็หยุดซื้อ
ช่วงนี้ก็ยัง DCA ทุกๆเดือนเหมือนเดิม แต่ผมจะได้จำนวนหุ้นมากขึ้นเพราะราคาหุ้นตกลงมาเยอะ ...(มีวินัยเหมือนเดิม)
ปรับพอร์ตหุ้นบางตัวที่มีในพอร์ตที่อาจจะเลือกหุ้นผิดก็ดี การเติบโตเปลี่ยนไปจากที่เราคาดหวังก็ดี... ขายลดพอร์ตออกไปบ้าง เอาเงินไปเก็บหุ้นที่ลงมาเยอะๆ และคิดว่าพื้นฐานดีกว่า มีโอกาสรีบาวด์ได้เร็วกว่า...ซื้อแล้วก็ใจเย็นๆ รอไปเรื่อยๆ หุ้นไม่ขึ้นก็ยังมีเงินปันผลรายปีให้เราเป็นผลตอบแทน ที่สำคัญต้องดูว่าหุ้นที่เราจะ DCA พื้นฐานยังดีอยู่เหมือนเดิมมั้ย ถ้ายังดีเหมือนเดิม แต่ช่วงนี้มีข่าวร้าย หุ้นตกแรงๆ ...ผมว่าเป็นโอกาสเก็บหุ้นราคาถูกไว้รอเด้งนะครับ
อย่างหุ้นหลักในพอร์ตของผม AOT ก่อนที่เรือท่องเที่ยวชาวจีนจะล่มมีคนตายเยอะ กำไรมีอยู่ปนชระมาณ 20% วันนี้เหลือแค่ 3 % แต่ก็ไม่ตกใจนะครับเพราะผมคิดว่าเป็นการตกลงชั่วคราว แต่พื้นฐานยังดี และมีอนาคตดีอยู่ ผมก็สวิตซ์ขายหุ้นบางตัวขายออก มาเก็บ AOT เพิ่ม ยิ่งลงเยอะ อนาคตก็น่าจะได้กำไรเยอะขึ้นไปอีก (ความหวัง)
ผมว่าการลงทุนระยะยาว ไม่ว่าหุ้นจะขึ้นจะลง ก็สามารถหาจังหวะ หาโอกาสในการลงทุนได้มากกว่านักลงทุนระยะสั้นนะครับ
เป้นกำลังใจให้นักลงทุนทุกๆท่านนะครับ สู้ๆๆๆ ครับ
ผมอยากจะบอกว่า...จากประสบการณ์การทำงานกินเงินเดือน ก็มีรายได้เลี้ยงดูครอบครัวได้ดีพอสมควร มีความสุข มีเงินซื้อบ้านซื้อรถ มีเงินเก็บบ้าง แต่ก็ไม่สามารถมีอิสสระภาพทางการเงินได้ มีเงินเก็น เงินออมที่ไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มได้มากเท่าที่ควร หักกลบกับค่าของเงินที่ลดลงก็เพิ่มนิดหน่อย ....หากผมเกษียณก็มีเงินก้อนๆหนึ่งคงพอใช้จ่ายได้ไม่กี่ปี และคงไม่พอใช้จ่ายหลังเกษียณแน่นอน คงต้องอาศัยเงินเดือนลูกๆให้ใช้จ่ายรายเดือนเพิ่มเติม ...เพราะเงินออมที่มีไม่พอจะยังชีพแบบมีอิสสระภาพทางการเงินได้!!!
แต่หลังจากที่ผมได้ DCA ก่อนเกษียณงานประมาณ 5-6 ปี เงินออมก็เพิ่มขึ้นมากพอสมควร ประจวบกับตอนที่ลงทุนนั้หุ้นอยู่ที่ 800 จุดช่วงซับไพร์ม ถือเป้นโชคดี ก็มีเงินก้อนจากการเกษียณมาลงทุนด้วย หลังจากนั้นอีก 4-5 ให้เงินทำงานแทนเรามาเรื่อยๆ จนปัจจุบันก็พอจะมีอิสสระภาพทางการเงินได้ในระดับหนึ่ง แต่ไม่มาก เพียงใช้จ่ายอย่างประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือยก็อยู่ได้ครับ โดยไม่ต้องอาศัยเงินเดือนของลูกๆจะเลี้ยงดูเรา ..ให้ลูกๆเก็บเงินที่เหลือใช้จ่าย เอามาลงทุนหุ้นสร้างฐานะทางการเงินของลูกๆไป โดยแนะนำให้ลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีๆ ลงทุนยาวๆ แต่ไม่ได้ DCA ทุกเดือนเหมือนผม พอร์ตก็เติบโตได้ดีในระดับหนึ่งครับ
การจะมีอิสสระภาพทางการเงินได้วิธีหนึ่งก็คือ .....การออมเงินอย่างมีระบบ และให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบึยเงินฝากประจำหลายๆ% ไม่ว่าจะเป็นหุ้น หรือกองทุนหุ้น และให้ดอกเบี้ยทบต้นทำงานไปเรื่อยๆ ก็สามารถมีอิสสระภาพทางการเงินได้ ยิ่งสามารถ DCA ได้ตั้งแต่อายุน้อยๆ ยิ่งจะสามารถมีอิสสระภาพทางการเงินได้เร็วกว่าคนที่ DCA ช้า (รวมทั้งหากมีเม็ดเงินที่ จะ DCA มากหน่อยด้วย ยิ่งมากยิ่งถึงเป้าหมายได้เร็วกว่ามีเงินออมหน้อย)
ถามว่าลงทุน DCA มีแต่กำไรเหรอ???
การลงทุนของผมๆลงทุนทั้ง DCA โดยซื้อประจำทุกๆเดือน และซื้อขายเองด้วยเป็นหุ้นตัวเดียวกับหุ้นที่ DCA แต่จะแบ่งซื้อแบ่งขายทำกำไรออกไปบ้างตามความเหมาะสม พอร์ตส่วนใหญ่จะเป็นพอร์ตที่ผมซื้อขายเองมากกว่าพอร์ต DCA ...การลงทุนมีทั้งกำไรและขาดทุน แต่ส่วนใหญ่ก็ได้กำไรมากกว่าขาดทุน ..หากจำเป็นต้องคัทลอส ผมจะไม่เครียดเพราะพยายามให้มีกำไรมากกว่าคัทลอส....การลงทุนมีความเสี่ยง บางครั้งก็เลือกหุ้นผิด คิดผิด เข้าจังหวะผิด ฯลฯ ผมก็ยอมคัทลอสครับ ต้องรู้จักยอมแพ้ ถ้าเราคิดผิด แต่ก็จะมองการลงทุนเป็นรายปีให้มีกำไรมากมากกว่าขาดทุน บางปีก็กำไรมาก บางปีก็กำไรน้อย ...แต่ผลขาดทุนเทียบกับกำไรที่ผ่านมาก็ไขาดทุนม่น้อยเหมือนกันครับ ขาดทุนประมาณ 10% เทียบกับกำไรทั้งหมดครับ
จะเห็นว่าหุ้นที่ขาดทุน ส่วนใหญ่เป็นหุ้นเล็กๆ แม้พื้นฐานดี แต่ผมเข้าผิดรอบ เข้าแล้วกำไรลดลงมากเช่น BLA เพราะต้องสำรองหนี้สินเพิ่มบ้าง คู่แข่งเริ่มมีมากขึ้นบ้าง รายได้ลดลงเพราะการโฆษณาลูกค้าน้อยลง ...เข่น MACO VGI อีกหลายๆหุ้นก็เป็นหุ้นเก่าๆที่ขาดทุนมานานแล้วเพิ่งมาคัทลอส ที่มาลงทุนรอบหลังเช่น CCET-W1
ตอนนี้พอร์ตลงทุนก็ปรับเปลี่ยนไปเยอะ มาเน้นๆ AOT และ CPALL มากสุด เพราะคิดว่าปลอดภัยที่สุดช่วงที่ตลาดหุ้นมืดมน ยังคงประคองกิจการไปได้ไม่ยากครับ
EA กับ BEAUTY ที่มีสัดส่วนที่สูงตอนสิ้นปี 2560 เป็นหุ้นที่ไม่ได้ซื้อแบบ DCA ( พอร์ตที่ DCA EA กับ Beauty มีน้อยมาก เพราะเพิ่งจะ DCA ) แต่เป็นหุ้นในพอร์ตที่ซื้อขายเอง และนับว่าโชคดีได้ที่ได้ขายทำกำไรไปเกือบหมดรอบหนึ่งแล้วช่วงหุ้นปรับตัวขึ้นตอนต้นปี ...แล้วผมก็กลับทยอยซื้อคืนภายหลัง หุ้น EA ตอนนั้นกำไรเยอะ (ซื้อคืนมาอีกนิดหน่อย) แต่ Beauty กำไรก็เยอะ แต่ซื้อคืนมาเยอะ...ตอนนี้ก็เลยขาดทุนในพอร์ตเพอสมควร รอลุ้นว่าจะเด้งได้แค่ไหน เด้งมากก็กำไรเด้งน้อยก็ขาดทุนนิดหน่อย
ส่วนพอร์ตที่ DCA EA กับ Beauty มีน้อยมาก เพราะเพิ่งจะ DCA และคัทลอส Beauty ไปแล้ว ขาดทุนประมาณ 1 แสน
ส่วนพอร์ตที่ DCA อยู่ก็ยังไม่กระทบมากนัก กำไรลดลงพอควร แต่หุ้นหลักๆไม่ได้ลงมากนัก ก็พยุงพอร์ตได้อยู่ครับ
มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะครับ จะได้ลืมความเครียดหุ้นตกๆ ไม่มีผิด ไม่มีถูก เป็นความเห็นเฉพาะตัวนะครับ