[CR] เครื่องบันทึกความทรงจำ "พาราณสี โกลกาต้า คยา"


สวัสดีครับ ผมเป็นคนนึงที่สิงอยู่ในพันทิปมานานก็เกือบ 10 ปี และสิงตามห้องต่างๆ ก็หลายห้อง ห่างหายจากรีวิวมานาน วันนี้อยากจะรีวิวและแบ่งปันภาพสถานที่ที่ผมได้เคยเดินทางมา ครั้งนี้ผมได้ไปประเทศอินเดีย ไปมาในช่วงเมษาฯ อินเดียผมไปมาเป็นครั้งที่ 2 ผมคิดว่าอินเดียเป็นประเทศแห่งความมีชีวิตและความหลากหลาย และผมเชื่อว่าการเดินทางไปในที่ต่างๆ แม้บางที่จะไม่สะดวกสบายแต่ทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งๆ ต่างผ่านการเดินทางไปในแต่ละสถานที่ คัรั้งนี้ผมไปชาวเเก๊งค์ที่นัดเดินทางไปด้วยกันบ่อยๆ มีชาวไทย 4 คน คนอินเดีย 1 คน และต้องขอบคุณเพื่อนชาวอินเดียคนนี้ที่เป็นธุระจัดการเรื่องต่างๆในทริปนี้ทำให้สะดวกสบายมากขึ้น  โดยครั้งนี้สถานที่ที่เลือกไปคือ อินเดียโซนตะวันออก ไปทั้งสามเมืองหลักคือ พาราณสี โกลกาต้า คยา
โดยแพลนการเดินทางคือ บินตรงด้วยสายการบิน Indigo จากสนามบินสุวรรณภูมิ ลงที่ เมืองโกลกาต้า (Koltata) แล้วนั่งรถไฟไปที่เมือง พาราณสี ดินแดนที่เก่าแแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นไปด้วยกลิ่นอายประวัติศาสตร์และความเชื่อทางศาสนา เป็นดินแดนแห่งศรัทธาและชีวิต จากนั้นก็นั่งรถไฟมาต่อที่เมืองคยา (Gaya) ซึ่งเป็นเมืองหนึ่งในรัฐพิหาร เป็นหนึ่งในรัฐที่ยากจนที่สุดในประเทศอินเดีย และเป็นที่ตั้งสำคัญของ landmark ที่จะไปคือ "พุทธคยา" ซึ่งมีต้นโพธิ์ที่แตกหน่อมาจากต้นโพธิ์สมัยพุทธเจ้ายังมีชีวิตอยู่ และเป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้   จากนั้นเราก็ย้อนกลับไปที่เมืองสุดท้ายคือ โกลกาต้า (kolkata) ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับหนึ่งของรัฐเบงกอลตะวันออก (East bangol)

พอมาถึงสนามบิน โกลกัลต้า เราก็เหมารถไปต่อที่สถานนี้รถไฟโกลกัลต้า ซึ่งตอนออกมาจารจรติดขัดมากแต่โชคดีที่ถึงที่หมายทันเวลา ทันรอบรถไฟที่เราจองไว้พอดี

พร้อมขึ้นรถไฟจ้าาา โดยสารรถไฟครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมงเศษ ดีที่เป็นรอบคํ่าเราก็นอนๆ ยาวๆ สบายๆ ตื่นเช้ามาก็ถึงพาราณสี พอดี

บรรกาศในรถไฟอินเดีย ในตอนเช้า



มื้อแรกอาหารอินเดียบนรถไฟ   ..... ถ้าถามถึงรสชาติเหรอ ? ........เห้อ..... แต่กินพอประทังความหิวครับ


ถึงแล้ววววววว สถานนีรถไฟพาราณสี ดินแดน 4,000 ปี ลงจากรถไฟปุป เจอคนเยอะสัส และร้อนน เราก็รีบหารถเหมาไปโรงแรมทันที ซึ่งโรงแรมที่เราจองชื่อ กัปปาติ ติดแม่นำ้คงคา พอดี สะดวกในการเดินชิคๆ คูลๆ แถวนั้นด้วย



บรรยากาศรอบๆ เมือง พาราณสี (Varanasi)












ทั้งคนทั้งสัตว์อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข





กิจกรรมที่พลาดไม่ได้นอกจากเดินชอปปิ้ง และเดินชิคๆ คูลๆ เมืองแขกคือ ล่องแม่นำ้คงคา อันศักดิ์สิทธิ์  ซึ่งชาวฮินดูเชื่อว่าแม่นำ้คงคาเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ เรียกชื่อตามนามของพระแม่คงคา พระชายาของพระศิวะ ชาวฮินดูอาบน้ำในแม่น้ำแห่งนี้เพราะความเชื่อว่าจะทำให้จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ทุกวันชาวอินเดียนับล้านคนจะมาที่ริมฝังแม่น้ำคงคาเพื่อทำการอาบน้ำ และดื่มกินน่ำจากในแม่น้ำคงคา รวมถึงการเผาศพที่ริมฝังน้ำด้วยและโปรยขี้เถ้าลงในน้ำ  แค่คิดก็ขนลุกและสยอง แต่ไปเจอจริงๆ ก็หาเป็นเช่นนั้นไม่  เราเชื่อว่าทุกการเดินทาง เราเจอความแตกต่างและเรียนรู้ในวิถีชิวิตของผู้คน  ....และกิจกรรมที่พลาดไม่ได้คือ ล่องเรือแม่นำ้คงคา โดยมีเรือรับจ้างเยอะมาก แต่ต้องต่อราคากันให้แน่ชัดดีๆ มิเช่นนั้นจะถูกแขกโกงเอาได้ 555+

บรรยากาศ แม่นำ้คงคา ....











ต่อมากิจกรรมสุด Exclusive คือ ไกด์ของเราและเพื่อนชาวอินเดีย แนะนำว่าไหนๆ มาทั้งที you ลองไปจุ่มและสัมผัสแม่นำ้คงคาดูหน่อยสิ ...ซึ่งก็ทำใจอยู่สักซัก ....แล้วพูดในใจ เชี้ยยยยย  เอาจริงเหรอวะ ....แต่อีกใจก็คิดว่า เอาวะ มาทั้งที ลองสัมผัสสักครั้งในชีวิต  อย่าไปคิดถึงเหตุการณ์ตอนเขา ขี้  อาบนำ้ หรือเผาศพ..เลย ....ทำใจให้เข้มเเข็งๆๆ ฟู้ๆๆ  และไกด์บอกว่า เราจะไปสัมผัสที่ฝั่งตรงข้ามซึ่งสะอาดกว่าฝั่งที่มีกิจกรรมกัน  แต่ก็ยังทำใจลำบากอยู่ดีสุดท้ายก็ เออ เอ้า ลงก็ลง 555+


บรรยากาศรอบๆ





การเผาศพ มีตลอดแทบจะ24 ชั่วโมงมั้ง




สถานที่ต่อไปที่เราไปคือ เมือง คยา (Gaya) คือตำบลหนึ่งในอำเภอคยา จังหวัดมคธ รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย โดยประวัติในอดีตสมัยที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ แถบตำบลนี้เป็นที่อยู่ของชฏิลสามพี่น้องคือ อุรุเวลากัสสปะ, นทีกัสสปะ, คยากัสสปะ และบริวารของตนรวม 1,003 รูป ที่ตั้งสำนักบูชาไฟของตนเรียงกันไปตามแม่น้ำเนรัญชรา เป็นที่เคารพศรัทธาของคนในแคว้นมคธเป็นอย่างมาก พระพุทธองค์ได้เสด็จกลับมาโปรดชฏิลเหล่านี้ หลังจากตรัสรู้ที่ตำบลที่ใกล้กับที่ตั้งสำนักของอุรุเวลกัสสปะและบริวาร (อุรุเวลาเสนานิคม) โดยเสด็จไปโปรดปัญจวัคคีย์และจำพรรษาแรกที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวันก่อน และทรงกลับมาทรงกระทำการทรมานทิฏฐิมานะของชฏิลด้วยการแสดงอภินิหารหลายประการจนเหล่าชฏิลทั้งหมดยอมรับนับถือและบรรพชาในพระพุทธศาสนาและพระพุทธองค์ได้ทรงแสดงอาทิตตปริยายสูตรแก่เหล่าชฏิลจนบรรลุเป็นพระอรหันต์ทั้งหมด ที่ คยาสีสะ ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลคยาในปัจจุบัน (credit wiki)  ..... โดยเมืองนี้เราได้ยินมาว่ารัฐพิหารเป็นรัฐที่ยากจนที่สุดในอินเดีย  ดังนั้นไม่แปลกที่เราจะเห็นขอทานข้างถนนเยอะมาก และที่สำคัญที่เราเดินทางมาเมืองนี้คือ พุทธคยา และต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งเป็นสถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า โดยสถานที่ดังกล่าวถือเป็น landmark ที่ชาวพุทธทั่วโลก มาเยือน  ในการเดินทางมาครั้งนี้เราเดินทางโดยรถไฟรอบดึก ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงเศษ ถึงคยา ก็ตอนสายๆ

บรรยกาศรถไฟก็คล้ายๆกับไทย


บรรยากาศในเมืองคยาฯ  ซึ่งมาถึงก็ตกใจเหมือนกันคนจน ขอทานเยอะ กว่ารัฐอื่นๆ ที่เคยไป เห็นแล้วก็ได้แต่ปลง และคิดว่ากูเกิดมาโชคดีกว่าคนอื่นเยอะแล้ว เหมือนคำแม่สอนเสมอ "มองสูงเราตำ่ มองตำ่เราสูง" แต่เห็นขอทานอย่าไปให้เด็ดขาดนะ เพราะถ้าคุณให้ไปคนนึงแล้วมันจะชวนเพื่อนของมันมาเป็นกองทัพ .....สึดดดดด








จากนั้นเราก็เหมารถไปที่พุทธคยา ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก จากสถานที่ที่เราพัก



ถึงแล้วววว พุทธคยาาาา









ภายในจะมีต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ชาวพุทธเชื่อว่าเป็นสถานที่ตรัสรู้ ตามความเชื่อของศาสนาพุทธ ซึ่งมีทั้งชาวอินเดีย นับถือศาสนาพุทธ ชาวต่างชาติ รวมถึงพระสงฆ์จากที่ต่างๆ ในโลก วนเวียนกันมาเยี่ยมเยียนสถานที่แห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย ทั้งมานั่งวิปัสนา มากราบไหว้  ดูๆ แล้วมีเสน่ห์และขลังดีครับ







เมื่องต่อไปเมืองสุดท้ายพวกเราย้อนกลับมาที่เมือง โกลกัลต้า (kolkalta) เพื่อเป็นที่สุดท้ายแวะแปปๆ เดียว ซื้อของฝาก ก่อนกลับไทยครับ ซึ่งโดยสารโดยรถไฟ ถึงโกลกัลต้าประมาณ 7 ชั่วโมงกว่า ๆ สารภาพเลยว่าทริปนี้ประหยัดค่าโรงแรมไปได้เยอะเพราะนั่งรถไฟตู้นอนนี้ละ

บรรยากาศในเมืองโกลกัลต้า (Kokalta)




ชื่อสินค้า:   India
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่