อลาสก้า ครั้งแรกในชีวิต Alaska First Time
หวักลี ครับ คุณผู้อ่านทุกท่าน เกริ่นก่อนว่า จขกท. เป็น หนึ่งในผู้ร่วมเดินทางกับ blogger ท่านนึง ชื่อ คุณ กะปิ ซึ่งเธอได้เขียนเรื่องราวการเดินทางครั้งนี้ไว้แล้ว และยังเขียนไว้ดี รูปประกอบสวย กะปิได้เขียนเรื่องราวเอาไว้ในมุมมองของเธอ ในกระทู้นี้ก็จะเป็นมุมมองของผม ตามไปอ่านผลงาน ต่าง ๆ ของ กะปิ ได้ที่
https://kapiinspirer.com/ หรือ
https://www.facebook.com/kapiinspirer/ แต่ขอก็อปข้อความ และ รูปของกะปิ มาบ้างนะ ^_^ ขอขอบคุณภาพหลาย ๆ ภาพจาก กะปิและผู้ร่วมเดินทางคนอื่น ๆ
สมาชิกร่วมเดินทางทั้งหมด 7 คน แผนคือ ไปเช่ารถ 7 ที่นั่ง ที่นู่น
(เรามีใบขับขี่แคลิฟอร์เนีย สามารถขับได้ ถ้าเราเป็นนักเดินทางท่องเที่ยวมีตั๋วไปกลับเราสามารถเช่ารถโดยใช้บัตรเดบิตได้)
วันที่ 7-12 May 2017 (ออกเดินทาง ดึกวันที่ 7 ถึงเช้าวันที่ 8 กลับดึกวันที่ 11 ถึงเช้าวันที่ 12 )
เวลาที่รัฐแคลิฟอร์เนีย (เมืองหลวงคือ ซาคราเมนโต ) เร็วกว่า อลาสก้า (เมืองหลวงคือ จูโน) 1 ชม
7 May 2017 11:35PM ลอสแองเจลิส – แองเคอเรจ 8 May 2017 4:16AM ( 5 ชมกว่า ๆ )
11 May 2017 11:50PM แองเคอเรจ – ลอสแองเจลิส 12 May 2017 5:56AM ( 5 ชมกว่า ๆ )
แผนการเดินทางคร่าว ๆ
7 พ.ค. 2017 ออกเดินทางจากแอลเอ
8 พ.ค. 2017 ชมวิวในเมือง แองเคอเรจ, ชิมกาแฟ คาลาดี, กินน้ำธรรมชาติที่ไหลมาจากภูเขา ซื้ออาหารมาทำกินที่บ้านพัก
9 พ.ค. 2017 ไปล่องเรือดูธารน้ำแข็ง( glacier ) ที่เมือง whittier กลับมาพักที่บ้านเดิม
10 พ.ค. 2017 ไปดูสัตว์ป่าที่ศูนย์อนุรักษ์สัตว์ป่าที่เมืองพอร์เทจ ( Alaska Wildlife Conservation Center, Mile 79 Seward Hwy, Portage) ไปดูธารน้ำแข็งขนาดยักษ์ใกล้ ๆ ที่เมืองซูวาร์ด ( exit glacier ) เข้าที่พักเมืองซูวาร์ด
11 พ.ค. 2017 ไปดูพิพิธภัณฑ์ แองเคอเรจ ไปเที่ยวห้างฟิฟท์อเวนิว เอารถไปคืน เดินทางกลับ
สรุปค่าใช้จ่ายโดยประมาณเท่าที่จำได้ (ตอนนั้น 1 USD ประมาณ 34 บาท )
1. ตั๋วเครื่องบินไปกลับ USD 358 ( 8,704 บาท ) ต่อคน
2. ค่าที่พัก*สามคืน USD 150 ( 5,100 บาท ) ต่อคน
3. ค่าล่องเรือชมน้ำแข็ง Glacier cruise (มีอาหาร 1 มื้อพร้อมฟรี complimentary ตลอดทั้งทริป )
USD 180 ( 6,120 บาท )
https://www.phillipscruises.com/cruises/26-glacier-cruise.php
4. ค่าเช่ารถ บวก ประกัน USD 50 ต่อคน ตลอดทริป ( 1,700 บาท )
5. ค่าชมสัตว์ป่า(ที่เค้าเอามาดูแลศึกษาก่อนจะปล่อยคืนป่า) Wild amimal fee USD 15 ( 510 บาท )
6. ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์แองเคอเรจ Anchorage museum USD 15 (student USD 10) ( 340-510 บาท)
7. ค่าใช้จ่ายจิปาถะส่วนตัว USD 122.5 ( 4,165 บาท )
รวมทั้งหมดประมาณ 900$ อาจจะถึง 1,000$ หรือประมาณ 30,600-34,000 บาท ต่อคน ในขณะนั้น
*ค่าที่พัก จอง บ้านทั้งหลัง ผ่าน airbnb 2 คืนรวมภาษีและค่าทำความสะอาด ชื่อ Creekside View Main House ที่แองเคอเรจ นอนสองคืน อีกหนึ่งคืน นอน trailhead lodging เมือง seward จองในบุ๊คกิ้ง
อลาสก้า ( อะแลสกา ) Alaska ( AK )
ในหัวเราคิดว่ามันจะต้องมี ปู!!!!!! แซลมอน!! หิมะตกตลอดดดดด!! หนาวตลอดดดดดดดด!! หมาสีขาวลากรถไปมา หมีขาวขั้วโลก (ชื่อมันก็บอกว่าขั้วโลกคนละที่ละ แต่ก็ดันคิดไปว่ามันจะมี 555) มีแสงเหนือออออออออ มีออโรร่า ว่ากันไป
พอลองเสิชหาข้อมูล ปรากฏว่า ไม่เห็นจะมีใครไปเจอปูเลย คือปูอลาสก้าที่มันแพง ๆ ตัวใหญ่ๆ เพราะมันไปออกทะเลไปจับมาอย่างยากลำบาก เราก็ได้กินแต่เนื้อปู ไม่ได้เห็นปูมันเดินไปมา เราและสหายก็เสาะหาบุฟเฟ่ห์ปูอลาสก้า ปรากฏว่า เสิชไม่เจอเลยจ้า แซลมอนก็มีชื่อเสียง หิมะก็ไม่ตก เพราะเราไปหน้าร้อนมั้ง กลางวันมันก็ เย็นกำลังดี ลมแรงก็หนาวเหมือนกัน กลางคืนก็หนาว หมาสีขาวก็ไปลากรถบนภูเขาโน่นนนน หมีขาวก็ไม่เจอ แสงเหนือ ออโรร่ามันไม่มีในช่วงที่เราไป ละเมืองนั้นก็ไกล
เราค้นอีกก็พบว่าเมืองหลวงของ รัฐ อลาสก้า คือจูโน จะมีธรรมชาติเยอะ ๆ ป่าเขา แต่เมือที่มีคนอยู่เยอะมีความเป็นเมือง คือ เมืองแองเคอเรจ ที่เราไปนี่แหละ ส่วนที่ที่มีแสงเหนือ ชื่อ แฟร์แบงค์ อุทยานดังๆชื่อเดนาลี แต่ตอนเราจะไปเดือน พ.ค. มีทัวร์หมาลากเลื่อน, นั่งเฮลิคอปเตอร์, พายคายัค แต่ก็แพงจัง เกินงบ เลยได้ข้อสรุปตามนี้จ้า
7 พค 2017
ณ สนามบินลอสแองเจลิส Los Angeles International Airport ( LAX )
เครื่องดีเลย์รอที่สนามบินไปอีก 1 ชม 40 นาที แต่ก็โอเคเพราะ บริษัทเช่ารถเปิดตีห้าครึ่ง ถ้าไปถึงตามกำหนดคือ ตีสี่สิบห้านาทีก็ต้องรออีก 1 ชม 15 นาที ก็เป็นความโชคดีนะ ^_^
8 พค 2017
ถึงแล้วจ้า 6:53 อีกเจ็ดนาทีจะเจ็ดโมงเช้า เห็นภูเขาที่มีหิมะแล้ว (อลาสก้าช้ากว่าแอลเอ 1 ชั่วโมง) ถึงสนามบิน Ted Stevens Anchorage International Airport เมือง Anchorage
วิวเมื่อออกมาจากเกต
หลังจากนั้นเดินไปรับรถของบริษัท Alamo ที่อยู่ในบริเวณสนามบิน เป็นรถมินิแวน 7 ที่นั่ง เราจองทางอินเตอร์เน็ทไปก่อน มีหลายบริษัทให้เลือก (
https://www.alamo.com/en_US/car-rental/home.html ) พอเช่ารถเสร็จก็ออกเดินทางไป explore อลาสก้ากันนนนเลยยย เริ่มที่ แองเคอเรจ
“Anchorage, AK Anchorage เป็นเมืองหลวงและยังเป็นศูนย์รวมแหล่งเศรษฐกิจของรัฐอีกด้วย ในส่วนของค่าเฉลี่ยอุณหภูมิและช่วงเวลากลางของแต่ละเดือน:
Jan : -6c & daylight 8.16 hrs Feb : -3c & daylight 10.34 hrs
Mar : 1c & daylight 13.10 hrs Api : 7c & daylight 16.20 hrs
May : 13c & daylight 19.55 hrs Jun : 17c & daylight 22.00 hrs
Jul : 18c & daylight 21.36 hrs Aug : 18c & daylight 17.41 hrs
Sep : 13c & daylight 14.25 hrs Oct : 4c & daylight 11.34 hrs
Nov : -3c & daylight 9.01 hrs Dec : -4c & daylight 5.28 hrs
และช่วงที่เราไปคือเดือนพฤษภาอากาศกำลังดี แต่กลางวันยาวมากพระอาทิตย์ตกประมาณสี่ทุ่มครึ่ง ข้อดีของที่นี้สำหรับเราคือซื้อของไม่มีบวกภาษี(สวรรคแท้ๆ) สัตว์ป่าที่พบบ่อยๆ เช่น หมี กวางมูส หมาป่า และ muskox กำลังงงใช่ไหมว่ามันคือตัวอะไร (วัวจำพวก Oxvibos moschatus มีขนาดใหญ่ เขาโค้งและกลิ่นเหม็น) ก็นั้นแหละจ้าตามในวงเล็บเลย” เขียนโดย กะปิ
เราก็มานั่งอ่าน โอ้โหว เวลากลางวันมันผันผวนจัง เดือน มิถุนายน ในวันๆหนึ่งมีแดดออก 22 ชม. มืดแค่ 2 ชม.!! พอมาเดือน มกราคม ในวันๆหนึ่งมีแดดออก 8 ชม. มืด 14 ชม. พระอาทิตย์ขึ้น 6 โมง แล้วก็ตก บ่ายสอง !!
เอาหละ ลุยไปด้วยกัน Minivan ยี่ห้อ Dodge รุ่น Grand Caravan ( ข้อแนะนำเวลาเช่ารถคือ ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานรอบรถเลยว่า มีรอยหรือตำหนิ ตรงไหน เพื่อเป็นหลักฐานเวลาคืนรถ )
ขับออกมาจากสนามบินก็จะเจอทางไปจุดชมวิวแรกเลย เงียบ สงบ มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ได้บรรยากาศความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ รู้สึกตัวเราก็เล็กลง
กล้องซูมเข้าไป ยิ่งรู้สึกสงบและเย็น เมื่อย้อนกลับมาดูรูปอีกครั้ง
มีการสลักชื่อไว้ พอออกมาจากจุดชมวิว ก็เจอ มูสสสสสสสสส เคยอ่านมาว่าจะสามารถเจอสัตว์ตามธรรมชาติมาเดินในเมืองได้เลย แต่ในตอนที่เราไปตลอดทริป เจอตัวนี้ตัวเดียวแหละ ตื่นตาตื่นใจเลยทีเดียว
• Kaladi Brothers Coffee made in Alaska, by Alaskans, for Alaskans.
กาแฟพี่น้องคาลาดี ผลิตในอลาสกา โดยชาวอลาสกา เพื่อชาวอลาสก้า
ไปดูบรรยากาศในเมืองกัน
ร้านอาหาร Gwennie’s Old Alaska Restaurant
แผ่นรองอาหาร อลาสก้า “ปราการสุดท้าย” ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ
- อลาสก้าอยู่ห่างจากรัสเซียไม่เกิน 50 ไมล์ ( 80 กิโลเมตร )
- อลาสก้า เป็นรัฐเดียวที่สามารถพิมพ์ชื่อรัฐโดยอยู่แถวเดียวกันในแป้นพิมพ์ภาษาอังกฤษ
- แซลมอนตัวใหญ่ที่สุดที่เคยจับได้อยู่ที่แม่น้ำเคไน หนัก 97.5 ปอนด์ ( 45 กิโลกรัม )
- อลาสก้ามีแม่น้ำมากกว่า 3 พันแห่ง และ ทะเลสาบ มากกว่า 3 ล้านแห่ง
- ท่อส่งน้ำมัน ทราส์อลาสก้า เคลื่อนไปยังวัลดีซ ไม่เกิน 88,000 บาเรลต่อชั่วโมง ( 10,560,000 ลิตรต่อชั่วโมง ) บน ระยะทาง 800 ไมล์ ( 1,288
กิโลเมตร )
- อลาสก้า มี 17 ยอดเขา ใน 20 ยอดเขาที่สูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา, และเดนาลี ที่รัฐอลาสก้า คือ ภูเขาที่สูงที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ ที่ความสูง
20,320 ฟุต ( 6,194 เมตร ) ( ในขณะที่ดอยอินทนนท์สูง 2,566 เมตร )
- รัฐอลาสก้า ใหญ่กว่า รัฐโร้ดไอแลนด์ 420 เท่า
สัตว์บก : มูส , ปลา : แซลมอนราชา, ต้นไม้ : ต้นสน, นก : นกพิราบวิลโลว
เมนูจ้า ราคาก็ คูณ 34 เข้าไปได้เลย ส่วนที่สั่งมาก็มีไส้กรอกเรนเดีนร์ เนื้อปูเบเนดิก แล้วที่เหลือจำชื่อไม่ได้ละจ่ะ รสชาติก็แปลก ๆ เวลากินละนึกถึงซานตาคลอส นึกถึงกวางเรนเดียร์ รู้สึกเศร้า แต่ก็กินหมด พวกเครื่องเคียงจะมีให้เลือก มันทอดแบบบ้านๆ , grits, บิสกิตปิ้ง เราอยากรู้ว่า grits คืออะไรไม่เคยกิน ก็สั่งไป ก็อย่างที่เห็นมาคู่กับไส้กรอกหั่น คือเหมือนโจ๊ก แต่รสชาตแปลก ๆ จืด ๆ ไม่ชอบกินเท่าไหร่
การหาร้านอาหารใช้แอพ Yelps จ้า คล้าย ๆ Wongnai เมืองไทย ผลโหวตทุกคนอยากกินร้านอาหารอเมริกันก็เลยได้มาร้านนี้กันจ้า
[CR] [CR] อลาสก้า ครั้งแรกในชีวิต Alaska First Time
หวักลี ครับ คุณผู้อ่านทุกท่าน เกริ่นก่อนว่า จขกท. เป็น หนึ่งในผู้ร่วมเดินทางกับ blogger ท่านนึง ชื่อ คุณ กะปิ ซึ่งเธอได้เขียนเรื่องราวการเดินทางครั้งนี้ไว้แล้ว และยังเขียนไว้ดี รูปประกอบสวย กะปิได้เขียนเรื่องราวเอาไว้ในมุมมองของเธอ ในกระทู้นี้ก็จะเป็นมุมมองของผม ตามไปอ่านผลงาน ต่าง ๆ ของ กะปิ ได้ที่ https://kapiinspirer.com/ หรือ https://www.facebook.com/kapiinspirer/ แต่ขอก็อปข้อความ และ รูปของกะปิ มาบ้างนะ ^_^ ขอขอบคุณภาพหลาย ๆ ภาพจาก กะปิและผู้ร่วมเดินทางคนอื่น ๆ
สมาชิกร่วมเดินทางทั้งหมด 7 คน แผนคือ ไปเช่ารถ 7 ที่นั่ง ที่นู่น
(เรามีใบขับขี่แคลิฟอร์เนีย สามารถขับได้ ถ้าเราเป็นนักเดินทางท่องเที่ยวมีตั๋วไปกลับเราสามารถเช่ารถโดยใช้บัตรเดบิตได้)
วันที่ 7-12 May 2017 (ออกเดินทาง ดึกวันที่ 7 ถึงเช้าวันที่ 8 กลับดึกวันที่ 11 ถึงเช้าวันที่ 12 )
เวลาที่รัฐแคลิฟอร์เนีย (เมืองหลวงคือ ซาคราเมนโต ) เร็วกว่า อลาสก้า (เมืองหลวงคือ จูโน) 1 ชม
7 May 2017 11:35PM ลอสแองเจลิส – แองเคอเรจ 8 May 2017 4:16AM ( 5 ชมกว่า ๆ )
11 May 2017 11:50PM แองเคอเรจ – ลอสแองเจลิส 12 May 2017 5:56AM ( 5 ชมกว่า ๆ )
แผนการเดินทางคร่าว ๆ
7 พ.ค. 2017 ออกเดินทางจากแอลเอ
8 พ.ค. 2017 ชมวิวในเมือง แองเคอเรจ, ชิมกาแฟ คาลาดี, กินน้ำธรรมชาติที่ไหลมาจากภูเขา ซื้ออาหารมาทำกินที่บ้านพัก
9 พ.ค. 2017 ไปล่องเรือดูธารน้ำแข็ง( glacier ) ที่เมือง whittier กลับมาพักที่บ้านเดิม
10 พ.ค. 2017 ไปดูสัตว์ป่าที่ศูนย์อนุรักษ์สัตว์ป่าที่เมืองพอร์เทจ ( Alaska Wildlife Conservation Center, Mile 79 Seward Hwy, Portage) ไปดูธารน้ำแข็งขนาดยักษ์ใกล้ ๆ ที่เมืองซูวาร์ด ( exit glacier ) เข้าที่พักเมืองซูวาร์ด
11 พ.ค. 2017 ไปดูพิพิธภัณฑ์ แองเคอเรจ ไปเที่ยวห้างฟิฟท์อเวนิว เอารถไปคืน เดินทางกลับ
สรุปค่าใช้จ่ายโดยประมาณเท่าที่จำได้ (ตอนนั้น 1 USD ประมาณ 34 บาท )
1. ตั๋วเครื่องบินไปกลับ USD 358 ( 8,704 บาท ) ต่อคน
2. ค่าที่พัก*สามคืน USD 150 ( 5,100 บาท ) ต่อคน
3. ค่าล่องเรือชมน้ำแข็ง Glacier cruise (มีอาหาร 1 มื้อพร้อมฟรี complimentary ตลอดทั้งทริป )
USD 180 ( 6,120 บาท ) https://www.phillipscruises.com/cruises/26-glacier-cruise.php
4. ค่าเช่ารถ บวก ประกัน USD 50 ต่อคน ตลอดทริป ( 1,700 บาท )
5. ค่าชมสัตว์ป่า(ที่เค้าเอามาดูแลศึกษาก่อนจะปล่อยคืนป่า) Wild amimal fee USD 15 ( 510 บาท )
6. ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์แองเคอเรจ Anchorage museum USD 15 (student USD 10) ( 340-510 บาท)
7. ค่าใช้จ่ายจิปาถะส่วนตัว USD 122.5 ( 4,165 บาท )
รวมทั้งหมดประมาณ 900$ อาจจะถึง 1,000$ หรือประมาณ 30,600-34,000 บาท ต่อคน ในขณะนั้น
*ค่าที่พัก จอง บ้านทั้งหลัง ผ่าน airbnb 2 คืนรวมภาษีและค่าทำความสะอาด ชื่อ Creekside View Main House ที่แองเคอเรจ นอนสองคืน อีกหนึ่งคืน นอน trailhead lodging เมือง seward จองในบุ๊คกิ้ง
อลาสก้า ( อะแลสกา ) Alaska ( AK )
ในหัวเราคิดว่ามันจะต้องมี ปู!!!!!! แซลมอน!! หิมะตกตลอดดดดด!! หนาวตลอดดดดดดดด!! หมาสีขาวลากรถไปมา หมีขาวขั้วโลก (ชื่อมันก็บอกว่าขั้วโลกคนละที่ละ แต่ก็ดันคิดไปว่ามันจะมี 555) มีแสงเหนือออออออออ มีออโรร่า ว่ากันไป
พอลองเสิชหาข้อมูล ปรากฏว่า ไม่เห็นจะมีใครไปเจอปูเลย คือปูอลาสก้าที่มันแพง ๆ ตัวใหญ่ๆ เพราะมันไปออกทะเลไปจับมาอย่างยากลำบาก เราก็ได้กินแต่เนื้อปู ไม่ได้เห็นปูมันเดินไปมา เราและสหายก็เสาะหาบุฟเฟ่ห์ปูอลาสก้า ปรากฏว่า เสิชไม่เจอเลยจ้า แซลมอนก็มีชื่อเสียง หิมะก็ไม่ตก เพราะเราไปหน้าร้อนมั้ง กลางวันมันก็ เย็นกำลังดี ลมแรงก็หนาวเหมือนกัน กลางคืนก็หนาว หมาสีขาวก็ไปลากรถบนภูเขาโน่นนนน หมีขาวก็ไม่เจอ แสงเหนือ ออโรร่ามันไม่มีในช่วงที่เราไป ละเมืองนั้นก็ไกล
เราค้นอีกก็พบว่าเมืองหลวงของ รัฐ อลาสก้า คือจูโน จะมีธรรมชาติเยอะ ๆ ป่าเขา แต่เมือที่มีคนอยู่เยอะมีความเป็นเมือง คือ เมืองแองเคอเรจ ที่เราไปนี่แหละ ส่วนที่ที่มีแสงเหนือ ชื่อ แฟร์แบงค์ อุทยานดังๆชื่อเดนาลี แต่ตอนเราจะไปเดือน พ.ค. มีทัวร์หมาลากเลื่อน, นั่งเฮลิคอปเตอร์, พายคายัค แต่ก็แพงจัง เกินงบ เลยได้ข้อสรุปตามนี้จ้า
7 พค 2017
ณ สนามบินลอสแองเจลิส Los Angeles International Airport ( LAX )
เครื่องดีเลย์รอที่สนามบินไปอีก 1 ชม 40 นาที แต่ก็โอเคเพราะ บริษัทเช่ารถเปิดตีห้าครึ่ง ถ้าไปถึงตามกำหนดคือ ตีสี่สิบห้านาทีก็ต้องรออีก 1 ชม 15 นาที ก็เป็นความโชคดีนะ ^_^
8 พค 2017
ถึงแล้วจ้า 6:53 อีกเจ็ดนาทีจะเจ็ดโมงเช้า เห็นภูเขาที่มีหิมะแล้ว (อลาสก้าช้ากว่าแอลเอ 1 ชั่วโมง) ถึงสนามบิน Ted Stevens Anchorage International Airport เมือง Anchorage
วิวเมื่อออกมาจากเกต
หลังจากนั้นเดินไปรับรถของบริษัท Alamo ที่อยู่ในบริเวณสนามบิน เป็นรถมินิแวน 7 ที่นั่ง เราจองทางอินเตอร์เน็ทไปก่อน มีหลายบริษัทให้เลือก ( https://www.alamo.com/en_US/car-rental/home.html ) พอเช่ารถเสร็จก็ออกเดินทางไป explore อลาสก้ากันนนนเลยยย เริ่มที่ แองเคอเรจ
“Anchorage, AK Anchorage เป็นเมืองหลวงและยังเป็นศูนย์รวมแหล่งเศรษฐกิจของรัฐอีกด้วย ในส่วนของค่าเฉลี่ยอุณหภูมิและช่วงเวลากลางของแต่ละเดือน:
และช่วงที่เราไปคือเดือนพฤษภาอากาศกำลังดี แต่กลางวันยาวมากพระอาทิตย์ตกประมาณสี่ทุ่มครึ่ง ข้อดีของที่นี้สำหรับเราคือซื้อของไม่มีบวกภาษี(สวรรคแท้ๆ) สัตว์ป่าที่พบบ่อยๆ เช่น หมี กวางมูส หมาป่า และ muskox กำลังงงใช่ไหมว่ามันคือตัวอะไร (วัวจำพวก Oxvibos moschatus มีขนาดใหญ่ เขาโค้งและกลิ่นเหม็น) ก็นั้นแหละจ้าตามในวงเล็บเลย” เขียนโดย กะปิ
เราก็มานั่งอ่าน โอ้โหว เวลากลางวันมันผันผวนจัง เดือน มิถุนายน ในวันๆหนึ่งมีแดดออก 22 ชม. มืดแค่ 2 ชม.!! พอมาเดือน มกราคม ในวันๆหนึ่งมีแดดออก 8 ชม. มืด 14 ชม. พระอาทิตย์ขึ้น 6 โมง แล้วก็ตก บ่ายสอง !!
เอาหละ ลุยไปด้วยกัน Minivan ยี่ห้อ Dodge รุ่น Grand Caravan ( ข้อแนะนำเวลาเช่ารถคือ ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานรอบรถเลยว่า มีรอยหรือตำหนิ ตรงไหน เพื่อเป็นหลักฐานเวลาคืนรถ )
ขับออกมาจากสนามบินก็จะเจอทางไปจุดชมวิวแรกเลย เงียบ สงบ มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ได้บรรยากาศความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ รู้สึกตัวเราก็เล็กลง
กล้องซูมเข้าไป ยิ่งรู้สึกสงบและเย็น เมื่อย้อนกลับมาดูรูปอีกครั้ง
มีการสลักชื่อไว้ พอออกมาจากจุดชมวิว ก็เจอ มูสสสสสสสสส เคยอ่านมาว่าจะสามารถเจอสัตว์ตามธรรมชาติมาเดินในเมืองได้เลย แต่ในตอนที่เราไปตลอดทริป เจอตัวนี้ตัวเดียวแหละ ตื่นตาตื่นใจเลยทีเดียว
• Kaladi Brothers Coffee made in Alaska, by Alaskans, for Alaskans.
กาแฟพี่น้องคาลาดี ผลิตในอลาสกา โดยชาวอลาสกา เพื่อชาวอลาสก้า
ไปดูบรรยากาศในเมืองกัน
ร้านอาหาร Gwennie’s Old Alaska Restaurant
แผ่นรองอาหาร อลาสก้า “ปราการสุดท้าย” ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ
- อลาสก้าอยู่ห่างจากรัสเซียไม่เกิน 50 ไมล์ ( 80 กิโลเมตร )
- อลาสก้า เป็นรัฐเดียวที่สามารถพิมพ์ชื่อรัฐโดยอยู่แถวเดียวกันในแป้นพิมพ์ภาษาอังกฤษ
- แซลมอนตัวใหญ่ที่สุดที่เคยจับได้อยู่ที่แม่น้ำเคไน หนัก 97.5 ปอนด์ ( 45 กิโลกรัม )
- อลาสก้ามีแม่น้ำมากกว่า 3 พันแห่ง และ ทะเลสาบ มากกว่า 3 ล้านแห่ง
- ท่อส่งน้ำมัน ทราส์อลาสก้า เคลื่อนไปยังวัลดีซ ไม่เกิน 88,000 บาเรลต่อชั่วโมง ( 10,560,000 ลิตรต่อชั่วโมง ) บน ระยะทาง 800 ไมล์ ( 1,288
กิโลเมตร )
- อลาสก้า มี 17 ยอดเขา ใน 20 ยอดเขาที่สูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา, และเดนาลี ที่รัฐอลาสก้า คือ ภูเขาที่สูงที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ ที่ความสูง
20,320 ฟุต ( 6,194 เมตร ) ( ในขณะที่ดอยอินทนนท์สูง 2,566 เมตร )
- รัฐอลาสก้า ใหญ่กว่า รัฐโร้ดไอแลนด์ 420 เท่า
สัตว์บก : มูส , ปลา : แซลมอนราชา, ต้นไม้ : ต้นสน, นก : นกพิราบวิลโลว
เมนูจ้า ราคาก็ คูณ 34 เข้าไปได้เลย ส่วนที่สั่งมาก็มีไส้กรอกเรนเดีนร์ เนื้อปูเบเนดิก แล้วที่เหลือจำชื่อไม่ได้ละจ่ะ รสชาติก็แปลก ๆ เวลากินละนึกถึงซานตาคลอส นึกถึงกวางเรนเดียร์ รู้สึกเศร้า แต่ก็กินหมด พวกเครื่องเคียงจะมีให้เลือก มันทอดแบบบ้านๆ , grits, บิสกิตปิ้ง เราอยากรู้ว่า grits คืออะไรไม่เคยกิน ก็สั่งไป ก็อย่างที่เห็นมาคู่กับไส้กรอกหั่น คือเหมือนโจ๊ก แต่รสชาตแปลก ๆ จืด ๆ ไม่ชอบกินเท่าไหร่
การหาร้านอาหารใช้แอพ Yelps จ้า คล้าย ๆ Wongnai เมืองไทย ผลโหวตทุกคนอยากกินร้านอาหารอเมริกันก็เลยได้มาร้านนี้กันจ้า
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้