ทริปนี้พวกเราได้เดินทางจากไทยโดยสายการบิน Delta (24 May-6June) มายัง Anchorage ซีงเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของอลาสก้า โดยได้มีการเปลี่ยนเครืองที่ Seoul และ Seattle ที่โซลก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่พอมาถึง Seattle ไม่แน่ใจว่าเป็นระบบใหม่หรือไม่ เพราะมีตำรวจจะทำการกักตัวทุกคนหลังจากเดินลงจากเครื่องก่อนเข้า ตม โดยให้คนที่มี id card ได้เข้าก่อนและคนถือ passport สัญชาติใดๆก็ตามต้องรอจนกระทั่งคนเมกาเข้าไปหมด คราวนี้มันเลยเกิดปัญหาเพราะเมื่อมีเครื่องลงพร้อมๆกัน คนที่ไม่ใช่คนเมกาเลยต้องโดนกัก ถ้าคนที่มีเวลา transit น้อยกว่า 2 ชมอาจจะตกเครื่อง เมื่อมีคนไปถามตำรวจเค้าบอกว่าให้คุณไปฟ้องกับสายการบินเอาเอง พวกเรายังโชคดีที่เลือกเวลา transit ไว้เกือบๆ 3 ชม
เลยรอดไป ส่วนในไฟล์ทขากลับไม่มีการกักตัวใดๆทั้งสิ้น
หลังจากผ่าน ตม มาแล้วจะไปที่เกทให้ไปสายพานดูกระเป๋าก่อนนะครับ(ตอนเช็คอินแท็กกระเป๋าไป anchorage ครับ) เพราะกระเป๋าจะออกมาก่อน และต้องไปโหลดอีกที แต่ที่โหลดอยู่ใกล้ๆกัน
เนื่องจากเราถึง anchorage 2ทุ่มกว่าทำใ้หอาคารเช่ารถปิดแล้ว เราได้ทำการจองรถไว้ในวันรุ่งขึ้น
อาคารเช่ารถจะอยู่ตรงข้ามกับอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ที่ anchorage พวกเราพักที่
Microtel Inn & Suites มีรถ shuttle รับฟรี เสียแต่ค่าทิปให้คนขับ โดยจะมีบริการโทรศัพท์ฟรีตรงชั้นล่างแถวๆสายพานรับกระเป๋าจะมีชื่อโรงแรมพร้อมเบอร์โทรให้โทรฟรีครับ
ส่วนตอนเช้าเวลาจะมารับรถเช่าก็บอกกับทางโรงแรม รถ shuttle ก็จะมารับครับ เค้าจะส่งอยู่ 2 ที่คือที่อาคารเช่ารถ กับ สนามบิน
Sim โทรศัพท์ ถ้าซื้อจากไทย dtac ใช้ไม่ได้เลยนะครับ แต่ sim 2 fly ใช้ได้สัญญาณโอเคครับ เพราะอลาสก้าใช้ของ AT&T ครับ
Anchorage เป็นเมืองใหญ่ที่มีร้านค้าหรือห้างเยอะใช้ได้ พวกเราได้ใช้บริการเกือบทุกที่ สรุปว่าชอบ Fred Meyer
มากสุดครับ ขาปูอลาสก้าสามารถซื้อได้จากที่นี่ด้วยนะครับ พวกเราซื้อกันไปอุ่นกินกันเกือบทุกมื้อ(ทุกโรงแรมที่เราไปพักจะมีไมโครเวฟในห้องครับ)
ถ้าขาปูที่นี่จะถูกกว่าที่ New Sagaya Midtown นะครับแต่คนไทยที่อยู่ที่นี่บอกว่าที่ Costco ถูกกว่าแต่พวกเราไม่สามารถเข้าไปได้เพราะต้องมีบัตรสมาชิกถึงเข้าได้
แต่ที่ชอบสุดของ New Sagaya คือ Lobster ครับถูกมาก เวลาซื้อก็ไปบอกพนักงานเค้าก็จะไปเลือกให้เราสดๆเลยเราสามารถบอกให้เค้าเอาไปต้มให้ได้ครับ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ถ้าใครจะซื้อกลับเมืองไทยควรไปสั่งเค้าไว้ก่อน 1 วันก่อนกลับนะครับเพราะต้องใช้เวลาฟรีส 24 ชม เกริ่นมาตั้งนานมีแต่เรื่องกิน
ได้เวลาออกจากเมือง anchorage กันแล้วครับหลังจากไปรับรถ พวกเราก็มุ่งลงใต้เพื่อจะไปเมือง Seward
ระหว่างทางไป seward เราก็ได้มีการแวะเที่ยวไปเรื่อยๆโดยจุดแรกที่จอดคือ Beluga Point ครับที่นี่เวลาวันหยุดจะมีการนำรถหรูๆมาจอดกันครับ
วิวระหว่างทางสวยมากครับหลังจากผ่าน Beluga Point เราก็จะไปกันต่อที่ Alyeskaครับเพื่อขึ้นกระเช้าไปชมวิว ค่ากระเช้ามีให้เลือกแบบจะเอาส่วนลดอาหารข้างบนหรือไม่เอา ส่วนต่างรู้สึกประมาณ 10-15 เหรืยญ
พวกเราเลือกแบบไม่เอาซื้อเฉพาะตั๋วไปกลับถ้าจำไม่ผิดประมาณ 30 เหรืยญครับ ส่วนอาหารเราออกมากินตรงปากทางเข้าครับ
วิวเมื่อมองจากข้างบนครับ
หลังจากผ่านการชมวิวที่ Alyeska แล้วก่อนเข้าเมือง Seward เราได้แวะไปที่ Exit Glacier ก่อน จริงๆไปถึงก็เกือบจะหกโมงเย็นแล้วที่ช่วงที่ไปสว่างทั้งวันครับเลยมีเวลาเที่ยวได้มาก
เมื่อขับถึงบริเวณลานจอดรถของExit Glacier ก็สามารถมองเห็นธารน้ำแข็งได้เลยครับ จะมีทางเดินเข้าไปเรื่อยๆไม่ไกลมากครับ ก็จะถึงธารน้ำแข็ง ฟรีครับ
วิวตอนขับรถกลับจาก Exit Glacier เพื่อจะเข้าเมือง Seward ครับ
ออกจาก Glacier เราก็เข้าเมือง Seward กันซักที seward เป็นเมืองติดชายทะเลเล็กๆน่ารักๆ ที่ตรงชายทะเลจะมีที่ตั้งแคมป์และที่สำหรับจอดรถบ้าน เมืองนี้เราพักที่ Best Western ครับ ร้านอาหารตรงข้ามโรงแรมอร่อยครับ
Alaska : The Last Frontier
เลยรอดไป ส่วนในไฟล์ทขากลับไม่มีการกักตัวใดๆทั้งสิ้น
หลังจากผ่าน ตม มาแล้วจะไปที่เกทให้ไปสายพานดูกระเป๋าก่อนนะครับ(ตอนเช็คอินแท็กกระเป๋าไป anchorage ครับ) เพราะกระเป๋าจะออกมาก่อน และต้องไปโหลดอีกที แต่ที่โหลดอยู่ใกล้ๆกัน
เนื่องจากเราถึง anchorage 2ทุ่มกว่าทำใ้หอาคารเช่ารถปิดแล้ว เราได้ทำการจองรถไว้ในวันรุ่งขึ้น
อาคารเช่ารถจะอยู่ตรงข้ามกับอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ที่ anchorage พวกเราพักที่
Microtel Inn & Suites มีรถ shuttle รับฟรี เสียแต่ค่าทิปให้คนขับ โดยจะมีบริการโทรศัพท์ฟรีตรงชั้นล่างแถวๆสายพานรับกระเป๋าจะมีชื่อโรงแรมพร้อมเบอร์โทรให้โทรฟรีครับ
ส่วนตอนเช้าเวลาจะมารับรถเช่าก็บอกกับทางโรงแรม รถ shuttle ก็จะมารับครับ เค้าจะส่งอยู่ 2 ที่คือที่อาคารเช่ารถ กับ สนามบิน
Sim โทรศัพท์ ถ้าซื้อจากไทย dtac ใช้ไม่ได้เลยนะครับ แต่ sim 2 fly ใช้ได้สัญญาณโอเคครับ เพราะอลาสก้าใช้ของ AT&T ครับ
Anchorage เป็นเมืองใหญ่ที่มีร้านค้าหรือห้างเยอะใช้ได้ พวกเราได้ใช้บริการเกือบทุกที่ สรุปว่าชอบ Fred Meyer
มากสุดครับ ขาปูอลาสก้าสามารถซื้อได้จากที่นี่ด้วยนะครับ พวกเราซื้อกันไปอุ่นกินกันเกือบทุกมื้อ(ทุกโรงแรมที่เราไปพักจะมีไมโครเวฟในห้องครับ)
ถ้าขาปูที่นี่จะถูกกว่าที่ New Sagaya Midtown นะครับแต่คนไทยที่อยู่ที่นี่บอกว่าที่ Costco ถูกกว่าแต่พวกเราไม่สามารถเข้าไปได้เพราะต้องมีบัตรสมาชิกถึงเข้าได้
แต่ที่ชอบสุดของ New Sagaya คือ Lobster ครับถูกมาก เวลาซื้อก็ไปบอกพนักงานเค้าก็จะไปเลือกให้เราสดๆเลยเราสามารถบอกให้เค้าเอาไปต้มให้ได้ครับ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ถ้าใครจะซื้อกลับเมืองไทยควรไปสั่งเค้าไว้ก่อน 1 วันก่อนกลับนะครับเพราะต้องใช้เวลาฟรีส 24 ชม เกริ่นมาตั้งนานมีแต่เรื่องกิน
ได้เวลาออกจากเมือง anchorage กันแล้วครับหลังจากไปรับรถ พวกเราก็มุ่งลงใต้เพื่อจะไปเมือง Seward
ระหว่างทางไป seward เราก็ได้มีการแวะเที่ยวไปเรื่อยๆโดยจุดแรกที่จอดคือ Beluga Point ครับที่นี่เวลาวันหยุดจะมีการนำรถหรูๆมาจอดกันครับ
วิวระหว่างทางสวยมากครับหลังจากผ่าน Beluga Point เราก็จะไปกันต่อที่ Alyeskaครับเพื่อขึ้นกระเช้าไปชมวิว ค่ากระเช้ามีให้เลือกแบบจะเอาส่วนลดอาหารข้างบนหรือไม่เอา ส่วนต่างรู้สึกประมาณ 10-15 เหรืยญ
พวกเราเลือกแบบไม่เอาซื้อเฉพาะตั๋วไปกลับถ้าจำไม่ผิดประมาณ 30 เหรืยญครับ ส่วนอาหารเราออกมากินตรงปากทางเข้าครับ
วิวเมื่อมองจากข้างบนครับ
หลังจากผ่านการชมวิวที่ Alyeska แล้วก่อนเข้าเมือง Seward เราได้แวะไปที่ Exit Glacier ก่อน จริงๆไปถึงก็เกือบจะหกโมงเย็นแล้วที่ช่วงที่ไปสว่างทั้งวันครับเลยมีเวลาเที่ยวได้มาก
เมื่อขับถึงบริเวณลานจอดรถของExit Glacier ก็สามารถมองเห็นธารน้ำแข็งได้เลยครับ จะมีทางเดินเข้าไปเรื่อยๆไม่ไกลมากครับ ก็จะถึงธารน้ำแข็ง ฟรีครับ
วิวตอนขับรถกลับจาก Exit Glacier เพื่อจะเข้าเมือง Seward ครับ
ออกจาก Glacier เราก็เข้าเมือง Seward กันซักที seward เป็นเมืองติดชายทะเลเล็กๆน่ารักๆ ที่ตรงชายทะเลจะมีที่ตั้งแคมป์และที่สำหรับจอดรถบ้าน เมืองนี้เราพักที่ Best Western ครับ ร้านอาหารตรงข้ามโรงแรมอร่อยครับ