ภูมิปัญญาของนักทำนาย หมอดู โหราจารย์
การเป็นหมอดู นักพยากรณ์ โหราจารย์ อาจารย์ทางทำนายทายทักดวงชะตาราศี ตลอดถึงการดูฮวงจุ้ย และโหง้วเฮ้ง ลายมือ การเช็คดวงชะตา ฯลฯ ลำดับขั้นภูมิของหมอดู จากภูมิพื้นฐานไปยังภูมิสูงของหมอดู มีดังนี้
๑. เปิดหนังสือว่าไปตามหนังสือ หมายความว่า หมอดูนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นหมอดูในศาสตร์ไหน เช่น การทำนายทายทักด้วย โหวงเฮ้ง ฮวงจุ้ย ดูลายมือ ลายเท้า ไฝ กราฟชีวิต ไพ่ เซียมซี ดวงชะตา ราศี ยามสามตา เป็นต้น ตำราที่เรียนมาว่าอย่างไร หมอดูก็ว่าไปตามตำรานั้น ไม่มีการพลิกแพลง
๒. อธิบายในหนังสือ ว่าไปตามหนังสือ ตำรา คัมภีร์
๓. เพิ่มเติมจากหนังสือ ตำรา คัมภีร์
๔. แตกฉานตามข้อ ๒ อธิบายได้
๕. รู้เรื่องกรรม จากรูปธรรมไปหานามธรรม จากผลไปหาเหตุ เช่น หกล้ม ขาหัก หมอดูสามารถรู้ได้ว่าเพราะเขาประมาท หรือเป็นเพราะอะไร เจ็บปวดตรงไหน ควรไปสถานที่อะไรแก้ไข พยาบาลรักษา
๖. อธิบายกรรมได้ คือ เขาทำกรรมอะไรไว้ ลักษณะกรรมเป็นเช่นใด ทำไมถึงเป็นเช่นนี้
๗. รู้เหตุที่มาของกรรม คือ สาเหตุของกรรมที่เขาติดอยู่นั้นเหตุเกิดมาจากอะไร ใครเป็นผู้กระทำ ตนเองไปกระทำเขาก่อน หรือเขามากระทำเราก่อน
๘. รู้แก้ คือ รู้วิธีแก้ไข รู้วิธีเยียวยารักษา อาจจะเป็นตนเองแก้ไขให้ หรือต้องอาศัยบุคคลอื่นมาช่วยแก้ไขให้
๙. รู้ซ้อน คือ รู้ว่าที่เกิดเรื่องขึ้นนี้ ยังมีความซับซ้อนขึ้นไปอีก ไม่ใช่เพียงแต่เท่านี้
๑๐. รู้ฐาน มูลฐานเหตุ คือ รู้ว่าต้นเหตุของกรรมคนๆ นั้น เกิดขึ้นจากต้นตออะไร เช่น บุคคลคนหนึ่งชอบพูดจาเหน็บแนมคนอื่น เกิดจากตอนสมัยเด็กๆ มีคนชอบพูดจาเหน็บแนม ถากถางเขา พอโตขึ้นมาก็เลยชอบไปเหน็บแนมคนอื่น เพื่อที่จะเอาคืน แต่ถ้าเป็นมูลฐานเหตุก็จะลึกกว่านั้น อดีตชาติของเขาเคยไปพูดจาเหน็บแนมคนอื่นไว้เยอะ พอมาชาตินี้ก็โดนเอาคืน แต่ตนเองยังจองเวรอยู่จะเอาคืน และบางครั้งเอาคืนเกิน เป็นต้น
๑๑. รู้ความเป็นมา มาอยู่ รู้เป็นอยู่ และรู้เป็นไป
๑๒. รู้ที่จะมา รู้ที่จะอยู่ รู้ที่จะไป
๑๓. รู้แก้ที่จะสร้างเหตุให้ถูกต้อง เป็นมา เป็นอยู่ เป็นไป
๑๔. มีตบะเพียงพอที่จะทำ
๑๕. ดำรงรักษา
๑๖. ปล่อยวางทุกอย่างเข้าสู่สุญญตา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
ภูมิปัญญาของนักทำนาย หมอดู โหราจารย์
การเป็นหมอดู นักพยากรณ์ โหราจารย์ อาจารย์ทางทำนายทายทักดวงชะตาราศี ตลอดถึงการดูฮวงจุ้ย และโหง้วเฮ้ง ลายมือ การเช็คดวงชะตา ฯลฯ ลำดับขั้นภูมิของหมอดู จากภูมิพื้นฐานไปยังภูมิสูงของหมอดู มีดังนี้
๑. เปิดหนังสือว่าไปตามหนังสือ หมายความว่า หมอดูนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นหมอดูในศาสตร์ไหน เช่น การทำนายทายทักด้วย โหวงเฮ้ง ฮวงจุ้ย ดูลายมือ ลายเท้า ไฝ กราฟชีวิต ไพ่ เซียมซี ดวงชะตา ราศี ยามสามตา เป็นต้น ตำราที่เรียนมาว่าอย่างไร หมอดูก็ว่าไปตามตำรานั้น ไม่มีการพลิกแพลง
๒. อธิบายในหนังสือ ว่าไปตามหนังสือ ตำรา คัมภีร์
๓. เพิ่มเติมจากหนังสือ ตำรา คัมภีร์
๔. แตกฉานตามข้อ ๒ อธิบายได้
๕. รู้เรื่องกรรม จากรูปธรรมไปหานามธรรม จากผลไปหาเหตุ เช่น หกล้ม ขาหัก หมอดูสามารถรู้ได้ว่าเพราะเขาประมาท หรือเป็นเพราะอะไร เจ็บปวดตรงไหน ควรไปสถานที่อะไรแก้ไข พยาบาลรักษา
๖. อธิบายกรรมได้ คือ เขาทำกรรมอะไรไว้ ลักษณะกรรมเป็นเช่นใด ทำไมถึงเป็นเช่นนี้
๗. รู้เหตุที่มาของกรรม คือ สาเหตุของกรรมที่เขาติดอยู่นั้นเหตุเกิดมาจากอะไร ใครเป็นผู้กระทำ ตนเองไปกระทำเขาก่อน หรือเขามากระทำเราก่อน
๘. รู้แก้ คือ รู้วิธีแก้ไข รู้วิธีเยียวยารักษา อาจจะเป็นตนเองแก้ไขให้ หรือต้องอาศัยบุคคลอื่นมาช่วยแก้ไขให้
๙. รู้ซ้อน คือ รู้ว่าที่เกิดเรื่องขึ้นนี้ ยังมีความซับซ้อนขึ้นไปอีก ไม่ใช่เพียงแต่เท่านี้
๑๐. รู้ฐาน มูลฐานเหตุ คือ รู้ว่าต้นเหตุของกรรมคนๆ นั้น เกิดขึ้นจากต้นตออะไร เช่น บุคคลคนหนึ่งชอบพูดจาเหน็บแนมคนอื่น เกิดจากตอนสมัยเด็กๆ มีคนชอบพูดจาเหน็บแนม ถากถางเขา พอโตขึ้นมาก็เลยชอบไปเหน็บแนมคนอื่น เพื่อที่จะเอาคืน แต่ถ้าเป็นมูลฐานเหตุก็จะลึกกว่านั้น อดีตชาติของเขาเคยไปพูดจาเหน็บแนมคนอื่นไว้เยอะ พอมาชาตินี้ก็โดนเอาคืน แต่ตนเองยังจองเวรอยู่จะเอาคืน และบางครั้งเอาคืนเกิน เป็นต้น
๑๑. รู้ความเป็นมา มาอยู่ รู้เป็นอยู่ และรู้เป็นไป
๑๒. รู้ที่จะมา รู้ที่จะอยู่ รู้ที่จะไป
๑๓. รู้แก้ที่จะสร้างเหตุให้ถูกต้อง เป็นมา เป็นอยู่ เป็นไป
๑๔. มีตบะเพียงพอที่จะทำ
๑๕. ดำรงรักษา
๑๖. ปล่อยวางทุกอย่างเข้าสู่สุญญตา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์