[BR] Suzuka Endurance 4 Hours ศึกสองล้อสุดทรหดระดับตำนาน ที่มากกว่าการพิชิตความเร็ว !

กระทู้ผู้สนับสนุน
กระทู้รีวิว
.        Suzuka Endurance ศึกสองล้อระดับโลกสุดทรหดที่สอดไส้เอาไว้ด้วยความคลาสสิคและความทรงจำเอาไว้มากมาย หลังจากเปิดการแข่งขันกันไปตั้งแต่ปี 1978 ล่าสุดในฤดูกาล 2018 นี้ เดินเข้าสู่ ”การแข่งขันครั้งที่ 41” เข้าให้แล้ว  ถือว่าเป็นรายการแข่งระดับตำนานกันเลยทีเดียว ที่ผ่านมาแฟนๆ สองล้อโลกได้ชมลีลาการแข่งขันทั้งในคลาส ซูซูกะ 8 ชั่วโมง และ ซูซูกะ 4 ชั่วโมง เป็นรายการแข่งขันที่เป็นเวทีในการโชว์ออฟของนักบิดนามระบือโลกมากมาย ซึ่งเป็นหนึ่งในความทรงจำที่งดงามของการแข่งขันรายการนี้

บรรยายภาพ 001  : Suzuka 8 Hours รายการสุดคลาสิคที่เรียกดาวบิดระดับพระกาฬลงประชันฝีมือกัน และกองเชียร์ทั่วทุกมุมโลกได้ให้ความสนใจ ที่สนามซูซูกะ ประเทศญี่ปุ่น

         เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ส่งดาวบิดดวงใหม่ที่พร้อมจะไปเจิดจรัสในเวทีระดับโลก “ทีมของคนไทย โดยคนไทย เพื่อประเทศไทย”
         ประสบการณ์ปีแรกในฤดูกาลที่ผ่านมากับการลงสนามในการแข่งขันรายการ ซูซูกะ 4 ชั่วโมงของ เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ นั่นคือการเรียนรู้จักการแข่งขันหนึ่งในรายการของโลกที่แข็งโป๊ก ทีมแข่งได้เรียนรู้การทำงาน นักแข่งได้เรียนรู้การแข่งขันที่แตกต่างจากเกมส์โรดเรซซิ่งรายการอื่นๆ และที่พีคสุดๆ ก็คือ กองเชียร์พี่ไทยได้หัวใจตูมตามในการหนุนหลัง “ทีมไทย”แท้ๆ ร้อยเปอร์เซ็นในเวทีระดับนานาชาติเป็นครั้งแรก
         ย้อนกลับไป เมื่อมองถึงโจทย์ยากตั้งแต่ยังไม่เริ่มการแข่งขัน ท้ายที่สุดจบท็อปไฟว์มาได้ถือว่าไม่ธรรมดา กับการมาประเดิมสนามระดับโลกครั้งแรก
         และในปีนี้ “ เอ.พี.ฮอนด้า” ได้สานต่อภารกิจประวัติศาสตร์ เปิดเกมส์ส่งทีมไทย 100% สู้ศึกระดับโลกต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เปิดโอกาสให้นักบิดดาวรุ่งเลือดใหม่ไฟแรง ลุยศึกเอ็นดูรานซ์สุดทรหด “ซูซูกะ 4 ชั่วโมง” หวังสร้างประสบการณ์ก่อนก้าวสู่นักแข่งระดับโลก โดยมี BNK48 พร้อมกองเชียร์ชาวไทยกว่า 300 ชีวิต บินให้กำลังใจแบบเกาะติดชิดขอบสนามถึงแดนปลาดิบ วันที่ 27-29 ก.ค.

บรรยายภาพ 002 : กองเชียร์ไทยที่ยกพลไปเคียงข้างทีมไทยแท้ๆ ของพวกเค้าถึงสนามซูซูกะ ประเทศญี่ปุ่นเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ย้อมทั้งสนามให้กลายเป็นสนามของนักแข่งไทยไปทันที

ซูซูกะ 4 ชั่วโมง
         ความคลาสิคที่กลิ่นหอมหวานของมันดึงดูดแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตมาดอมดมกว่า 40 ปี คือความมาราธอนของ ซูซูกะ 8 ชั่วโมง ล่าสุดมันถูกต่อเติมให้เป็นอีเวนท์ที่อลังการงานสร้างยิ่งใหญ่ขึ้นด้วย ซูซูกะ 4 ชั่วโมงอีกรายการ มองดูตัวเลขเผินๆ หลายคนอาจจะคิดว่า รายการนี้หวานหมูยิ่งกว่าเดิม แต่แท้จริงแล้วบอกเลยว่า “ยากไม่น้อยกว่ากันแน่นอน” เมื่อกติกาถูกตัดตอนลงมาให้พอดีกับเวลาที่แข่งขัน 4 ชั่วโมง ทั้งจำนวนนักแข่ง, ยาง หรือพิกัดรถแข่งที่ลงสนาม
         การประสบความสำเร็จในเวทีระดับประเทศ หรือการพุ่งชนชัยชนะด้วยการส่งนักแข่งในสังกัดลงไปไล่ล่าเกียรติยศกับทีมแข่งที่มีประสบการณ์และความพร้อมระดับโลกนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว “เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” คิดข้ามช็อตไปด้วยความท้าทายอีกก้าวที่ไม่ใช่เพียงแค่ผู้ชนะเท่านั้น แต่เป้าอยู่ที่การเป็นผู้สร้างชัยชนะขึ้นมาเองทีมแข่งไทยแท้ๆ ทั้งหัวหน้าทีม, ทีมแมคคานิค โค้ช และนักแข่งถูกฟอร์มขึ้นมาด้วยความท้าทายอันยิ่งใหญ่ที่ว่า มันจะต้องสำเร็จให้ได้ด้วยการเข้าถึงเส้นชัยไม่ว่าต้องแลกด้วยความพยายาม ความอดทน การวางแผนการขับขี่ที่ดี ต้องมีความพร้อมทั้งทีม นี่คือเวทีที่เหมาะสมเหลือเกินกับการพิสูจน์ตัวเองกับความท้าทายที่มีเป้าหมายมุ่งสู่สนามระดับโลก

บรรยายภาพ 003 : กดเวลาให้ได้ดีที่สุด เร็วที่สุด สม่ำเสมอที่สุด พลาดน้อยที่สุด และต้องคิดบริหารเกมส์เพื่อการทำงานเป็นทีมตลอดเวลา คือหนึ่งในเสน่ห์ของการแข่งขัน ซูซูกะ 4 ชั่วโมง นักแข่งสองคนจะแยกโดยปลอกแขนสีเหลืองและแดงที่แขนทั้งสองข้าง

นักแข่ง
         ซูซูกะ 4 ชั่วโมงจะใช้นักแข่งเพียง 2 คนในการลงสนาม โดยมีนักแข่ง 1 คนที่เพิ่มเข้ามานั้นเป็นตัวสำรองที่พร้อมสแตนบายด์ลงสนาม หากสองนักแข่งที่วางเอาไว้คนใดคนหนึ่งไม่พร้อมลงสนามขึ้นมาก่อนที่การแข่งขันจะเริ่ม ก็จะดึงตัวสำรองมาลงแทน ซึ่งโจทย์นี้ทดสอบ “เอ.พี ฮอนด้า เรซซิ่งไทยแลนด์”  มาแล้วในปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่าพิสูจน์ความพร้อมของทีมกันตั้งแต่เกมส์ยังไม่ได้เริ่มเลยทีเดียว
         การเลือกนักแข่งในการลงสนามนั้น ไม่เพียงแค่จิ้มไปที่คนที่ขี่รถได้เร็วที่สุดเท่านั้น แต่การทำงานด้วย “ทีม” นั้นสำคัญที่สุดในรายการนี้ นักแข่งทั้ง 3 คน (รวมสแตนบายอีก 1 คน) นอกจากจะต้องสื่อสารและทำงานกับทีมงานได้เป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ประสบการณ์ในการขับขี่ รถ พิกัดที่ลงสนามนั้นต้องมีอยู่ในกระเป๋า เพราะการต้องลงไปซัดยาวๆ หลายชั่วโมงแบบนั้น ความฟิตของร่างกาย ความแกร่งของจิตใจในการยืนระยะ ความนิ่งของการขับขี่ที่จะรักษาเวลาต่อรอบให้ได้อย่างสม่ำเสมอ คือสรรพคุณชั้นยอดของนักบิดซูซูกะ 4 ชั่วโมง
         สไตล์สการขับ ที่จะส่งผลถึงเซ็ทติ้งของรถแข่งนั้นคืออีกกุญแจสำคัญ เมื่อต้องสลับกันลงบิดรถแข่งคันเดียว ที่ใช้การเซ็ทอัพเดียว โพซิชั่นการขับขี่เดียว นั่นทำให้นักแข่งที่เลือกในการแข่งขันนั้นต้องซ้อม, ขี่, ทำงานร่วมกันเป็นทีมให้มากที่สุด เพื่อหาจุดที่ลงตัวที่เป็นธรรมชาติที่สุดร่วมกันให้ได้


บรรยายภาพ 004 : เวลาทองในการเติมน้ำมันจะเป็นจังหวะในการสลับตัวนักแข่งด้วย นักแข่งคนที่มาเปลี่ยนนั้นจะต้องพร้อมที่ข้างๆ รถตลอดเวลา พร้อม...กระโจน...ไปโลดดดดดด

การแข่งขัน
         รถแข่ง 1 คัน นักแข่ง 2 คน (สแตนบายอีกหนึ่ง) ยาง 1 คู่ พร้อมกับคู่ต่อสู้ที่เรียกว่า 4 ชั่วโมง โดยไม่ต้องไปโฟกัสที่คู่แข่งในการเร่งแซงเบียดบังไลน์เป็นอันดับแรก แต่กับเวลาดังกล่าวนี้คือการต่อสู้กับตัวเองให้ทำระยะทางได้มากที่สุด ทีมไหนที่ทำระยะทางในการแข่งขัน (จำนวนรอบ)ได้มากที่สุด ก็จะเป็นผู้ชนะไปในทันที 18 โค้ง วนรอบวงแหวนเลข 8 ระยะทาง 5.8 กิโลเตรของสนามซูซูกะ
         อ่านดูเหมือนง่าย ...แต่เรื่องจริงในการแข่งขันนั้นมันยาก! และซับซ้อนกว่าหน้ากระดาษหลายเท่า เพราะตลอดเส้นทาง 4 ชั่วโมงนั้น ต้องใช้องค์ประกอบหลายอย่างที่จะสนับสนุนให้ประสบความสำเร็จ
         การเริ่มต้นการแข่งขันสุดฮิพ กับอะไรที่เรียกว่า “เลอมัง สตาร์ท”คือหนึ่งในเอกลักษณ์ของ ซูซูกะ ทั้ง 8 และ 4 ชั่วโมง อธิบายให้เห็นชัดๆ ก็คือ ก่อนเริ่มเกมส์การแข่งขันนั้นนักแข่งจะไม่ได้นั่งอยู่บนรถเหมือนโรดเรซซิ่งทั่วไป แต่นักแข่งและตัวรถแข่งคู่กายจะอยู่กันคนละฝั่งของแทร็ค การเริ่มสตาร์ท คือการสับฝีเท้าเข้าหารถแข่งของตัวเองก่อนที่จะรีดมันออกไปสู่เกมส์การแข่งขัน

บรรยายภาพ 005 : “เลอมัง สตาร์ท” จั้มอ้าวสิครับพี่น้องงงงง...

ยาง
         ชิ้นส่วนเดียวของรถที่สัมผัสกับพื้นแทร็ค....นี่คือโจทย์หินสุดคลาสิคอย่างหนึ่งของซูซูกะ 4 ชั่วโมง เมื่อรถแข่ง 1 คันที่มีนักแข่ง 2 คนสลับกันลงขี่ด้วยความเร็วเต็มที่ และระยะทางมากกว่า 80 รอบสนามของซูซูกะ (สถิติโดยเฉลี่ยของผู้ชนะการแข่งขัน ซูซูกะ 4 ชั่วโมง) กติกากำหนดเอาไว้ให้ใช้ยางได้เพียงชุดเดียวเท่านั้น ยกเว้นกรณีสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง และทางสนามอนุญาตเท่านั้นจึงจะสามารถเปลี่ยนได้
         ประสิทธิภาพการยึดของยางนั้นส่งผลโดยตรงต่อความสามารถของรถแข่งในการทำเวลาต่อรอบ ดังนั้นการรักษายางคู่เดียวให้อยู่ยงจนจบเกมส์นั้นมีความสำคัญอย่างที่สุด สไตล์การขับขี่ การบริหารยางของนักแข่งทั้งสองคน การใช้เบรก ใช้คันเร่งในสนาม ไม่สามารถขี่ได้แบบตามใจฉัน แต่ต้องคำนึงถึงอายุของยางทุกๆ วินาทีอีกด้วย

บรรยายภาพ 006 : ยางเพียงชุดเดียวเท่านั้นที่แต่ละทีมมีโควตาใช้ได้ (ยกเว้นสถานการณ์ของสภาพอากาศและทางสนามอนุญาตให้เปลี่ยนได้เท่านั้น) กับเวลาที่ซัดกันยาวๆ 4 ชั่วโมงเต็มวิ่งไปกว่า 80 รอบสนาม

รถแข่ง
         ตัวแข่งในรายการ ซูซูกะ 4 ชั่วโมงนั้นกำหนดว่าต้องเป็นรถแบบโปรดักชั่น 600 ซีซี (รถที่มีจำหน่าย) ซึ่ง เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่งไทยแลนด์ เลือกไปที่เจ้า Honda CBR600RR ซึ่งสมรรถนะของมันนั้นการันตีเรียบร้อยเมื่อ “เครื่องยนต์” ตัวนี้ เป็นของตัวแข่งชิงแชมป์โลกโมโตจีพี ในรุ่น โมโต 2 มาตลอดหลายปี

บรรยายภาพ 007 : เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่งไทยแลนด์ เตรียมความพร้อมทุกจุดอย่างเต็มที่กับตัวแข่งประจำทีมอย่าง Honda CBR600RR

การเติมน้ำมัน
         รวดเร็ว พอดี และวางแพลนเกมส์
         ไม่น่าเชื่อใช่ไหมว่า การเติมน้ำมันมีผลกับชัยชนะของการแข่งขันเลยทีเดียว  นั่นเพราะทุกๆ ครั้งที่เติมน้ำมันนั่นหมายความว่า ต้องเสียเวลาในการทำระยะทางในการแข่งขันไปทันที เนื่องจากรถแข่งต้องวิ่งเข้ามาสู่พิทบ็อกซ์เพื่อรับน้ำมันเข้าสู่ถัง เพราะกติกาของซูซูก้า 4 ชั่วโมงนั้น กำหนดให้รถแข่งต้องเข้ามาเติมน้ำมันที่พิทเพียงอย่างเดียวเท่านั้นไม่สามารถที่จะนำน้ำมันออกไปเติมให้รถแข่งในช่วงใดช่วงหนึ่งของสนามได้ (หากหมดก่อนเข้าพิทต้องมีเข็นกันบ้างหล่ะ!)
         การเติมน้ำมันให้รวดเร็วและแม่นยำที่สุด เพื่อเป็นการประหยัดเวลาจึงสำคัญมาก! นอกจากนี้แล้วการเข้ามาสู่พิทเพื่อเติมน้ำมันนั้น ทีมแข่งมักจะใช้ช่วงเวลานี้ในการเปลี่ยนตัวนักแข่งลงไปขับขี่ต่ออีกด้วย เพื่อให้นักแข่งคนหนึ่งได้พักและอีกคนหนึ่งได้ทำเวลาต่ออย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการเติมน้ำมันแต่ละครั้งจึงต้องคำนวณปริมาณโดยคำนึงถึงระยะทางและความสามารถของนักแข่งคนใหม่ที่จะสามารถขับขี่ในช่วงต่อไป และจะต้องการเข้ามาเติมอีกครั้งเมื่อต้องการเปลี่ยนนักแข่งคนใหม่พอดี นี่คืออีกหนึ่งกลยุทธ์ของทีม โค้ช และนักแข่งที่ต้องทำงานร่วมกันให้เป็นทีมมากที่สุดอีกด้วย

บรรยายภาพ 008 : ทีมเตรียมความพร้อมตลอดเวลา พร้อมวางแผนในช่วงเข้าพิทเพื่อเติมน้ำมันและเปลี่ยนตัวนักแข่ง ซึ่งต้องมีการจัดการแพลนเกมส์เป็นอย่างดี ทีมงานเติมน้ำมันกติกากำหนดให้ต้องสวมชุดป้องกันไฟด้วยนะจ๊ะ

การตัดสินชัยชนะ
         เวลา 4 ชั่วโมง รถแข่ง 1 คัน และนักแข่ง 2 คน ทีมไหนวิ่งได้จำนวนรอบสนามซูซูกะมากที่สุด ก็จะได้เป็นผู้ชนะ กติกาสุดชัดเจนและง่ายต่อการเข้าใจ แต่มิติของมันอยู่ที่การจะทำอย่างไรให้ไปถึงจุดนั้นได้ต่างหากที่ยากยิ่ง! ผู้ชนะจึงต้องพร้อมที่สุด ทั้งทีมงาน รถแข่ง การแก้ปัญหา การเตรียมความพร้อม นี่คือการวัดความพร้อม กำลังกาย กำลังแรงใจและความท้าทายอย่างใหญ่หลวงที่จะก้าวไปให้ถึงจุดนั้น


บรรยายภาพ 009 : เร็วที่สุดใน 4 ชั่วโมงคือผู้ชนะ แต่ไม่ใช่เพียงแค่สองนักแข่งเท่านั้น ทั้งหมดคือทีม ผลการแข่งขันของทีมแข่งไทย โดยคนไทย เพื่อประเทศไทย


[Advertorial]
ชื่อสินค้า:   เอ.พี.ฮอนด้า
คะแนน:     

BR - Business Review : กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวจากผู้สนับสนุน

โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่